Latest

ปรับปรุงแค้มป์พลิกผันโรคด้วยตนเอง (RDBY-13)

     ผมขอแจ้งการปรับปรุงแค้มป์พลิกผันโรคด้วยตนเอง (Reverse Disease By Yourself – RDBY) ครั้งใหม่ ซึ่งจะมีผลใช้ตั้งแต่กับ RDBY-13 (วันที่ 1-5 สค. 62) ดังนี้

     1. ประเด็นสำคัญของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

     1.1 ขยายเวลาเป็น 5 วัน 4 คืน จากเดิมที่มาครั้งแรก 3 วัน 2 คืน ทั้งนี้ตามคำแนะนำของสมาชิกเก่าที่บอกว่าเวลาสั้นกว่านี้รีบร้อนเกินไป เหนื่อยเกินไป เรื่องที่ต้องรู้ต้องฝึกมีมากเกินไป จำไม่ได้ เก็บเอาไปใช้ได้ไม่หมด

     1.2 ลดจำนวนครั้งการมาเข้าแค้มป์จาก 2 รอบเหลือ 1 รอบ เนื่องจากมีกลไกการติดตามอย่างต่อเนื่องผ่าน Dashboard บนอินเตอร์เน็ทอยู่แล้ว และเป็นไปตามคำแนะนำของสมาชิกที่ว่าการนัดหมายมาครั้งที่สองซึ่งอีกนานหลายเดือนข้างหน้าพอถึงเวลาจริงแล้วมักมาไม่ได้เนื่องจากมักมีเหตุการณ์ในชีวิตใหม่ๆที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นตอนนั้น

     1.3 ปรับเนื้อหาสาระเฉพาะส่วนของการจัดการความเครียดและการสร้างความบันดาลใจอย่างต่อเนื่องโดย

     – ในส่วนการจัดการความเครียดนั้นเปลี่ยนจากการฝึกทำหลายๆแบบมาโฟกัสที่การวางความคิดผ่านการรับรู้ความรู้สึกบนร่างกายซึ่งสื่อถึงพลังงานภายในของร่างกาย (internal body) เพียงอย่างเดียว

     – ในส่วนของการสร้างความบันดาลใจก็เปลี่ยนจากการใช้เครื่องมือทางจิตวิทยา (เช่นการคิดบวก การใช้หลัก NPL) เป็นพื้นฐาน มาเป็นการใช้พลังงานภายในของ internal body เป็นพื้นฐานเพียงอย่างเดียว

     2. ความเป็นมาของ RDBY

        มันเริ่มจากตัวผมเองเคยป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ความที่อยากหนีจากแนวทางการรักษาแบบโรงพยาบาล (กินยา สวนหัวใจ บอลลูน ผ่าตัดบายพาส) จึงทบทวนวรรณกรรมและได้พบว่าการจัดการปัจจัยเสี่ยงของโรคโดยตัวผู้ป่วยเอง ทั้งในเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด การเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ทำให้โรคดีขึ้นกว่าการรักษาในโรงพยาบาลเสียอีก จึงลงมือทำกับตัวเอง เมื่อเห็นว่าได้ผลดีจนสามารถพลิกผันโรคให้หายจากเจ็บหน้าอกและเลิกกินยาความดันไขมันได้หมด จึงตัดสินใจเลิกอาชีพหมอผ่าตัดหัวใจเปลี่ยนอาชีพมาเป็นหมอส่งเสริมสุขภาพ แต่เมื่อได้นั่งตรวจและสอนคนไข้ทีละคนอยู่ที่โรงพยาบาลก็พบว่ามันใช้เวลามากและช่วยคนไข้เป็นจำนวนน้อย และวิธีนั่งตรวจมันยังแก้ปัญหาสำคัญที่คนไข้ต้องการไม่ได้ นั่นคือทักษะปฏิบัติการและความบันดาลใจ ผมจึงเปลี่ยนแนวทางมาให้ความรู้กับคนป่วยคราวละหลายๆคน ทั้งในรูปแบบเขียนบล็อกตอบคำถาม และในรูปแบบแค้มป์กินนอนเพื่อเรียนรู้ทักษะและสร้างแรงบันดาลใจในการป้องกันและพลิกผันโรคด้วยตัวเอง (RDBY) ซึ่งก็ทำมาได้เกือบสี่ปี ทำไปสิบกว่ารุ่นแล้ว

