Latest

ซอกแซกเรื่องเซ็กซ์ได้ แต่อย่าลืมเรื่องฝึกรู้ทันความคิด

สวัสดีค่ะคุณหมอ
หนูมีเรื่องกังวลที่อยากจะเรียนสอบถามคุณหมอค่ะ
คือเพื่อนของหนูเคยให้ที่คั่นหนังสือลักษณะ เป็นอันกลมๆยาวๆค่ะ เป็นยางที่ยืดหยุ่นได้ ด้วยความอยากรู้และอาจจะสิ้นคิดของหนู หนูก็เอามันใส่เข้าไปในอวัยวะเพศค่ะ ใส่อยู่นานเพราะใส่ไม่ได้คะ  แต่หลังจากนั้นก็มานั่งคิดว่าถ้าเพื่อนเราก็เคยทำแบบเดียวกันแล้วเค้ามีเชื้อเอชไอวี หนูจะติดได้รึเปล่าคะ เจ้าอุปกรณ์นี้เพือนหนูให้มาประมาณปึนึงหรือแปดถึงเก้าเดือนไม่แน่ใจคะ อยากจะขอเรียนถามคุณหมอดังนี้ค่ะ
ถ้ามันเคยมีเชื้อเอชไอวีติดอยู่ หนูจะติดด้วยไหมคะ
เชื้อเอชไอวีสามารถอยู่นอกร่างกายหรือในอากาศนานไหมคะ
เป็นไปได้มั้ยคะที่เชื้อเอชไอวีจะไม่มีวันตายเลย และติดอยู่ที่อุปกรณ์นี้ และพอหนูใช้หนูก็ติดเชื้อด้วย
ถ้าไม่ติด หนูมั่นใจได้กี่เปอร์เซนต์คะ ถ้าเราจะตีค่าออกมาเป็นตัวเลขทางคณิตศาสตร์ มีความจำเป็นต้องตรวจเอชไอวีหรือเปล่าคะ กรณีแบบนี้
หนูยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์คะ เลยกังวลแบบครอบจักรวาล คุณหมออย่ารำคาญเด็กเจ้าปัญหาคนนี้นะคะ
ด้วยความเคารพอย่างสูงคะ
เด็กเจ้าปัญหา

………………………………………………….

ตอบครับ

     เดี๋ยวนี้ผมกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับรถติดในกรุงเทพเสียแล้ว เพราะเกษียณแล้วจึงลดวันไปทำงานโรงพยาบาลเหลือสัปดาห์ละวันเดียว ไปกลับมาทีไรรู้สึกว่ารถมันติดหนักจังจนต้องนั่งพักเฉยๆโดยไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันยกเว้นทำอะไรเล็กๆเล่นๆ จึงหยิบจดหมายเบาๆไร้สาระของเด็กน้อยท่านนี้ขึ้นมาตอบ คิดเสียว่าดีกว่านั่งอยู่เปล่าๆ

     1. ถามว่าเชื้อเอชไอวีสามารถอยู่บนผิววัสดุใดๆนอกร่างกายได้นานไหม ตอบว่าในแง่ของการติดต่อ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ (CDC) ถือว่าเชื้อเอ็ชไอวี.ไม่ติดต่อทางอากาศและทางพื้นผิวนอกร่างกายเช่น ผิวเคาน์เตอร์หรือผิวฝารองนั่งชักโครก สมุด ดินสอ ยางลบ ปากกา รวมทั้งที่คั่นหนังสือรูปทรงพิศดาร แม้ว่าการทดลองเอาของเหลวที่มีเชื้อเอชไอวี.ตากลมทิ้งไว้บนพื้นผิวดังกล่าวจนแห้งเป็นคราบแล้วตรวจเชื้อซ้ำจะพบว่าเชื้อมีชีวิตอยู่ในคราบของเหลวบนพื้นผิวเหล่านั้นได้หลายวันก็จริง (อยู่ได้นานที่สุด 42 วันในเลือดที่ยังไม่แห้งและที่อุณหภูมิต่ำระดับตู้เย็น) แต่เนื่องจากไม่เคยมีรายงานการติดเชื้อผ่านพื้นผิวเหล่านี้เลยแม้แต่รายเดียวในโลกนี้ ศูนย์ควบคุมโรคจึงถืออย่างเป็นทางการว่าเชื้อเอ็ชไอวี.ไม่สามารถติดต่อผ่านพื้นผิวเหล่านี้ และไม่ติดต่อผ่านทางอากาศ น้ำ (รวมทั้งน้ำในสระว่ายน้ำ) อาหารที่กินร่วมกัน น้ำดื่มที่ดื่มร่วมกัน น้ำลาย เหงื่อ น้ำตา และการจูบ (ถ้าไม่มีแผลในปาก) การถูกยุงกัด การเล่นกับสัตว์เลี้ยงร่วมกัน ไม่ติดต่อทั้งนั้น

