Latest

การผ่าทางตันสำหรับคนพันธุกรรมไขมันในเลือดสูงแต่แพ้ยาลดไขมัน

เรียนอ.สันต์ที่นับถือ
       ผมอายุ62 ปี นน.57 สูง167  เป็นเบาหวาน,ไขมันสูง 10 ปี (กรรมพันธ์ทางคุณแม่เป็นแบบนี้ทุกคน)รักษารพ.รามา ฯ ต่อเนื่อง ปรับยาเบาหวาน จนตอนนี้กิน Januvia 100mg 1×1,Glucophage 500 1×3 ผล Hb A1c ระหว่าง6.5-7.3
แต่ไขมัน มีปัญหามากกว่า คือเกิดปวดกล้ามเนื้อจากยาหลายตัว เปลี่ยนมาตั้งแต่Lipitor ,Crestor ,Mevalotin , จน3ปีหลัง เปลี่ยนมาใช้ Livalo 2mg 1×1 , ได้ LDL ลงมา ระหว่าง100-120 ถ้าไม่กิน จะแถว160-180
คุมอาหารพอควร +เดินออกกำลังกายบ้าง ไม่สม่ำเสมอ เดินเรื่อยๆขึ้นบันไดตึกที่ทำงานชั้น10 วันละ2 รอบ เป็นประจำไม่มีอาการผิดปกติ
2ปีที่ผ่านมา นึกอยากตรวจเฉยๆ เพราะเป็นเบาหวาน กับไขมันสูง ไปตรวจCTA coronary  เจอ calcium score 1400 ไม่ได้ฉีดสีต่อ แต่วิ่งสายพาน +ve ตั้งแต่เหนื่อยขนาด เดินขึ้นบันไดตึก6-7ชั้น สวนหัวใจ เจอตีบ 70% 2 แห่ง กับ90% 2 แห่ง เบ่งบัลลูน ใส่สเต้นท์ 4 ตัว  หลังทำเพิ่มBrillinta1x2 นาน1ปี กับ เพิ่มEzetrol 1×1 ,LDL ลงมาได้ 70-80 หมอหัวใจและหมอต่อมไร้ท่อที่รักษาบอกพอใจ
1ปี หลังทำPCI  ตรวจEST (แบบธรรมดา) กับ Echo EST ได้ผลปกติ แต่ไปมีอาการลืมชั่วขณะ หมอนิวโรเหม็ด บอกเป็น TGA ส่งตรวจ MRI ,MRA Brain บอกไม่ต้องห่วงเรื่องTGA เพราะผลที่ออกมาไม่สัมพันธ์กับอาการ แต่ไปเจอว่ามี Moderate Atheroclerosis. ของเส้นเลือดสมอง(จำตำแหน่งไม่ได้)มีเนื้อสมองขาดเลือดนิดหน่อย ไม่มาก หมอนิวโรบอกก็คงสอดคล้องกับปัญหาที่เส้นเลือดหัวใจ  สองหมอคุยกันแล้วให้หยุดยาBrillinta เพราะครบ1ปีหลังPCI แต่ขอให้กินPlavixแทน เพื่อประคองปัญหาหลอดเลือดสมอง ส่วนยาเบาหวาน ลดไขมัน คงเดิม
3 เดือนก่อน ปวดกล้ามเนื้อขาอีกแล้ว  หยุดยาLivalo ,Ezetrol ทั้ง2 ตัว หยุดได้3 สัปดาห์ก็หายปวด คงเหลือแต่ยาเบาหวานตามเดิม 2 ตัวคือJanuvia กับGlucophage และPlavix จนถึงวันนี้
ถึงตอนนี้ ก็คาดว่าLdl จะต้องกลับมาขึ้นแน่
ดูยูทูป บรรยายของคุณหมอที่สันติอโศก กับรพ.กรุงเทพ หลายรอบ ตัดสินใจเดินรอยตามอย่างแน่วแน่
หยุดเนื้อสัตว์,ไข่,นม,เนยหมด เบเกออรี่ทุกรูปแบบ ทั้งขนมไทย อาหารฝรั่ง มากินมังสะ ไม่มันอย่างจริงจัง ถั่ว(แดง,แดงหลวง,เขียว,ดำ,ลูกเดือย,บาร์เลย์)ปนๆกันแทนข้าวขาว , ผักก็ตามแนวหลากหลายที่ดูในคลิป มื้อใหญ่Brunch มีกับข้าวพวกแกงส้ม แกงป่า ต้มยำน้ำใส + มื้อเล็กตอน ค่ำ มีถั่วหลากหลายใส่ไวตามิลค์แบบขวดแก้วดั้งเดิม1-2 ขวดต่อวัน 250มล.ต่อขวด(แบบที่ต้องคืนขวด)
ออกกำลังกายมากขึ้น โดยเดินเร็ว ขี่จักรยาน ไม่ถึงกับร้องเพลงไม่ได้ แต่ก็น้องๆ ไปเพิ่มเวลานานกว่าครึ่งชม.แทน เข้าฟิตเนสเล่นกล้ามเบาๆบ้าง อาทิตย์ละ1-2 ครั้ง โดยรวม สดชื่น มีกำลังดีขึ้น
ทำมาครบ3 เดือน วานนี้ ผลเลือดHb A1c เหลือ 6.3 พอใจมากครับ แต่ไขมัน Chol 243 Tri 89 Hdl 57Ldl 172 หมดแรงเลยครับ
ขอเรียนถามว่า
1.สูตรของคุณหมอ ต้องปรับชนิด,ประเภท,ปริมาณให้เหมาะสมกับคนเบาหวานอย่างผมด้วยหรือไม่,อย่างไร? ไวตามิลค์มีส่วนให้ไขมันไม่ลงหรือไม่?
2.ออกกำลังกายมากขึ้น,นานขึ้น จะช่วยให้ไขมันลงมาได้อีกไหม?
3.ผมกำลังคิดว่า ถ้าคุณหมอตอบข้อ1-2 และ/หรือมีคำแนะนำเพิ่มเติมอีก
ผมจะลองทำต่ออีก สัก1-2เดือน (ยาทั้ง3 อย่างยังมีพอ) โดยเลื่อนนัดหมอทั้งหมดออกไป ไว้รอผลเลือดคราวหน้าค่อยไปพบ
ขอบคุณมากครับ
(ชื่อ….)
……………………………………………………