     3. แค้มป์ RDBY เหมาะสำหรับใครบ้าง

     แค้มป์ RDBY จัดขึ้นสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังทุกโรค โดยเน้นที่ (1) โรคหัวใจขาดเลือด (2) โรคหลอดเลือดสมอง (อัมพาต) (3) โรคเบาหวาน (4) โรคความดันสูง (5) โรคไขมันในเลือดสูง (6) โรคอ้วน รวมทั้งโรคที่เป็นผลสืบเนื่องจากโรคเรื้อรังเหล่านี้เช่นโรคไตเรื้อรังเป็นต้น

     ในกรณีที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง อาจเลือกไปเข้าแค้มป์โรคมะเร็ง (Cancer Camp) ซึ่งเจาะลึกเรื่องของผู้ป่วยมะเร็งโดยเฉพาะก็ได้ หรือจะมาเข้าแค้มป์ RDBY นี้ก็ได้เช่นกัน

     4. ภาพรวมของแค้มป์ RDBY

     4.1 หลักสูตรนี้เป็นการใช้วิธีการแพทย์แผนปัจจุบัน (modern medicine) ในรูปแบบการแพทย์แบบอิงหลักฐาน (Evidence Based Medicine) โดยมองปัญหาของผู้ป่วยแบบองค์รวม (holistic care)

    4.2 หลักสูตรนี้จัดสำหรับผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เน้นที่โรคหัวใจ อัมพาต เบาหวาน ความดันเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง อ้วน ในกรณีโรคมะเร็ง อาจเลือกเข้า RDBY หรือมาเข้าแค้มป์โรคมะเร็ง (Cancer Camp) โดยตรง หรือจะมาแค้มปนี้ก็ได้

    4.2 ในกรณีที่ผู้สมัครเข้าร่วมโปรแกรมนี้มีแพทย์เฉพาะทางเจ้าประจำอยู่แล้ว ป่วยไม่ต้องเลิกจากแพทย์เฉพาะทางที่ดูแลกันมาแต่เดิม เพราะแพทย์ประจำตัวของท่านที่เวลเนสวีแคร์จัดให้จะทำหน้าที่เป็นแพทย์ประจำครอบครัว (family physician) ของท่าน และจะประสานเชื่อมโยงกับแพทย์เฉพาะทางที่ดูแลผู้สมัครมาแต่เดิมให้ดูแลต่อไปในลักษณะการดูแลร่วมกัน

    4.3 ผู้สมัครเข้าร่วมโปรแกรมนี้ไม่จำเป็นต้องยกเลิกยาหรือการรักษาที่ตนเองได้มาแต่เดิมในขณะที่เริ่มหันมารักษาด้วยวิธีดูแลตนเอง เพราะการรักษาโรคตามโปรแกรมนี้ใช้หลักวิชาการแพทย์แผนปัจจุบันเช่นเดียวกันกับการรักษาในโรงพยาบาล เพียงแต่มุ่งโฟกัสที่การเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลตนเองของผู้ป่วยในเรื่องการกินการออกกำลังกายและการใช้ชีวิตจนถึงระดับที่ผู้ป่วยดูแลตัวเองได้ด้วยตนเอง จึงสามารถทำคู่ขนานไปกับการรักษาในโรงพยาบาลได้ เมื่อผู้ป่วยดูแลตนเองได้ดีขึ้นแล้ว ตัวชี้วัดสุขภาพต่างๆจะค่อยๆบ่งชี้ว่าความจำเป็นที่จะต้องพึ่งการรักษาด้วยยาในโรงพยาบาลจะค่อยๆลดลงไปเองโดยอัตโนมัติจนสามารถเลิกยาได้ในที่สุด

    4.4 ผู้ป่วยจะต้องมาเข้าแค้มป์หนึ่งครั้งนาน 5 วัน 4 คืน

    4.5 ในวันแรก ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจร่างกายโดยแพทย์ของเวลเนสวีแคร์ จัดทำฐานข้อมูลสุขภาพ วางแผนสุขภาพ และเก็บรวมรวมผลการตรวจร่างกายและตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษต่างๆไว้บน Health Dashboard ซึ่งทั้งทีมแพทย์, ผู้ช่วยแพทย์ของเวลเนสวีแคร์ และตัวผู้ป่วยเองสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้ตลอดเวลา

