Latest

โรครูมาตอยด์ กับความต๊อแต๊

สวัสดีคะ คุณหมอสันต์

พอดีเข้าไปพบข้อมูลของคุณหมอใน google และได้อ่านหลายๆ blogs ของคุณหมอได้ความรู้เป็นอย่างมาก ต้องขอชื่นชมในความเอื้ออาทรช่วยเหลือ ในเรื่องให้ความกระจ่างและความเข้าใจเรื่องโรคต่างๆได้มากจริงๆ และตัวดิฉันเองก็เป็นอีกคนที่ต้องขอความกรุณาปรึกษาคุณหมอเรื่องอาการป่วยของดิฉัน ตอนนี้อายุ 39 สูง 158 หนัก 48 k.คะ ตอนนี้อาศัยอยู่ที่ ประเทศ BERMUDA เมื่อประมาณ สามอาทิตย์กว่ามีอาการปวดมือเท้าสองข้าง ไม่มีแรงหยิบจับอะไรก็ปวด กำไม่ได้ปวด เดินลงน้ำหนักที่เท้ามากก็จะปวดผ่าเท้า และอาการแย่มากในตอนเช้า ขยับร่างกายลำบากมากๆบางทีปวดมากไปจนถึงช่วงบ่าย ทานยาแก้ปวดอยู่สองวันอาการไม่ดีจึงไปหาหมอที่นี่ เขาให้ยา Reliex 500mg. ทาน 2 เม็ดทุกวันแต่อาการปวดก็ไม่ดีขึ้น ทำงานไม่ค่อยได้เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ท้อแท้ มากเพราะห่วงงาน ไปหาหมอใหม่เขาสงสัยว่าเป็นรูมาตอยด์ และตอนนี้ทานยา Arcoxia 60mg. วันละ2 เม็ด อาการปวดดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังเคลื่อนไหวลำบากอยู่ ส่วนผลเลือดส่วนที่ผิดปรกตินะคะ
1. RF >1:80
2. ESR H 43
3. RBC L 3.72
4. HGB L 11.2
5. HCT L 32.8
6. MONO H 15
7. Protein H 8.4
8. Globulin H 3.8
9. Cholesterol H 208
10. Triglyceride H 190

รบกวนถามคุณหมอว่า
1. ดิฉันเป็นรูมาตอยด์ใช่หรือเปล่า
2. มียาตัวไหนทีทำให้โรคนี้สงบลงได้ไหมคะ
3.ยามีผลข้างเคียงมากไหมคะ
4.ระยะเวลาในการรักษานานไหมคะจึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตและทำงานตามปรกติได้
5.โรคนี้เกิดจากภูมิคุ้มกันตัวเองผิดปรกติ ถ้าดิฉันปรับตังเองให้แข็งแรงขึ้นออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารให้ถูกหลักและสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองด้วยหลักธรรมชาติ จะสามารถเอาชนะโรคได้ไหมคะ
ขอความกรุณาคุณหมอช่วยให้คำแนะนำด้วย ดิฉันกลุ้มใจมากตื่นหรือหลับก็ทรมานเหลือเกิน ร้องไห้ทุกวันเพราะดิฉันเคยเป็นแข็งแรงทำงานหนัก ออกกำลังกายเข้าฟิตเนสเป็นประจำ แต่ตอนนี้ต้องมานอนป่วย เคลื่อนไหวเหมือนคนแก่อายุ 80
สุดท้ายนี้ขอกุศลผลบุญช่วยเกื้อหนุนคุณหมอให้มีความสุขและเจริญก้าวหน้าปราศจากโรคภัยไข้เจ็บตลอดไปค่ะ

………………………………………………………..

