การตรวจยีน HLA-B*5801 ก่อนเริ่มต้นใช้ยาลดกรดยูริก (allopurinol)
ขอบพระคุณคุณหมอมากครับ
……………………………………………..
ตอบครับ
1. งานวิจัยติดตามคนที่มีกรดยูริกสูงโดยไม่มีอาการ (asymptomatic hyperuricemia) ไปห้าปีพบว่าคนที่กรดยูริกอยู่ระดับไม่เกิน 8.0 มก.จะเป็นเก้าท์ 2.0% คนที่กรดยูริกอยู่ระดับ 9.0-10.0 จะเป็นเก้าท์ 19.8% คนที่กรดยูริกอยู่ระดับสูงกว่า 10.0 มก. ขึ้นไป จะเป็นเก้าท์ 30.0% นั่นหมายความว่ากรณีของตัวคุณมีโอกาสเป็นเก้าท์ 30% ใน 5 ปีข้างหน้า นี่มองจากระดับกรดยูริกอย่างเดียวนะ แต่ความจริงยังมีหลักฐานว่ามีตัวเร่งให้เป็นเก้าท์อื่นๆเช่น แอลกอฮอล์ ยาขับปัสสาวะ และความอ้วนซึ่งในกรณีของคุณ คุณมีดัชนีมวลกาย 31 กก.ต่อตรม. แปลว่าเป็นโรคอ้วนเต็มเปาแล้ว สิ่งแรกที่คุณพึงทำคือลดความอ้วนก่อน แล้วถ้าคุณดื่มแอลกอฮอล์อยู่ก็หยุดซะก่อน เรื่องอื่นค่อยมาว่ากัน
4. ถามว่าถ้าไม่ได้เป็นกรณีใดกรณีหนึ่งในสี่กรณีข้างต้นเลย แต่ว่าระดับกรดยูริกสูงมากๆเช่นสูงเกิน 13 มก./ดล.อย่างในกรณีของคุณนี้ จะกินยาเลยดีไหม ตอบว่าตรงนี้ไม่มีข้อมูลที่จะมาตอบคุณได้ หมอเองก็แบ่งเป็นสองพวก คือพวกนิยมให้ยาก็จะให้กินเลย พวกไม่นิยมให้ยาก็จะติดตามดูไปทุก 3 เดือนบ้าง 6 เดือนบ้าง รอดูว่ามีอย่างใดอย่างหนึ่งในสี่อย่างเกิดขึ้นก่อนจึงค่อยให้ยา ไม่มีหลักฐานว่าแบบไหนดีกว่าแบบไหน คุณชอบแบบไหนก็ไปหาหมอที่คิดแบบนั้นเลยนะครับ
6.1. ปรับโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารพิวรีนมาก เช่น ตับ ไต ปลาซาร์ดีน ไก่งวง ส่วนอาหารที่มีสารพิวรีนปานกลาง เช่น หน่อไม้ฝรั่ง เนื้อวัว เนื้อไก่ ปู เป็ด ถั่ว เห็น กุ้ง หมู นั้นก็ควรทานแต่พอควร ส่วนอาหารที่มีสารพิวรีนน้อยเช่น ผลไม้ ธัญพืช ไข่ นม มะเขือเทศ ผักใบเขียวนั้น ทานได้ไม่จำกัด
6.2. งานวิจัยบางรายบ่งชี้ว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคน้ำตาลฟรุคโต๊สในเครื่องดื่มกับการเป็นโรคเก้าท์มากขึ้น แต่งานวิจัยบางรายพบว่าไม่มีความสัมพันธ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามการดื่มเครื่องดื่มใส่น้ำตาลก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้ว จึงควรเลิกเสีย
6.3. ถ้าอ้วน ต้องลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายและปรับโภชนาการ เพราะยิ่งอ้วน ยิ่งเป็นเก้าท์มากขึ้น
6.4. ถ้าดื่มแอลกอฮอล์ ต้องเลิก เพราะแอลกอฮอล์ทั้งเป็นตัวให้พิวรีนซึ่งจะกลายเป็นกรดยูริกมากขึ้น ทั้งทำให้ไตขับกรดยูริกทิ้งได้น้อยลง
6.5. ถ้าทานยาที่ทำให้เป็นเก้าท์ง่าย ต้องเปลี่ยน เช่นยาขับปัสสาวะทั้งกลุ่ม thiazide, furosemide ยาวัณโรคเช่น ethambutol (Myambutol), pyrazinamide ยาแก้ปวดแอสไพริน ยา levodopa ยาลดไขมัน nicotinic acid เป็นต้น
6.6. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพราะสาเหตุหนึ่งที่คนกรดยูริกสูงจนไตพังเร็วคือมีน้ำไหลเวียนในร่างกายไม่เพียงพอ
6.7. ในการตรวจสุขภาพประจำปีแต่ละครั้ง ต้องมีคำตอบในประเด็นต่อไปนี้อย่างครบถ้วน คือ
6.7.1. สถานการณ์ทำงานของไตเป็นอย่างไร โดยต้องทราบค่า eGFR เพื่อบอกให้ได้ว่าไตเสียการทำงานหรือเปล่า ถ้ามีอยู่ในระยะไหนของโรคไตวายเรื้อรัง 5 ระยะ ถ้าไตเริ่มพัง ก็ต้องกินยา
6.7.2. มีนิ่วที่ไตหรือเปล่า (อย่างน้อยต้องตรวจอุลตราซาวด์ดูไตทุกปี)
6.7.3. สถานะของฮอร์โมนต่อมไทรอยด์และพาราไทรอยด์เป็นอย่างไร เพราะสาเหตุสองอย่างของเก้าท์คือโรคไฮโปไทรอยด์ และโรคไฮเปอร์พาราไทรอยด์ โดยอย่างน้อยต้องเจาะเลือดดูฮอร์โมนสองตัวนี้
6.7.4. เป็นเบาหวานหรือเปล่า ถ้าเป็นสถานะของโรคอยู่ระดับไหน เพราะภาวะคีโตนคั่งจากเบาหวานเป็นสาเหตุหนึ่งของเก้าท์
6.7.7. ความดันเลือดสูงหรือเปล่า ถ้าสูงเกิน 140/90 ก็ต้องรีบรักษา โดยต้องระวังไม่ใช่ยาที่ไปเพิ่มกรดยูริกด้วย
บรรณานุกรม
1. Kelley W, Schumacher HR. Crystal-associated synovitis. Gout. In: Kelley WN, ed. Textbook of rheumatology. 4th ed. Philadelphia: Saunders, 1993:1291-336.
2. Choi HK, Curhan G. Soft drinks, fructose consumption, and the risk of gout in men: prospective cohort study. BMJ2008; 336 : 309 doi: 10.1136/bmj.39449.819271.BE
3. Tassaneeyakul W, Jantararoungtong T, Chen P, Lin PY, Tiamkao S, Khunarkornsiri U, Chucherd P, Konyoung P, Vannaprasaht S,Choonhakarn C, Pisuttimarn P, Sangviroon A, Tassaneeyakul W. Strong association between HLA-B*5801 and allopurinol-induced Stevens-Johnson syndrome and toxic epidermal necrolysis in a Thai population. Pharmacogenet Genomics. 2009 Sep;19(9):704-9. doi: 10.1097/FPC.0b013e328330a3b8.