     4.6 ในระหว่างที่อยู่ในแค้มป์ ผู้ป่วยจะได้เรียนความรู้สำคัญเกี่ยวกับโรคของตน ได้ฝึกทักษะที่จำเป็นในการจัดการโรคของตน การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด การสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองอย่างต่อเนื่อง การโภชนาการ ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องทำอาหารแบบ PBWF ด้วยตนเองทุกมื้อ อย่างไรก็ตาม ทางเวลเนสวีแคร์จะจัดทำอาหารสำรองไว้เพียงหนึ่งรายการในแต่ละมื้อ สำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำอาหารด้วยตนเองได้เลย

     4.7 เมื่อสิ้นสุดแค้มป์ 5 วันแล้ว ผู้ป่วยจะกลับไปอยู่บ้านโดยนำสิ่งที่เรียนรู้จากแค้มป์ไปปฏิบัติที่บ้าน โดยสื่อสารกับทีมแพทย์และพยาบาลของเวลเนสวีแคร์ผ่าน Health Dashboard ทางอินเตอร์เน็ท ผู้ป่วยสามารถติดต่อสอบถามเรื่องต่างๆรวมทั้งการปรับลดขนาดเมื่อตัวชี้วัดเปลี่ยนไปด้วย โดยคาดหมายว่าภายในหนึ่งปีผู้ป่วยจะสามารถดูแลตัวเองต่อไปได้ด้วยตัวเอง

     สมาชิกสามารถใช้ Health Dashboard นี้เป็นที่เก็บข้อมูลผลแล็บใหม่ๆ รวมทั้งภาพและวิดิโอ.ทางการแพทย์ ของตนได้ต่อเนื่อง สมาชิกสามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง แก้ไข ข้อมูลสุขภาพของตนได้ทุกรายการ ยกเว้น Patient Summary ซึ่งต้องสรุปให้โดยแพทย์เท่านั้น

     อนึ่ง อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง สมาชิกมีหน้าที่ปรับปรุงข้อมูลดัชนีสุขภาพสำคัญเจ็ดตัวของตนคือ (1) น้ำหนัก (2) ความดัน (3) น้ำตาล (4) ไขมัน (5) จำนวนผักผลไม้ที่กินต่อวัน (6) เวลาที่ใช้ในการออกกำลังกายต่อสัปดาห์ และ (7) การสูบบุหรี่ เพื่อให้แพทย์ประจำตัวหรือทีมงานผู้ช่วยแพทย์ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงสุขภาพและวางแผนสุขภาพให้และบันทึกไว้บน Dashboard

     สมาชิกสามารถขอรับคำปรึกษาปัญหาจากแพทย์ประจำตัวของหรือทีมงานผู้ช่วยแพทย์โดยเขียนคำถามผ่านมาทาง Dashboard คำถามของสมาชิกจะได้รับการสนองตอบโดยผู้ช่วยแพทย์ที่เฝ้า Dashboard อยู่ ซึ่งจะปรึกษาแพทย์ประจำตัวของสมาชิกในกรณีที่เป็นปัญหาที่ต้องแนะนำโดยแพทย์ การตอบคำถามนี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะขณะตอบแพทย์หรือทีมงานมีข้อมูลสุขภาพของสมาชิกอยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว

     สมาชิกสามารถสั่งพิมพ์ใบสรุปข้อมูลสุขภาพ (Patient Summary) แบบหน้าเดียวซึ่งเขียนโดยแพทย์ประจำตัวของตน ไปใช้เพื่อเวลาไปรับการตรวจรักษาในสถานพยาบาลต่างๆได้ทุกเมื่อ

     4.8 เมื่อพ้นหนึ่งปีไปแล้ว หากผู้ป่วยอยากจะกลับมาทบทวนทักษะและติดตามความรู้ใหม่ๆที่เรียนไปก็สามารถทำได้โดยสมัครมาเข้าแค้มป์ติดตาม (RDBY follow up) ซึ่งจัดให้ปีละครั้งสำหรับผู้เคยผ่านแค้มป์ RDBY มาแล้ว โดยจัดแบบรวมหลายรุ่นมาเข้าแค้มป์ติดตามด้วยกัน

     4.9 ในกรณีที่เป็นผู้ทุพลภาพหรือช่วยเหลือตนเองไม่ได้ซึ่งตามปกติต้องมีผู้ดูแลประจำตัวอยู่แล้ว ต้องให้ผู้ดูแลมาลงทะเบียนเข้าคอร์สเต็มแบบเป็นผู้ป่วยคนหนึ่งด้วย โดยได้รับส่วนลด 30% ผู้ดูแลจะได้เรียนและฝึกทักษะต่างๆเหมือนผู้ป่วยทุกประการ