ตอบครับ

1. ถามว่าคุณเป็นโรครูมาตอยด์จริงหรือเปล่า ตอบว่าคนที่รู้ดีที่สุดก็คือหมอที่รักษาคุณอยู่นั่นไง เพราะโรคนี้วินิจฉัยจากอาการเป็นหลัก ถ้าหมอที่ตรวจร่างกายคุณบอกว่าใช่ก็ต้องใช่ เพราะขึ้นชื่อว่าหมอแล้วก็เชื่อถือได้ไม่ว่าจะเป็นหมอประเทศไหน ว่าแต่ประเทศ Bermuda นี้มีด้วยเหรอ มันอยู่ที่ไหนนะ ฟังชื่อเหมือนสามเหลี่ยมอะไรที่ใครเข้าไปแล้วจะหายแซ้บหายสอยไปเลย ขอโทษ.. นอกเรื่องละ กลับมาเรื่องการวินิจฉัยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ของคุณดีกว่า ถ้าจะตอบในฐานะหมอที่อยู่ไกล ไม่ใช่หมอที่จับต้องตัวคุณอยู่ ผมคงตอบได้แต่ว่าเกณฑ์วินิจฉัยข้ออักเสบรูมาตอยด์ปัจจุบันนี้ทั่วโลกใช้ของวิทยาลัยข้ออักเสบอเมริกาและยุโรป (ACR/EULAR) ผมจะลองใช้เกณฑ์นี้กับคุณนะ มีข้อเล็กข้อน้อย (นิ้วมือนิ้วเท้า) อักเสบตั้งแต่สิบข้อขึ้นไป นี่ก็ได้ไป 3 คะแนนแล้ว เจาะเลือดดู RF (rheumatoid factor) ได้ผลบวกนิดหน่อย ได้ไปอีก 2 คะแนน เจาะเลือดดูสารแสดงปฏิกิริยาการอักเสบ (ESR – erythrocidementation rate) ได้ค่าสูงกว่าปกติ ได้ไปอีก 1 คะแนน คุณมีอาการมานานกว่า 6 สัปดาห์แล้ว ได้ไปอีก 1 คะแนน รวมแล้วเป็น 7 คะแนน ถือว่าเข้าเกณฑ์ว่าเป็นโรคนี้ได้แล้ว เพราะเกณฑ์บอกว่าถ้าได้ 6 คะแนนขึ้นไปถือว่าเป็นโรคนี้

2. ถามว่ามียาตัวไหนที่ทำให้โรคนี้สงบลงได้ไหมคะ ตอบว่ามีสิครับ มีเพียบเลย หมอของคุณยังไม่ได้ใช้ยาดุๆซักตัวเลยด้วยซ้ำ ยาแถวแรกที่ใช้รักษาข้ออักเสบรูมาตอยด์เรียกว่า DMARD ย่อมาจาก disease modifying antirheumatic drug เช่น metrhotrexate, sulfasalazine, leflunomide, hydroxychloroquine และอีกตัวหนึ่งที่หมอบางคนชอบใช้คือ “ทอง” หมายความว่าทองคำแท้ๆนี่แหละ ใช้เป็นยาได้

3. ถามว่ายามีผลข้างเคียงมากไหม ตอบว่าขึ้นชื่อว่ายาก็ต้องมีผลข้างเคียงสิครับ ไม่งั้นเขาไม่เรียกว่ายาหรอก เขาจะเรียกว่าขนม หรือสะเต๊ะ แทน แต่ถ้าเรียกว่าเป็นยาแล้วต้องมีพิษทั้งนั้น นี่เป็นสัจจะธรรม เพียงแต่ว่ายา DMARD ที่ใช้รักษาข้ออักเสบรูมาตอยด์นี้แพทย์ rheumatologist เขาจะใช้อย่างระมัดระวัง คือใช้ไปติดตามดูไปไม่ให้ห่าง จึงมีความปลอดภัยพอสมควรและมีประโยชน์มากกว่าโทษครับ

