Latest

ช่วยอ่านผลด้วย ไปตรวจสุขภาพได้ค่าไตค่าตับสูง

ไปตรวจสุขภาพ ได้ผลตรวจเลือดค่า Creatinine 1.24 แล้วก็ค่าSGPT(ALT) 58 ครับในใบมันบอกว่าสูงควรไปหาหมอเพื่อตรวจเช็คอะไรไหมครับ แล้ววิธีลดค่าพวกนี้ทำยังไงบ้างครับผมอายุ 22 ปีครับ อ้วนด้วยครับ LDL ก็สูงครับ 142
ช่วยบอกทีนะครับ ขอบคุณครับ
>>>>>

ตอบครับ

1. ทีหลังบอกมาด้วย ที่ว่าอ้วนน่ะ น้ำหนักเท่าไร สูงเท่าไร ผมจะได้ดูดัชนีมวลกายว่าเป็นเท่าไร เพื่อจะได้เทียบมาเป็นความเสี่ยงทางการแพทย์ได้ว่าปัญหาอยู่ระดับที่ซีเรียสแค่ไหน

2. ค่า Creatinine หรือ Cr เป็นตัวบอกการทำงานของไต ค่า 1.24 หมายความว่าการทำงานของไตเสื่อมลงไปจากปกติ ปัจจุบันนี้วงการโรคไตทั่วโรครวมทั้งสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยด้วย ได้เปลี่ยนไปใช้ค่าปริมาณเลือดที่ไหลผ่านตัวกรองของไตในหนึ่งนาที (GFR) ในการบอกสถานะโรคไตแทนค่า Cr โดยห้องแล็บจะเอาค่า Cr ไปคำนวณกับเพศ อายุ และเชื้อชาติของแต่ละคน แล้วรายงานผลแล็บออกมาเป็นค่า GFR เนื่องจากได้จากการคำนวณจึงเรียกว่า eGFR แต่ก็ใช้แทนกันไปมากับ GFR ได้ อย่างเช่นของคุณผมคำนวณให้ได้ eGFR =70 ซีซี.ต่อนาที ปกติเลือดควรผ่านตัวกรองของไตได้นาทีละ 90 ซีซี. ถ้าน้อยกว่านั้นก็คือไตเสื่อม หรือพูดง่ายๆว่าเป็นโรคไตเรื้อรัง ซึ่งสมาคมโรคไตทั่วโลกแบ่งโรคไตเรื้อรังเป็น 5 ระยะ คือ

ระยะที่ 1. มีพยาธิสภาพที่ไตแล้ว (เช่นมีนิ่ว เป็นกรวยไตอักเสบ ไตบวม) แต่ GFR ยังปกติ (>90)
ระยะที่ 2. มีพยาธิสภาพที่ไตแล้ว และ GFR ต่ำกว่า 90 แต่ไม่ต่ำกว่า 60
ระยะที่ 3. ใครก็ตามที่ GFR ต่ำกว่า 60 แต่ไม่ต่ำกว่า 30 ระยะนี้ถือว่าเป็นโรคไตเรื้อรังโดยสมบูรณ์แบบแล้ว
ระยะที่ 4. ใครก็ตามที่ GFR ต่ำกว่า 30 แต่ไม่ต่ำกว่า 15
ระยะที่ 5. ใครก็ตามที่ GFR ต่ำกว่า 15 ระยะนี้คือไตพังไปแล้วเรียบร้อย ต้องใช้ไตเทียมล้างไตจึงจะมีชีวิตอยู่ได้

อย่างกรณีของคุณ GFR ยังไม่ต่ำกว่า 60 ถ้าไม่มีนิ่วหรือไตพิการอยู่ก่อน ก็ยังไม่ถือว่าเป็นโรคไตเรื้อรัง แต่ก็พึงสังวงไว้ว่าไตคุณไม่ได้เจ๋งแล้วนะ ต้องป้องกันไตไม่ให้แย่ไปกว่านี้ โดยการ (1) ดื่มน้ำมากเป็นนิสัย วันละ 2 ลิตรขึ้นไป (2) อย่าเที่ยวกินยาอะไรเปะปะที่อาจทำให้ไตพังได้ โดยเฉพาะยาแก้ปวดกลุ่ม NSAID (3) เวลาหมอเขาจะของตรวจพิเศษด้วยการฉีดสารทึบรังสี อย่าทำ ให้เลี่ยงไปตรวจวิธีอื่นที่ไม่เป็นพิษต่อไตแทน (4) ตรวจสุขภาพปีหน้า ให้ตรวจอุลตร้าซาสด์ดูนิ่วในไต และตรวจปัสสาวะโดยเจาะจงดูสาร microalbumin ในปัสสาวะเป็นกรณีพิเศษด้วย เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นข้อมูลช่วยบอกว่าเรามีพยาธิสภาพที่ไตหรือเปล่า ถ้ามีจะได้แก้ไข