     5. หลักสูตร (Course Syllabus) 

     5.1 วัตถุประสงค์

     5.1.1 วัตถุประสงค์ในด้านความรู้
คาดหวังให้ผู้ป่วยรู้สิ่งต่อไปนี้
a. รู้เรื่องโรคของตัวเอง ทั้งพยาธิกำเนิด พยาธิวิทยา อาการวิทยา
b. รู้จักตัวชี้วัดที่ใช้เฝ้าระวังการดำเนินของโรค
c. รู้ทางเลือกวิธีรักษาทุกวิธี และรู้ประโยชน์และความเสี่ยงของแต่ละทางเลือกอย่างละเอียด
d. รู้จักยาทุกตัวที่ตนเองได้รับ ทั้งชื่อ ขนาด วิธีกิน กลุ่มยา ฤทธิ์ยา และผลข้างเคียง
e . รู้ว่าตนเองสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ตนเองหายจากโรค
     – ในแง่ของโภชนาการ รู้ประโยชน์ของอาหารพืชเป็นหลักแบบไขมันต่ำในรูปแบบใกล้เคียงธรรมชาติ (low fat, plant based, whole food) รู้โทษของเนื้อแดงและเนื้อสัตว์ที่ผ่านกระบวนการปรับแต่งหรือถนอม
     – ในแง่ของการออกกำลังกาย รู้ประโยชน์และวิธีออกกำลังกายทั้งสามแบบ คือแบบแอโรบิก (aerobic exercise) แบบฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (strength training) และแบบเสริมการทรงตัว (balance exercise)
     – ในแง่ของการจัดการความเครียด รู้ประโยชน์และวิธีจัดการความเครียดด้วยเทคนิคต่างๆซึ่งรวมศูนย์อยู่ที่การฝึกวางความคิด
     – ในแง่ของแรงบันดาลใจ รู้จักพลังงานของร่างกาย (internal body) และการใช้พลังงานของร่างกายเป็นแหล่งบ่มเพาะแรงบันดาลใจให้ต่อเนื่อง
     – ในแง่ของการร่วมกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน รู้ประโยชน์และพลังของกลุ่มและรู้วิธีทำกิจกรรมในกลุ่ม
f. รู้วิธีใช้ Health Dashboard ในการป้องกันและพลิกผันโรคด้วยตนเอง

     5.1.2. วัตถุประสงค์ในด้านทักษะ
คาดหวังให้ผู้ป่วยสามารถทำสิ่งต่อไปนี้ด้วยตนเอง
a.       บริหารจัดการโรคของตนเองได้โดยใช้ตัวชี้วัดพื้นฐาน 7 ตัว (1) น้ำหนัก (2) ความดันเลือด (3) ไขมันในเลือด (4) น้ำตาลในเลือด (5) ปริมาณผักผลไม้ที่กินต่อวัน (6) เวลาออกกำลังกายต่อสัปดาห์ (7) การสูบบุหรี่
b.       เลือกอาหารสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูปในตลาดที่เป็นอาหารพืชแบบไม่สกัดไม่ขัดสีได้
c.       ทำอาหารทานเองที่บ้านได้ เช่น ผัดทอดอาหารโดยใช้น้ำหรือใช้ลมร้อนแทนน้ำมันได้ อบถั่วและนัทไว้เป็นอาหารว่างเองได้ ทำเครื่องดื่มจากผักผลไม้โดยไม่ทิ้งกากด้วยตนเองได้
f.        ประเมินสมรรถนะร่างกายของตนเองด้วยการสังเกตอัตราการหายใจ การนับชีพจรจากเครื่องช่วยนับ และการทำ One milk walk test ให้ตัวเองได้
g.       ออกกำลังกายแบบแอโรบิกได้ด้วยตนเองได้
h.       ออกกำลังกายแบบฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยใช้ท่ากายบริหาร ดัมเบล สายยืด และกระบอง ได้ด้วยตนเอง
i.         ออกกำลังกายแบบเสริมการทรงตัวได้ด้วยตนเอง
j.         สามารถกำกับดูแลท่าร่าง (posture) ในชีวิตประจำวันของตนเองได้
k.       ผ่อนคลายความเครียดเฉียบพลันด้วยเทคนิค relax breathing ได้
l.         จัดการความเครียดในชีวิตประจำวันด้วยการฝึกวางความคิดผ่านเทคนิคต่างๆเช่น นั่งสมาธิ ไทชิ โยคะ ได้
m.     สามารถร่วมกิจกรรมกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน ทั้งในเชิงเป็นผู้เปิดแชร์ความรู้สึกและเป็นผู้ให้การพยุงได้
n. สามารถใช้ Health Dashboard ในการดูแลตนเองต่อเนื่องได้ด้วยตนเอง

