Latest

อย่ามัวกลัวผีอยู่เลย ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนทดแทนเปลี่ยนไปแล้ว

เรียนคุณหมอสันต์ที่เคารพ

อายุ 47 ปี ตัดมดลูกไปแล้วตอนมีลูกคนที่สองแต่ไม่ได้ตัดรังไข่ ตอนนี้มีอาการเลือดจะไปลมจะมารุนแรง คือร้อนวูบวาบ ร้อนหลังจนนอนไม่หลับ น้ำหนักก็ขึ้น ท้องอืด อารมณ์บูดมากจนจะกลายเป็นซึมเศร้าอยู่แล้ว บางวันแถมปวดหัวด้วย ช่องคลอดก็มีกลิ่นพิกล เวลานอนกับแฟนก็เจ็บจนต้องบอกขอตัวดื้อๆ แถมมีกระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย ไปหาหมอสูตินรีเวช หมอก็จะให้กินฮอร์โมนท่าเดียวแต่ก็ย้ำเน้นๆว่าให้ยอมรับความเสี่ยงที่จะทำให้เป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น (อุลตร้าซาวด์มีซิสต์ที่เต้านมด้วยค่ะ เป็น BIRAD-3) ทำใจไม่ได้ กลัวเป็นมะเร็ง กลัวอายุสั้น จึงตัดสินใจไม่เอา แต่ก็ทรมาน จะทำอย่างไรดี

……………………………………

ตอบครับ

     1. ถามว่าคุณเป็นอะไร คำตอบก็ชัดอยู่แล้วว่าเป็นภาวะเปลี่ยนผ่านช่วงหมดประจำเดือน ซึ่งภาษาหมอสมัยใหม่เรียกว่า menopausal transition เรียกย่อๆว่า MT ซึ่งจะมีอาการคลาสสิกอย่างคุณนี้ทุกประการ อายุที่ผู้หญิงจะหมดประจำเดือนจริงๆคือ 50-51 ปี แต่อาการ MT จะนำหน้ามาได้ตั้งแต่หกปีก่อนหมดประจำเดือน และเมื่อประจำเดือนหมดแล้วก็ยังมีอาการส่งท้ายได้อีกหลายปี

     2. ถามว่ากินฮอร์โมนทดแทนแล้วจะทำให้เพิ่มอุบัติการณ์มะเร็งเต้านมมากขึ้นจริงไหม ตอบว่าไม่จริงหากใช้ฮอร์โมนชนิดเอสโตรเจนตัวเดียวโดยไม่มีโปรเจสเตอโรน ข้อมูลจากงานวิจัยนวัตกรรมสุขภาพหญิง  (WHI trial) ที่ตีพิมพ์ครั้งแรก (ค.ศ. 2002) ทำให้เราทราบว่า หากใช้ฮอร์โมนทดแทนที่เป็นยาคุมชนิดเอสโตรเจนอย่างเดียว จะลดอุบัติการณ์มะเร็งเต้านมลงได้ 7 คนจาก 10,000 คนที่กินฮอร์โมนทดแทน แต่หากใช้ฮอร์โมนทดแทนที่เป็นยาคุมชนิดเอสโตรเจนควบกับโปรเจสเตอโรน จะเพิ่มอุบัติการณ์มะเร็งเต้านมขึ้นไป 8 คนต่อ 10,000  ที่กินยานาน 5-7 ปี ดังนั้นคุณกินฮอร์โมนทดแทนชนิดที่มีแต่เอสโตรเจนได้เลยครับ โดยไม่ต้องห่วงเรื่องจะเป็นมะเร็งเต้านม

    3. ถามว่ากินฮอร์โมนทดแทนชนิดมีเอสโตรเจนอย่างเดียวจะมีผลทำให้เป็นมะเร็งอย่างอื่นเพิ่มขึ้นไหม ตอบว่ามีผลทำให้เป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเพิ่มมากขึ้น แต่ว่านั่นไม่ใช่ปัญหาของคุณ เพราะคุณไม่มีมดลูกแล้ว (หิ หิ พูดจริง ไม่ได้พูดเล่น)

    4. ถามว่าแล้วผู้หญิงทั่วไปที่มีทั้งเต้านมและทั้งมดลูกละ จะเอายังไง ถ้าจะกินฮอร์โมนทดแทนควรจะกินแบบไหน ตอบว่าข้อมูลที่ผมใช้อธิบายในข้อ 2 นั้นเป็นข้อูลเก่า ข้อมูลใหม่ของงานวิจัยที่เพิ่งตีพิมพ์ปีนี้ (WHI trial 2017) พบว่าหลังการติดตามนาน 18 ปี การกินฮอร์โมนที่เป็นยาคุมทุกแบบนาน 5-7 ปี มีผลทำให้อัตราตายจากมะเร็งโหลงโจ้งไม่ต่างจากเมืื่อเทียบกับคนกินยาหลอก กล่าวคืออุบัติการณ์มะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น แต่่มะเร็งมดลูกและมะเร็งลำไส้ใหญ่ลดลง โหลงโจ้งก็ืืตายเท่ากัน..เจ๊ากันไป