4. ถามว่าระยะเวลาในการรักษานานไหมจึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตและทำงานตามปรกติได้ ตอบว่าแล้วแต่ดวงครับ การพยากรณ์ของโรคนี้เอาแน่ไม่ได้ บางคนรักษาแป๊บเดียวหายและไปดี บางคนก็ไปไม่ค่อยดี คือเรื้อรังเป็นๆหายๆ บางคนโรคนี้หายเองได้โดยไม่ทันรักษาด้วยซ้ำไป หมายความว่าหายจ้อยไปเลยไม่กลับมาเป็นอีก ในภาพรวมผมบอกให้คุณใจชื้นได้อย่างหนึ่งว่าการใช้ยา DMARD ทำให้สองในสามของคนป่วยโรคนี้มีชีวิตปกติได้ตลอดไปโดยไม่มีความพิการหรือทุพลภาพแต่อย่างใด แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรือครับ

5. ถามว่าถ้าปรับตัวเองให้แข็งแรงขึ้นออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารให้ถูกหลักและสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองด้วยหลักธรรมชาติ จะสามารถเอาชนะโรคได้ไหม ตอบว่าได้สิครับ ได้แน่ๆ ขอให้คุณทำจริงแค่นั้นแหละ

“..แน่ เสียยิ่งกว่าแน่อีกน้อง
น้อง..นะสิ พี่กลัวไม่แน่..”

6. ข้อนี้คุณไม่ได้ถาม แต่ผมแส่ถามเอง คือในผลแล็บที่ให้มาไม่เห็นมีการตรวจการทำงานของตับและการตรวจสถานะของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นตับอักเสบ เอ. บี. ซี. ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ต้องมีก่อนจะลงมือรักษาโรคนี้ เพราะคนเป็นโรคนี้ตับต้องดีเหมือนคนจะเป็นดาราต้องเสียงดี (เกี่ยวกันไหมเนี่ย) เหตุผลที่หนึ่งก็เพราะโรคตับอักเสบบางชนิดอาการแยกไม่ออกจากโรคนี้ เหตุผลที่สองก็เพราะยาที่จะใช้รักษาโรคนี้มักมีผลต่อตับมากบ้างน้อยบ้าง การตรวจสถานะของการติดเชื้อก็เพื่อจะได้รู้ว่าถ้ายังไม่มีภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบเอ.หรือบี.ซึ่งป้องกันได้ จะได้ฉีดวัคซีนป้องกันเสีย ก่อนที่ไวรัสจะบุกเข้ามาทำให้ตับแย่ไปกว่าเดิม ดังนั้นไปหาหมอคราวหน้าถามเขาหน่อยว่าสถานะการทำงานของตับของเราเป็นอย่างไร เรามีภูมิคุ้มกันตับอักเสบชนิดต่างๆที่ป้องกันได้แล้วหรือยัง

7. ที่พิลาปรำพันว่าดิฉันกลุ้มใจมากตื่นหรือหลับก็ทรมานเหลือเกิน ร้องไห้ทุกวันยังกับนางเอกลิเกนั้น ขอบอกว่าคุณคงดูหนังมากไปและกำลังจะพาชีวิตตัวเองไปผิดทางแล้ว ชีวิตคนเรามันต้องมีเจ็บมีป่วย ร่างกายของคนเรามันต้องมีปวดมีเมื่อย สิ่งที่คุณพึงทำคือทำความรู้จักกับมัน แบบว่า “ปวดหนอ” แค่นั้นพอ ไม่ต้องพิลาปอะไรมากไปกว่านั้น เพราะชีวิตคนเราสั้น อย่าเสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง พิลาปรำพันไปใครเขาจะมาพุทโธกับคุณ เอาเวลาที่มีอยู่ไปใช้ชีวิตแบบสร้างสรรค์และมีคุณภาพเต็มสะตีมดีกว่า

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม

1. Aaletaha D, Neogi T et al for AHA/EULAR. 2010 Rheumatoid arthritis classification criteria. Arthritis & Rheumatism 2010;62(9):2569-2581. (DOI 10.10020art.27584)