5.1.3    ในด้านเจตคติ
คาดหวังให้ผู้ป่วยเกิดเจตคติต่อไปนี้
a.       มีความมั่นใจว่าตนเองมีอำนาจ (empowered) ที่จะดลบันดาลให้โรคของตัวเองหายได้
b.       มีความมุ่งมั่นในพันธะสัญญา (commitment) ที่จะเป็นผู้ดูแลตนเองไม่ให้เป็นภาระแก่คนอื่น
c.       มีความอยาก (motivated) ที่จะมีชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีความสุข

     6. ตารางกิจกรรมขณะอยู่ในแค้มป์

วันที่ 1 (ของ 5 วัน)

8.00-15.00 Registration & Meet with doctors
ลงทะเบียนเข้าแค้มป์ เช็คอินเข้าห้องพัก วัดดัชนีมวลกาย วัดความดันเลือด จัดทำเวชระเบียนส่วนบุคคล พบกับแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและจัดทำเวชระเบียน พักรับประทานอาหารว่างและอาหารกลางวันในขณะผลัดกันเข้าพบแพทย์ตามตารางเวลาที่จัดไว้

17.00 – 19.00 น. Kitchen tour สาธิตสอนแสดงวิธีทำอาหารแบบ PBWF และเริ่มทำอาหารด้วยตนเองทานเอง

19.00 – 20.00 น. ชั่วโมงสันทนาการภายในกลุ่ม

วันที่ 2. (ของ 5 วัน)

6.30 – 8.00 น.
Aerobic exercise and one mile walk test เรียนการออกกำลังกายแบบแอโรบิกและทดสอบความฟิตร่างกายด้วยวิธีเดินหนึ่งไมล์

8.00 – 9.30
ทำอาหารเช้าทานเองและเวลาส่วนตัว

9.30 – 10.45
Learn from each other ทำความรู้จักกันและเรียนรู้จากโรคของกันและกัน

10.45 -11.00
Tea break พักดื่มน้ำชา

11.00-12.00
Learn from each other ทำความรู้จักกันและเรียนรู้จากโรคของกันและกัน (ต่อ)

12.00 -14.00
ทำอาหารกลางวันทานเองและเวลาส่วนตัว

14.00 – 15.00
Briefing. Plant-based, whole food บรรยายเรื่องโภชนาการที่มีพืชเป็นหลัก ไม่สกัด ไม่ขัดสี

15.00-16.00
Tea break & Workshop: Shopping wisely พักรับประทานน้ำชา และทำเวอร์คชอพจ่ายตลาดฉลาดซื้อ

16.00-17.00
Relaxing Yoga โยคะเพื่อการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

17.00 – 19.00 น.
ทำอาหารแบบ PBWFด้วยตนเองทานเอง

19.00 – 20.00 น. ชั่วโมงสันทนาการภายในกลุ่ม

วันที่ 3. (ของ 5 วัน)

6.30 – 8.00 น.
– Body Scan ฝึกวางความคิดมาอยู่กับพลังงานของร่างกาย
– Tai Chi ฝึกวางความคิดมาอยู่กับพลังงานของร่างกายขณะเคลื่อนไหว

8.00 – 9.30
ทำอาหารเช้าทานเองและเวลาส่วนตัว

9.30 – 10.30
Self management for heart disease จัดการโรคหัวใจขาดเลือดด้วยตนเอง

10.30 -10.45
Tea break พักดื่มน้ำชา

10.45-11.30
– Workshop: Blood pressure measurement ฝึกปฏิบัติ วิธีวัด บันทึก และวิเคราะห์ความดันเลือด
– Self management for hypertension จัดการโรคความดันเลือดสูงด้วยตนเอง