3. SGPT เป็นเอ็นไซม์ที่จะออกมาในเลือดเมื่อเซลตับเสียหาย กรณีของคุณ SGPT 58 เป็นค่าที่สูงผิดปกติแสดงว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นที่ตับ จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม จากข้อมูลที่คุณให้มาอย่างน้อยก็มีหนึ่งสาเหตุแล้วคือไขมันแทรกตับ (fatty liver) ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบแบบที่เรียกว่า NAFLD หรือโรคตับจากไขมันโดยไม่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ สิ่งที่คุณพึงทำคือ

3.1 ลดน้ำหนัก
3.2 ออกกำลังกายออกกำลังกายให้ได้ระดับมาตรฐานสากล หมายความว่าออกกำลังกายต่อเนื่องให้ถึงขั้นเหนื่อยพอควร (เหนื่อยจนร้องเพลงไม่ได้) ติดต่อกันไปครึ่งชั่วโมง สัปดาห์ละ 5 ครั้ง บวกการเล่นกล้ามอีกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ทำอย่างนี้ได้จึงจะถือว่าได้ออกกำลังกายถึงระดับมาตรฐานสำหรับคนทั่วไป การออกกำลังกายเป็นวิธีลดไขมันได้แน่นอนที่สุด
3.3 ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัว อันได้แก่หมูเห็ดเป็ดไก่ทั้งหลาย
3.4 ลดการบริโภคไขมันทรานส์ อันได้แก่ครีมเทียม เนยเทียม ขนมกรุบกรอบ เค้ก คุ้กกี้ ไอศกรีม
3.5 เปลี่ยนธัญพืชที่กินอยู่ให้เป็นธัญพืชไม่ขัดสี เช่นเปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวซ้อมมือหรือข้าวกล้อง ขนมปังขาวเป็นขนมปังโฮลวีท เป็นต้น เพราะธัญพืชไม่ขัดสีมีกากชนิดละลายได้ช่วยดูดซับไขมันไม่ให้เข้าสู่ร่างกายมาก
3.6 อย่ายุ่งกับแอลกอฮอล์เด็ดขาด
3.7 ไปตรวจดูสถานะของโรคตับอักเสบจากไวรัส ทั้งไวรัสเอ. ไวรัสบี. ไวรัสซี. ว่ามีเชื้ออยู่ในตัวหรือเปล่า ถ้าไม่มี มีภูมิคุ้มกันหรือยัง ถ้าไม่มีภูมิคุ้มกันก็จะได้ฉีดวัคซีนป้องกันเสีย เพราะตับแย่ๆอยู่แล้ว ถ้าเจอโรคพวกนี้เข้าอีกก็..เรียบร้อย
3.8 อยู่ห่างๆสารพิษต่อตับไว้ โดยเฉพาะอะฟลาทอกซินที่พบมากในถั่วลิสงบด
3.9 ยาที่มีพิษต่อตับก็อย่ากิน แม้แต่ยาเช่นพาราเซ็ตตามอลก็มีพิษต่อตับ ควรหลีกเลี่ยง สมัยก่อนที่ยังไม่มียาพาราเซ็ตตามอลใช้ มนุษย์เราก็อยู่กันได้ ไม่เห็นตาย ยาพาราเซ็ตตามอลกินพร้อมกับแอลกอฮอล์ เป็นสูตรทำลายล้างตับที่ชะงัดที่สุด เป็นตับว่าเพราะสูตรนี้มานักต่อนักแล้ว

ข้อมูลตรวจสุขภาพที่ให้มา บ่งบอกว่าต้องทำตัวเสียใหม่ดังข้างต้น อ่านแล้วก็ทำซะด้วยนะครับ ถ้าไม่ทำ ปีหน้าไม่ต้องไปตรวจสุขภาพ เสียเงินให้หมอ เสียเวลาทำงาน ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์