     2. ถามว่าหนูมั่นใจได้กี่เปอร์เซนต์คะว่าจะไม่ติดเชื้อเอ็ชไอวี. ตอบว่ามั่นใจได้ 100%

     3. หนูไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ เลยกังวลแบบครอบจักรวาล ตอบว่าการไม่เคยมีหรือไม่รีบมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ดี แต่การหัดคิดกังวลครอบจักรวาลเป็นเรื่องไม่ดี

     ในส่วนของการชลอการมีเพศสัมพันธ์ออกไปแบบไม่ต้องรีบนั้น มีประโยชน์ทั้งในแง่ที่นอกจากจะป้องกันการติดเชื้อเอ็ชไอวี.แล้วยังป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น (teen pregnancy) ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติของประเทศไทยเราด้วย ดังนั้นอะไรที่จะช่วยให้เด็กๆสาวๆชลอการมีเพศสัมพันธ์ออกไปได้หมอสันต์เชียร์ให้ทำทั้งนั้นแหละ รวมทั้งการเอาที่คั่นหนังสือรูปทรงพิลึกสอดใส่เข้าไปเล่นบ้างเป็นบางครั้งหมอสันต์ก็ไม่ว่า เสียดายที่หมอสันต์ไม่มีเวลาคุยหรือตอบจดหมายให้เด็กๆจึงไม่มีโอกาสได้เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำ จะตอบให้ทางบล็อกนี้บ่อยก็ไม่เหมาะเพราะบล็อกนี้เป็นบล็อกของผู้สูงวัย

     4. หนูกำลังอยู่ในวัยที่สนุกกับการสำรวจเรียนรู้ แค่ในจดหมายที่หนูเขียนมานี้ อย่างน้อยก็มีสองเรื่องที่ท้าทายการสำรวจของหนูแล้ว คือ