11.30 – 12.00
Dyslipidemia and Obesity การพลิกผันโรคไขมันในเลือดสูงและโรคอ้วน

12.00 -14.00
ทำอาหารกลางวันทานเองและเวลาส่วนตัว

14.00 – 15.00
Workshop: Strength training การออกกำลังกายแบบฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (เล่นกล้าม)

15.00-15.45
Workshop: Balance exercise การออกกำลังกายแบบเสริมการทรงตัว

15.45 – 16.00
Tea break พักรับประทานน้ำชา

16.00-17.00
Leisure time: เวลาพักผ่อนส่วนตัว

17.00 – 19.00 น.
ทำอาหารแบบ PBWFด้วยตนเองทานเอง

19.00 – 20.00 น. ชั่วโมงสันทนาการภายในกลุ่ม

วันที่ 4. (ของ 5 วัน)

6.30 – 8.00 น.
Morning Ritual ฝึกใช้เวลาส่วนตัวตอนเช้าให้เป็นกิจวัตร
– Meditation นั่งสมาธิ
– Muscle stretching & Muscle strength training ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเล่นกล้าม
– Tai Chi รำมวยจีน

8.00 – 9.30
ทำอาหารเช้าทานเองและเวลาส่วนตัว

9.30 – 10.30
Self management for diabetese จัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง

10.30 -10.45
Tea break พักดื่มน้ำชา

10.45 -11.30
Self management for CKD จัดการโรคไตเรื้อรังด้วยตนเอง

11.30 -12.00
Self motivation การสร้างแรงบันดาลใจให้ตนเองอย่างต่อเนื่อง

12.00 -14.00
ทำอาหารกลางวันทานเองและเวลาส่วนตัว

14.00 – 15.00
Workshop: Relaxing Yoga

15.00-15.45
Workshop: Balance exercise with line dance ทรงตัวด้วยการฝึกไลน์ด้านซ์

15.45 – 16.00
Tea break พักรับประทานน้ำชา

16.00-17.00

Leisure time: เวลาพักผ่อนส่วนตัว

17.00 – 19.00 น.
ทำอาหารแบบ PBWFด้วยตนเองทานเอง

19.00 – 20.00 น. ชั่วโมงสันทนาการภายในกลุ่ม

วันที่ 5. (ของ 5 วัน)

6.30 – 8.00 น.
Morning Ritual ฝึกใช้เวลาส่วนตัวตอนเช้าให้เป็นกิจวัตร
– Meditation นั่งสมาธิ
– Muscle stretching & Muscle strength training ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเล่นกล้าม
– Tai Chi รำมวยจีน

8.00 – 9.30
ทำอาหารเช้าทานเองและเวลาส่วนตัว

9.30 – 10.45
Workshop: Simple seven health risks management การจัดการโรคด้วยดัชนีง่ายๆเจ็ดตัว

10.45 -11.00
Tea break พักดื่มน้ำชา

11.00-12.00
Workshop: Health Dashboard การใช้แดชบอร์ดบนอินเตอรเน็ทเพื่อการติดตามต่อเนื่อง

12.00 -14.00
ทำอาหารกลางวันทานเองและเวลาส่วนตัว

14.00 – 16.00

เวลาสำรองสำหรับผู้ที่ต้องการปรึกษาปัญหาส่วนตัว

     7. การเตรียมรับภาวะฉุกเฉินขณะเข้าแค้มป์

     ผู้ป่วยที่มาเข้าโปรแกรมนี้ส่วนหนึ่งเป็นผู้ป่วยหนัก บ้างทำผ่าตัดบายพาสมาแล้ว บ้างทำบอลลูนมาแล้วคนละครั้งสองครั้ง บ้างมีหัวใจล้มเหลวแค่เดินสองสามก้าวก็หอบหรือเจ็บหน้าอกแล้ว ความเสี่ยงที่จะเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันหรือหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันมีอยู่ตลอดเวลาแม้กระทั่งขณะนั่งหรือนอนอยู่เฉยๆ ตัวหมอสันต์เองเป็นหมอผ่าตัดหัวใจมาก่อน จึงไม่ประมาทในเรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วย ได้เตรียมการด้านความปลอดภัยขณะเข้าแค้มป์ทุกครั้งรวมไปถึงการมีอุปกรณ์เครื่องมือเพื่อรับมือกับภาวะฉุกเฉินได้เทียบเท่ากับห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทั่วไป รวมทั้งขีดความสามารถที่จะเปิดหลอดเลือดให้น้ำเกลือหรือยาทางหลอดเลือดดำได้ทันที ขีดความสามารถที่จะใส่ท่อช่วยหายใจและช่วยการหายใจในภาวะฉุกเฉิน นอกจากนั้นยังมีขีดความสามารถที่จะช็อกไฟฟ้าหัวใจในกรณีฉุกเฉิน การประสานงานกับระบบรถฉุกเฉินและโรงพยาบาลใกล้เคียง และการมีแพทย์หรือพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติอยู่ประจำในแค้มป์ 24 ชั่วโมง ตลอดการฝึกอบรม