    5. ถามว่าสรุปว่าภาพรวมในระยะยาว การกินฮอร์โมนทดแทนมีผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่ ตอบว่าข้อมูลใหม่ของงานวิจัย WHI trial 2017 ซึ่งสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มผู้หญิงอายุ 50-79 ปีจำนวน 27,347 คน

     กลุ่มที่หนึ่งกินฮอร์โมนที่เป็นยาคุมมีเอสโตรเจนตัวเดียว

     กลุ่มที่สองกินฮอร์โมนที่เป็นยาคุมชนิดเอสโตรเจนควบโปรเจสเตอโรน

     กลุ่มที่สามกินยาหลอก

     ให้กินยาอยู่นาน 5-7 ปี แล้วตามดูหลังจากนั้นอีก 18 ปี ข้อมูลนี้เพิ่งตีพิมพ์หมาดๆในวารสาร JAMA เมื่อเดือนนี้เอง ผลวิจัยพบว่าอัตราตายรวมของหญิงที่กินฮอร์โมนทดแทนไม่ได้สูงกว่าของหญิงที่กินยาหลอกแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นอัตราตายรวมจากทุกโรค อัตราตายแยกเฉพาะโรคห้วใจหลอดเลือด หรืออัตราตายแยกเฉพาะโรคมะเร็งก็ตาม ข้อมูลนี้เป็นความรู้ใหม่ของวงการแพทย์ ทำให้วงการแพทย์เพิ่งถึงบางอ้อ ว่าสมัยก่อนตอนที่ข้อมูลวิจัย WHI 2002 ออกมาว่าฮอร์โมนแบบควบโปรเจสเตอโรนกับเอสโตรเจนเพิ่มการเป็นมะเร็งเต้านมแล้วแพทย์เราก็กลัวไม่กล้าใช้ฮอร์โมนทดแทนเพราะเชื่อว่าจะทำให้ผู้ป่วยมีอัตราตายสูงขึ้นนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิด ตอนนี้ผ่านไปแล้วสิบกว่าปีข้อมูลจริงออกมาแล้วว่าการใช้ฮอร์โมนทดแทนในระยะ 5-7 ปี ไม่ได้ทำให้ผู้กินฮอร์โมนมีอัตราตายสูงกว่าการกินยาหลอกแต่อย่างใด

     กล่าวโดยสรุป การกินฮอร์โมนทดแทน ไม่ได้มีผลเสียต่ออัตราตายในระยะยาวอย่างที่เราเคยเข้าใจ ดังนั้นใครที่มีข้อบ่งชี้ว่าจะได้ประโยชน์จากฮอร์โมนทดแทน เช่นมีอาการเลือดจะไปลมจะมา วูบวาบหงุดหงิด นอนไม่หลับ ช่องคลอดแห้ง เจ็บช่องคลอดเวลามีเพศสัมพันธ์ หรือกระดูกบางกระดูกพรุน ก็กินยาฮอร์โมนทดแทนเถอะครับ อย่าไปกลัวผีของฮอร์โมนทดแทนที่เป็นข้อมูลเก่าในอดีตเลย

     6. แถมอีกข้อหนึ่ง ที่คุณว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อยนั้นดูให้ดีนะครับ เพราะผู้หญิงเวลาปวดเวลาฉีและฉี่บ่อยไปหาหมอหมอก็จะวินิจฉัยว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบแล้วให้ยาปฏิชีวนะมากิน แท้จริงแล้วส่วนใหญ่ของผู้หญิงที่อยู่ในระยะ MT มักจะเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบแบบเหี่ยว (atrophic cystitis) จากการที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ซึ่งไม่ได้เกิดจากบักเตรี การไปตะบันกินยาปฏิชีวนะเป็นการเกาไม่ถูกที่คัน ต้องเพาะเชื้อในปัสสาวะพิสูจน์ก่อน ถ้าไม่พบเชื้อก็อย่ากินยาปฏิชีวนะ

     7. ว่าจะจบแล้ว แถมอีกข้อหนึ่ง ที่คุณบ่นว่าช่องคลอดมีกลิ่นนั้น เป็นเพราะเวลาเอสโตรเจนลดลด ความเป็นกรดของปัสสาวะลดลง สภาพแวดล้อมในช่องคลอดเปลี่ยนไป บักเตรีเจ้าประจำ (Doderlein bacilli) ที่เคยส่งกลิ่นหอมรัญจวนได้ล้มหายตายจากไปเสียแล้ว เปลี่ยนหน้าเป็นบักเตรีหน้าใหม่ที่กลิ่นพิกลเข้ามาอยู่แทน กลิ่นจึงเปลี่ยนไป การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทนก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ด้วย

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม

 1. Manson JE, Aragaki AK et al. Menopausal Hormone Therapy and Long-term All-Cause and Cause-Specific Mortality The Women’s Health Initiative Randomized Trials. JAMA. 2017;318(10):927-938. doi:10.1001/jama.2017.11217