Latest

มาหน่าย ผ. เอาเมื่อยามแก่

เรียนคุณหมอสันต์
     ดิฉันเกษียณมาแล้วสิบปีและเคยชินมากกับการอยู่บ้านคนเดียว แต่สามีเพิ่งเกษียณเพราะเขาอยู่บริษัทที่เขามีบทบาทมากจึงได้ต่ออายุเรื่อยมา แต่พอเขาเกษียณมาดิฉันหงุดหงิดมาก เขาทำให้ดิฉันบ้า จะต้องคอยถามว่าฉันจะไปไหน จะไปนานเท่าใด บางครั้งดิฉันบอกว่าจะไปทำผม เขาก็ถึงกับโฉบไปดูนะ ทำทีเป็นผ่านมาเลยแวะถามโน่นถามนี้แต่ที่จริงมาตรวจสอบดิฉันละมัง เขาขยันวิพากย์วิจารณ์งานดูแลบ้านของดิฉันด้วย ทำเอาอึดอัดมาก จนไม่รู้ว่าจะทนกันไปนานได้อีกเท่าไหร่ เราแต่งงานกันมาแล้ว 51 ปี เขาเป็นคนดี เป็นคนมือถือสากปากถือศีลอยู่บ้างแต่ดิฉันก็คุ้นเคยแล้วในส่วนนั้น ดิฉันเข้าใจว่าการที่เขาเกษียณทำให้เขาสูญเสียตัวตนของเขาไปแยะ แต่มันก็เป็นเรื่องที่เขาต้องปรับตัว ทำอย่างไรดิฉันจึงจะอยู่กันต่อไปได้อย่างไม่ทุกข์มากอย่างนี้คะคุณหมอ

…………………………………………………….

ตอบครับ

     ผมมีคนไข้คนหนึ่งวัยเดียวกับคุณ มีปัญหาเดียวกับคุณ จนเธอขนานนามสามีเธอว่า “ท่าน..ผู้น่ารำคาญ” แล้วจู่ๆสามีก็เป็นหัวใจวายตายแบบกะทันหัน เธอเล่าว่า

     “มันไม่เหมือนกันระหว่างความรู้สึกที่ว่าวันนี้เขาไม่อยู่บ้าน ช่างดีเสียนี่กระไร กับความรู้สึกที่่ว่าเขาจะไม่มีวันได้กล้บมาบ้านนี้อีกแล้ว อย่างหลังนี้มันเป็นความรู้สึกขาดหาย เดียวดาย และประหวั่นพรั่นพรึง ถ้าฉันรู้ว่าจะมีวันนี้เร็วอย่างนี้ ฉันคงจะดีต่อเขาได้มากกว่านี้”

     ผมไม่ได้แช่งให้ ผ. ของคุณตายเร็วนะ แต่ในวัยนี้ความตายย่อมจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ เวลาที่จะเหลืออยู่ด้วยกันมีไม่มากนัก คุณก็บอกเองนะว่าคุณเข้าใจเขาว่าเขาสูญเสียตัวตนของเขาไปเพราะการเกษียณจากงานที่เขามีเคยความสำคัญอยู่หลายสิบปี คุณก็ให้อภัยเขาเสียสิ ให้อภัยกับอะไรๆที่เขาทำแล้วมันไม่ดีไม่งามต่อคุณเสีย ถ้าเขาทำหน้าบึ้ง คุณเบือนหน้าไปอีกทางแล้วยักคิ้วหลิ่วตาหรือยิ้ม ถ้าเข้าบ่น คุณกระแอมเสียงขอกแขกขอกแขกหรือทำจานทำช้อนเสียงดังคล้งเคล้งคล้งเคล้ง จะได้ไม่ได้ยิน แล้วหันมาไฮไลท์วันนี้ให้เป็นวันชื่นคืนสุขที่ยังมีโอกาสอยู่ด้วยกัน เพราะพรุ่งนี้ โอกาสอย่างนี้ก็อาจจะไม่มีแล้ว