     ที่เล่าทั้งหมดนี้ให้ฟังอาจทำให้เข้าใจผิดว่าการจะปรับวิถีชีวิตเพื่อพลิกผันโรคให้ตัวเองนั้นเป็นเรื่องอันตราย ความเป็นจริงไม่ใช่เลย การปรับการใช้ชีวิตทั้งอาหารและการออกกำลังกายเพื่อดูแลตัวเองให้ได้นั้นเป็นกลไกรักษาโรคตามธรรมชาติ มีอันตรายน้อยกว่าการรักษาด้วยยา บอลลูน หรือผ่าตัดในโรงพยาบาลอย่างเทียบกันไม่ได้ แต่หมอสันต์เตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยในแค้มป์ให้มากเพื่อให้ผู้ป่วยหนักซึ่งเป็นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการเข้าแค้มป์ กล้ามาเข้าแค้มป์เท่านั้นเอง

     8. การลงทะเบียนเข้าแค้มป์ RDBY

     ลงทะเบียนได้ 3 วิธี

(1) ผ่านทางไลน์ @wellnesswecare
(2) อีเมล chernkwan@wellnesswecare.com
(3) โทรศัพท์ หมายเลย 0636394003

วิธีลงทะเบียนเข้าเรียน

    1. โทรศัพท์ลงทะเบียนกับเวลเนสวีแคร์ที่คุณเชิญขวัญ (เอ๋ย) หมายเลข  0636394003
    2. ลงทะเบียนทางไลน์ @wellnesswecare
    3. ลงทะเบียนทางอีเมล host@wellnesswecare.com
    4. (ปิดการใช้งานชั่วคราว) ลงทะเบียนผ่านเว็บไซท์และจ่ายเงินทางออนไลน์ได้ที่ https://www.wellnesswecare.com/th/program/good-health-by-yourself-th/13

     ในทุกกรณีเมื่อได้ที่นั่งแล้ว จะต้องโอนเงินค่าลงทะเบียนเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย สาขาสมุทรปราการ ชื่อบัญชี  บริษัท เมก้า วี แคร์ จำกัด เลขที่บัญชี 007-368-5478 ภายใน 24 ชั่วโมงหลังได้สำรองที่เรียนแล้ว หากพ้น 24 ชั่วโมงไปแล้วถือว่าสละสิทธิ์ ที่นั่งที่สำรองได้จะถูกจัดสรรไปให้ผู้อื่นก่อน

     9. การตรวจสอบตารางแค้มป์

สามารถตรวจสอบตารางแค้มป์ล่วงหน้าได้ทางคอลัมน์ทางขวามือของบล็อกหมอสันต์นี้ (visitdrsant.blogspot.com) หรือที่เว็บไซท์ https://www.wellnesswecare.com/th/static/program-calendar

     10. ราคาค่าลงทะเบียน

     ค่าลงทะเบียนสำหรับตลอดคอร์ส (เข้าแค้มป์ 5 วัน 4 คืน ติดตามทาง HealthDashboard อย่างน้อยหนึ่งปี แล้วต่อเนื่องไม่กำหนดวันจบ) คนละ 25,000 บาท ค่าลงทะเบียนนี้รวมถึงใช้จ่ายในการเข้าแค้มป์กินนอน 5 วัน 4 คืน (โดยแชร์ห้องพักกับสมาชิกท่านอื่น รวมห้องละ 2 ท่าน)  และการติดตามทาง Health Dashboard อย่างเข้มข้นนานหนึ่งปี ในการเข้าแค้มป์แต่ละครั้งก็ครอบคลุมถึงค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าวิทยากร ค่าอุปกรณ์การฝึกทักษะ ค่าตรวจร่างกาย ค่าใช้จ่ายในการติดตามโดยแพทย์และพยาบาลทาง Health Dashboard) หลังจากออกจากแค้มป์กลับไปอยู่บ้านแล้ว แต่ไม่ครอบคลุมถึงค่าเดินทางไปและกลับระหว่างบ้านกับแค้มป์ (ผู้ป่วยไปเองกลับเอง) ไม่ครอบคลุมค่ายาและค่ารักษาพยาบาลส่วนบุคคลใดๆทั้งสิ้น