ตอบครับ

     1. ถามว่าเป็นเบาหวานและโรคหลอดเลือด กินอาหารแบบที่เล่ามาโอเค.ไหม ตอบว่าการเปลี่ยนมากินอาหารแบบมังสะวิรัติที่ไขมันต่ำที่คุณทำไปแล้วนั้นโอเค.มาก แต่การดื่มเครื่องดื่มใส่น้ำตาลนั้นไม่โอเค. เครื่องดื่มใส่น้ำตาลเป็นของแสลงอย่างยิ่งต่อสุขภาพของคุณ เพราะงานวิจัยทุกงานให้ผลตรงกันว่าเครื่องดื่มใส่น้ำตาลทำให้ตัวชี้วัดเบาหวานรวมทั้งการดื้อต่ออินสุลินแย่ลง การดื่มนมถั่วเหลืองต้องดูฉลากให้ดี แต่ละยี่ห้อก็มีหลายเวอร์ชั่น อย่างนมไวตามิลค์เวอร์ชั่นปกติใส่น้ำตามประมาณ 20 กรัมต่อ 300 กรัม หรือประมาณสี่ช้อนชา ควรเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มซอฟท์ดริ๊งอะไรก็ได้ที่ไม่ใส่น้ำตาลเลย หรือจะเป็นน้ำปั่นผักผลไม้แบบไม่ทิ้งกากและไม่ใส่น้ำตาลก็ได้

     2. ถามว่าสูตรอาหารของหมอสันต์เป็นอย่างไร ตอบว่าหมอสันต์ไม่มีีสูตร มีแต่ภาพใหญ่ว่าให้กินพืชเป็นอาหารหลัก (plant-based) กินพืชในรูปแบบใกล้เคียงธรรมชาติที่ไม่ใช่สกัดเอามาแต่แคลอรี่ กรณีเป็นธัญพืชก็ไม่ขัดเอาผิวของเมล็ดทิ้ง (whole food) และไม่มีการใช้น้ำมันปรุงอาหาร (low fat) มีหลักใหญ่อยู่สามอย่างนี้เท่านั้น ย้ำอีกที plant-based, whole food, low fat ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยใส่นี่ได้ไหม ผสมนั่นได้ไหม อันนั้นตัวใครตัวมันละกัน