     (1) เซ็กซ์
     (2) ความกังวลแบบครอบจักรวาล

     ผมไม่ห่วงว่าหนูจะลืมสำรวจซอกแซกเรียนรู้เรื่องเซ็กซ์หรอก เพราะฮอร์โมนก็ดี เพื่อนก็ดี ที่คั่นหนังสือรูปทรงพิลึกจากเพื่อนก็ดี จะคอยเตือนหนูไม่ให้ลืม แต่ผมเป็นห่วงว่าหนูจะลืมซอกแซกเรียนรู้เรื่องความคิดกังวล จะสำรวจเรื่องเซ็กซ์ก็สำรวจไป แต่ให้สำรวจเรียนรู้เรื่องความคิดกังวลด้วย คือให้หัดมองดู รู้ทัน ความคิดของตัวเอง แยกให้ออกว่านั่นคือความคิด ไม่ใช่เรา นี่คือความรู้ตัวซึ่งเป็นเรา ไม่ใช่ความคิด แยกสองอย่างนี้ออกจากกันให้ได้ จะได้ไม่เป็นวัยรุ่นที่บ้าหรือเพ้อคลั่งไปเพราะนึกว่าความคิดคือตัวเอง บ้างถึงกับยื่นคำขาดกับพ่อแม่ว่าจะฆ่าตัวตายถ้าความคิดของตัวเองไม่ได้รับการสนองตอบ นั่นเป็นตัวอย่างของการหลงผิดคิดว่าความคิดคือตัวเองซึ่งเป็นปัญหาของมนุษย์เราซึ่งจะรุนแรงมากเป็นพิเศษในวัยรุ่นที่เพิ่งหัดถักทอความคิดและคอนเซ็พท์ขึ้นมาเป็นความเป็นบุคคลของตนเองได้หมาดๆ จึงมีความหลงผิดยึดถือปกป้องความเป็นบุคคลของตัวเองมากเป็นพิเศษโดยไม่ทันได้ฉุกคิดว่ามันเป็นแค่ความคิด แฟนบล็อกท่านหนึ่งที่อยู่ที่อเมริกาเขียนมาเล่าเมื่อสองสามวันก่อนว่าอาชีพหนึ่งที่ทำมาค้าขึ้นในอเมริกาตอนนี้คือการเป็นจิตแพทย์รักษาเด็กและวัยรุ่น เพราะเด็กและวัยรุ่นที่อเมริกามีปัญหาทางจิตมาก เป็นผู้บริโภคยาต้านซึมเศร้าถึง 1 ใน 3 ของยาที่สั่งจ่ายทั้งหมด ดังนั้นถ้าหนูไม่อยากเป็นวัยรุ่นที่ต้องกินยาต้านซึมเศร้าหรือยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทใดๆเสียตั้งแต่อายุยังน้อย นอกจากจะขยันสำรวจเรียนรู้เรื่องเซ็กซ์แล้ว ให้หนูขยันสำรวจเรียนรู้เรื่องวิธีรับมือกับความคิดกังวลด้วย วิธีเรียนรู้ง่ายๆคือพลิกย้อนกลับไปอ่านจดหมายของพวกผู้ใหญ่ที่ถามมาที่บล็อกหมอสันต์นี้ ฉบับไหนถามเรื่องความวิตกกังวลก็เข้าไปอ่านดู แล้วเอาทักษะการวางความคิดที่ผมตอบไปแล้วนั้นไปประยุกต์ใช้กับตัวเอง ยิ่งได้ฝึกใช้ทักษะการวางความคิดตั้งแต่อายุน้อยได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสมีชีวิตที่มีความสุขในวัยผู้ใหญ่มากขึ้นเท่านั้น เพราะความคิดมันยังไม่งอกรากลึก มันยังไม่มีอิทธิพล มันยังวางได้ง่าย อย่าไปเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ในวัยเป็นสาวเป็นหนุ่มเพราะมัวแต่จะไปเอาเรื่องเซ็กซ์ แล้วค่อยหันมาสนใจเรื่องนี้เอาเมื่อตอนแก่ สูตรนี้น้อยนักที่จะไปได้รอดสันดอน เพราะหมอสันต์เห็นมาหลายรายแล้วว่ามันยากส..ส์ เป็นพหูพจน์ มีตัวเอสต่อท้ายด้วยนะ แปลว่าหลายๆยากรวมกันเป็นยากมาก คือคนเราเมื่อยอมรับว่าความคิดเป็นนายของตัวเอง ยอมปล่อยให้ความคิดครอบคุมบงการปั่นหัวตัวเองมาตั้งแต่หนุ่มสาวจนแก่ ความคิดมันก็ใหญ่ซะเคยตัว ตัวเองก็คุ้นเคยกับการเป็นขี้ข้าความคิดเสียเคยตัว แล้วอยู่ๆจะเกิดขยันมาวางความคิดมุ่งสู่ความหลุดพ้นเอาตอนแก่ โห..มันยากส์..ส์ ที่จะหลุดพ้นจริงๆ

     อ้าว..จะตอบคำถามเด็กน้อยเล่นๆเบาๆไหงมาจบที่คนแก่จะหลุดพ้นได้ยากเสียเนี่ย จบดีกว่า

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์