    ในกรณีที่จะประสงค์นอนพักคนเดียว 1 ห้อง จะต้องชำระค่าห้องเพิ่ม 2,000 บาท  สำหรับทั้ง 4 คืน

     กรณีเป็นผู้ติดตาม ผู้ดูแลหรือ caregiver ก็ต้องลงทะเบียนเรียนเหมือนผู้ป่วยทุกอย่าง ค่าลงทะเบียนผู้ติดตามคนละ 17,500 บาท ซึ่งรวมค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเข้าร่วมเรียนและทำกิจกรรมทุกอย่างในแค้มป์เหมือนผู้ป่วยทุกอย่างรวมทั้งการตรวจร่างกายโดยแพทย์และการติดตามดูแลหลังจบแค้มป์ผ่าน Health Dashboard

     11. ระยะก่อนเข้าแค้มป์ (Pre-camping preparation) 

     ผู้ป่วยทุกท่านที่ได้รับเข้าโปรแกรมแล้ว จะต้องจัดส่งข้อมูลโรคของตนมาให้แพทย์วิเคราะห์ล่วงหน้าก่อนวันมาแค้มป์ โดยส่งข้อมูลมาทางคุณสายชล (โอ๋) พยาบาลประจำแค้มป์ ที่อีเมล totenmophph@gmail.com โดยอย่างน้อยต้องส่งข้อมูลพื้นฐานซึ่งจำเป็นต้องใช้ต่อไปนี้มา คือ

(1) ชื่อ นามสกุล
(2) วันเดือนปีเกิด
(3) เพศ
(4) เบอร์โทรศัพท์มือถือ
(5) อีเมลแอดเดรส
(6) เลขบัตรประจำตัวประชาชน
(7) ส่วนสูง
(8) น้ำหนัก
(9) ความดันเลือด
(10) น้ำตาลในเลือด (FBS) หรือน้ำตาลสะสม (HbA1C)
(11) ไขมันเลว (LDL)
(12) ตัวชี้วัดการทำงานของไต (eGFR หรือ Cr)
(13) เอ็นไซม์แสดงการทำงานของตับ (SGPT)
(14) การวินิจฉัย (ชื่อ) โรคทุกโรคที่รักษาอยู่ในปัจจบัน
(15) อาการป่วยทุกอาการที่มีในปัจจุบัน
(16) ยาทุกตัวที่กินอยู่ในปัจจุบัน พร้อมทั้งขนาด และวิธีกิน
(17) ผลการตรวจจำเพาะต่างๆ ถ้ามี เช่น ผลการตรวจเลือดอื่นๆ ภาพเอ็กซเรย์ปอด ผลตรวจสมรรถนะหัวใจ (EST) คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ผลการตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยคอมพิวเตอร์ (CTA) ผลการตรวจสวนหัวใจ (CAG) ผลการตรวจผลการตรวจ CT สมอง โดยกรณีเป็นภาพหากส่งเป็นไฟล์ดิจิตอลได้ก็จะเป็นพระคุณ แต่หากส่งไม่ได้จะเอาโทรศัพท์ถ่ายแล้วส่งไฟล์รูปมาก็ได้ กรณีเป็นใบรายงานผลให้เอาโทรศัพท์ถ่ายใบรายงานแล้วส่งไฟล์มาก็ได้
(18) คำบอกเล่าลักษณะการใช้ชีวิตประจำวัน เน้นที่
– การบรรยายลักษณะอาหารที่กินแต่ละมื้อทุกมื้อ
– การออกกำลังกายที่ทำในแต่ละวัน
– วิธีจัดการความเครียดที่ใช้อยู่ประจำ
– ความกังวล (concern) ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ หากมีอยู่ในใจก็ให้แจ้งมาให้หมอสันต์ทราบด้วย

     12. สถานที่เรียน

     คือ เวลเนสวีแคร์เซ็นตเตอร์ (มวกเหล็ก-เขาใหญ่) ตามแผนที่ข้างล่างนี้

(รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความจำเป็นและความต้องการของผู้เรียนแต่ละแค้มป์)

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์