     3. ถามว่าการออกกำลังกายมากขึ้นจะช่วยลดไขมันในเลือดลงได้มากขึ้นไปกว่านี้ีอีกไหม ตอบว่าช่วยได้แน่นอนเพราะการออกกำลังกายเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ซึ่งก็เป็นการเพิ่มการเผาผลาญไขมันด้วย และการออกกำลังกายเป็นยาวิเศษชนิดที่ออกฤทธิ์สัมพันธ์กับขนาด (dose dependent) คือยิ่งทำมากยิ่งดี แต่ยังไงก็ยังต้องดูแลเรื่องการกิน เพราะการลดไขมันในเลือดไม่มีวิธีใดดีกว่าลดการกินไขมันเข้าไปทางปากให้น้อยลง

     4. กรณีของคุณนี้ คุณไม่ได้อ้วน แต่ไขมันในเลือดสูงเพราะมีปัจจัยทางพันธุกรรม นอกจากการกินพืชเป็นหลักโดยปรุงแบบไม่ผัดไม่ทอดด้วยน้ำมันและขยันออกกำลังกายแล้ว ยาลดไขมันก็เป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์ แต่คุณก็เผอิญมีปัญหากับผลข้างเคียงของยาเสียอีก การจะผ่าทางตันตรงนี้ ผมแนะนำว่าให้คุณปรับเปลี่ยนอาหารและการใช้ชีวิตควบคู่ไปกับใช้ยาลดไขมันในขนาดต่ำกว่าปกติมากๆ  ต่ำระดับ 25% หรือแม้กระทั่ง 10% ของขนาดปกติ นี่เป็นคำแนะนำนอกตำราที่ไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์สนับสนุน คุณต้องอาศัยดุลพินิจของคุณเองว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ผมแนะนำอย่างนี้เพราะเห็นจากผู้ป่วยของตัวเองว่าคนไทยนี้นอกจากจะตัวเล็กแล้วยังค่อนข้างไวต่อยาลดไขมันโดยเฉพาะยาในกลุ่ม statin แม้ในขนาดต่ำๆก็ได้ผลดีระดับหนึ่ง ขณะที่ผลข้างเคียงเช่นปวดกล้ามเนื้อและกล้ามเนื้อสลายตัวเฉียบพลันนั้นมักเกิดขณะกินยาที่ขนาดสูงๆหรือขณะกินยาลดไขมันควบสองตัวพร้อมๆกัน ดังนั้นอย่าไปปักธงตามตำราว่าถ้าไม่ 100% ก็ต้อง 0% ให้ลองทำตามที่ผมแนะนำดูก่อน

     5. ข้อนี้คุณไม่ได้ถาม แต่ผมแนะนำว่าอย่าไปมองการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตว่าเป็นเรื่องผิดปกติที่จะทดลองทำชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นหากตัวชี้วัดไม่ดีสมใจนึกทันอกทันใจก็จะเลิกกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม เปรียบเหมือนคนที่คิดจะดำเนินชีวิตด้วยการทำความดีโดยจะขอลองทำดีดูสักสองสามเดือนก่อน ถ้าทำดีแล้วไม่ได้ดีก็จะเลิก นั่นคุณกำลังจะตั้งลำพาตัวเองหลงอยู่ในเขาวงกตแล้ว ประเด็นก็คือวิถีชีวิตการกินการอยู่แบบเดิมนั้นแหละที่นำคุณมาสู่จุดนี้ คือนำคุณมาเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเหล่านี้ การกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ไม่มีทางที่คุณจะออกไปจากการเป็นโรคเรื้อรังนี้ได้ อย่างไรเสียคุณก็ต้องเปลี่ยนไปใช้ชีวิตแบบใหม่อย่างถาวรคุณจึงจะออกไปจากการเป็นโรคเรื้อรังนี้ได้ อย่าไปตั้งธงว่าดูอีกสองเดือน ไม่เวอร์คก็เลิก ต้องตั้งธงว่าจะใช้ชีวิตแบบใหม่นี้ตลอดไป นี่เป็นวิถีหลัก ส่วนวิถีรองคือยาซึ่งเป็นตัวเสริม ถ้าการเปลี่ยนการกินการอยู่ไปแล้วตัวชี้วัดมันยังไม่ดีถึงขนาดก็ใช้ยาช่วยเท่าที่จำเป็น

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์