     และถ้าพลังเมตตาธรรมของคุณแรงพอ คุณก็แบ่งปันงานอดิเรกที่คุณมีความสุขกับเขาสิ สอนอย่างเนียนๆให้เขาเอ็นจอยชีวิตที่นี่เดี๋ยวนี้่ผ่านการทำงานที่ไม่หวังผลพอกพูนอัตตาของตัวเอง จะเป็นการกวาดพื้นล้างจานก็ได้ สอนให้เขามีความสุขกับมัน

     ผมมีคนไข้คนหนึ่ง เธอมีปัญหาหลังค่อมซึ่งเป็นปัญหาประจำของหญิงสูงวัย ผมไล่เธอให้ไปเรียนเต้นรำเพราะสมัยคนรุ่นเธอเรียนหนังสือ มันเป็นยุคก่อน 14 ตุลา 16 ซึ่งยุคโน้นความหมายในชีวิตของนักเรียนมหาลัยคืองานบอลเต้นรำ ทุกคนเต้นรำเป็นและคุ้นกับมันดี แม้ว่ามาถึงปูนนี้แล้วสังขารโกงโก๊ะโกงโก้ของเธอแทบจะไปไม่ไหวแล้ว แต่ความที่เป็นคนเชื่อหมอสันต์เธอก็ทำตาม โดยขอร้องแกมบังคับให้สามีผู้ซื่อบื้อไปด้วย ใหม่ๆก็ให้ไปนั่งรอ ต่อมาก็ขอให้ช่วยเป็นคู่เต้น เพราะที่ห้องเรียนเต้นรำที่ไหนก็ตามในโลกนี้ นอกจากครูแล้วก็มักจะมีแต่นักเรียนผู้หญิง จะหาผู้ชายทำยานั้นยากส์ จนครูต้องหัดผู้ช่วยครูซึ่งเป็นผู้หญิงให้หัดเต้นแทนผู้ชาย ผ่านไปเกือบปีจนผมลืมคนไข้คนนี้ไปแล้ว เธอพาสามีมาหา เขาอยากมาพบหมอสันต์ด้วยตัวเขาเองเพียงเพื่อที่จะมาขอบคุณที่แนะนำให้ภรรยาของเขาไปเต้นรำ เพราะนับตั้งแต่ถูกภรรยาลากไปเต้นรำ เขาเล่าว่าเขาหายจากภาวะซึมเศร้าและสมองเสื่อมซึ่งเขาจมอยู่กับมันมานานราวกับปลิดทิ้งไปเลย ยารักษาสมองเสื่อมก็เลิกกินแล้ว เดี๋ยวนี้เขาหัดร้องเพลงด้วย และมีพลังมากพอที่จะชวนเพื่อนๆวิศวะรุ่นเดียวกันที่เหลืออยู่ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนหดหู่เศร้าซึมมาร้องเพลงกับเขาที่บ้าน นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการที่ภรรยาจะแบ่งปันชีวิตที่สดใสมีพลังของตัวเองให้กับสามีซึ่งบ้าอัตตาและจมอยู่แต่กับความซื่อบื้อหาทางออกด้วยตัวเองไม่เจอ

     คุณลองสูตรเมตตาธรรมนี้ดูก่อนนะ ถ้ามันเวอร์คมันก็เป็นการยิงทีเดียวได้นกสองตัว คือผลดีจะตกแก่ทั้งคุณทั้งสามี แต่ถ้าคุณลองแล้ว พยายามแล้ว มันก็ยังไม่เวอร์ค คราวนี้คงเหลือสูตรเด็ดสูตรสุดท้ายสูตรเดียวแล้วละ คือสูตร

     “แก่แล้ว..ตัวใครตัวมัน”

     สูตรนี้เวอร์คแน่นอนชัวร์ป๊าด และผมไม่ตำหนิคุณด้วยหากถึงจุดหนึ่งแล้วคุณหันมาใช้สูตรนี้ เพราะมันเป็นสัจจธรรมว่าเมื่อเชิงตะกอนอยู่ไม่ไกลแล้ว ทุกคนก็จะพยายามสะบัดหรือสลัดความยึดถือเกี่ยวพันใดๆเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ เพราะโมเมนต์ที่ทุกคนต้องไปนั้น มันเป็นการไปคนเดียว ไม่มีใครตามไปส่งได้ ไม่ว่าจะรักกันห่วงกันแค่ไหนก็ตาม 

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์