Latest

สาธุชนที่คิดจะมีลูก กรุณาอ่านสัญญาให้ถ้วนถี่ก่อนที่จะเซ็น

 กราบสวัสดีคุณหมอสันต์ ใจยอดศิลป์
     วันนี้เป็นวันแรกที่ดิฉันได้เห็นคำตอบของคุณหมอในกลูเกิ้ล ซึ่งเป็นคำตอบที่คุณหมอให้ไว้เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 จากข้อมูลในบล็อคนี้ที่คุณหมอเขียนได้เขียนไว้ http://visitdrsant.blogspot.com/2019/03/blog-post_7.html  (ตอนแรกดิฉันคิดว่า คุณหมอคงไม่ได้รับอีเมลล์ของดิฉัน)  เมื่ออ่านคำตอบของคุณหมอแล้ว ถือเป็นรางวัลแห่งหัวใจให้สดชื่นว่า ดิฉันไม่ได้อยู่บนโลกนี้แบบโดดเดี่ยว ขอบพระคุณกำลังใจและคำตอบจากคุณหมอเป็นอย่างสูง
     ย้อนไปก่อนหน้า ดิฉันได้ทำการซีทีสแกนไปแบบมีสติจำได้ว่า 2 รอบ วันที่ 13 มีนาคม 2562 ประมาณตี2ครึ่ง ปวดจุก ไม่รู้ว่าเกิดจากความเครียดหรืออาการนิ่วกำเริบกันแน่ ไปนอนฉุกเฉินรอดูอาการจนกระทั่ง 7 โมงเช้า อาการทุเลาหมอให้กลับบ้านได้ คุณหมอนัดผ่า 15 มีนาคม 2562 ตอนนี้ผ่าไปเรียบร้อยแล้ว
    มีการตกลงสภาพในครอบครัว คุณตาคุณยายยังอยากให้หลานมีคุณพ่อ แต่ในทางปฏิบัติสามีจะมาเยี่ยมลูกเดือนละครั้ง ดูเหมือนจะเป็นความดีใจของลูก จะเป็นความเจ็บปวดของแม่ (365 วัน คนเป็นพ่อจะมาหาลูก 12 วัน) อันนี้ผู้เป็นพ่อกำหนดว่าจะมาวันไหนโดยแม่ไม่ได้บังคับหรือกะเกณฑ์ ความสุขที่ลูกอยากได้ ผู้เป็นแม่มิอาจขัด ลูกยังเล็กนัก มีเพียงคำถามว่า ทำไมพ่อไม่อยู่กับหนูแบบพ่อบ้านอื่น คำตอบที่ผู้เป็นแม่อย่างดิฉันตอบไปคือคุณพ่อต้องทำงานหาเงินมาส่งหนูเรียนไงคะ
    ในส่วนของชีวิตครอบครัว เราสองคนจดทะเบียนสมรส โดยมีเพศสัมพันธ์กันครั้งแรกเมื่อตอนแต่งงานไปแล้ว ทำให้การศึกษาในชีวิตคู่น้อยไป ดิฉันเพิ่งรู้ว่า สามีค่อนข้างมีปัญหาในเรื่องเพศสัมพันธ์คือ มีการหลั่งเร็วหรือนกกระจอกไม่ทันจะกินน้ำ และอวัยวะเพศอ่อนตัวลงทันทีหลังจากหลั่งอสุจิ  และหากไม่มีการสวมถุงยาง ขอบอวัยวะเพศจะมีการถลอกหรือฉีกขาด ทุกอย่างเมื่อเราได้ชื่อว่าเป็นภรรยา ข้อนี้เลยมิใช่ปัญหาเลย วันเวลาล่วงเลยมาจนมีลูก จวบจนทุกวันนี้ดิฉันเองยังคงมีความซื่อสัตย์ให้กับผู้เป็นสามี ความยากคือเมื่อมี 2 ครอบครัวมาเกี่ยวข้องในครอบครัว สามีเป็นครอบครัวคนจีน ดิฉันมีลูกสาว ครอบครัวอยากได้หลานชายสักคน ลูกคนแรกเป็นภูมิแพ้ผิวหนัง เวลารับประทานนมวัวก็จะมีผื่นขึ้นดังรูป ดังภาพที่แนบมา และลูกจากเคยป่วยเป็นไข้หวัดปีละครั้ง ปีนีเข้าโรงเรียนเป็นหวัดยาวจากเมษาจนถึงปัจจุบันเลยค่ะ
     ใจยังคงคิดถึงลูกน้อยที่เสียชีวิตในครรภ์ ไม่มีแม้โอกาสได้ทำพิธีทางศาสนาค่ะ เพราะศพนั้นได้ส่งต่อไปทางการแพทย์ ยังมิสามารถหาคำตอบได้ว่าศพถูกนำไปฝังที่ไหน ดิฉันได้แต่ขอให้ลูกน้อยไปสู่สุคติภพภูมิที่ดี
     เรียนถามคุณหมอค่ะว่า
     1. การทำซีทีหากไม่เกิน 3 ครั้ง การเกิดมะเร็งจากผลซีที ในทางการแพทย์มีระบุไหมคะว่า จะมีโอกาสเป็นกี่เปอร์เซ็นต์
     2. ไม่ทราบว่าหลักการทำงานของน้ำดี หลังถูกตัดถุงน้ำดีแล้ว เมื่อไม่มีถุงน้ำดีแล้วจะเป็นแบบไหนคะ (น้ำดีจะหลั่งเฉพาะตอนกินอาหาร เมื่อกระเพาะทำงาน หรือหลั่งตอนกินไขมัน หรือว่าจะหลั่งตลอดเวลาคะ)
     3. คำตอบของคุณหมอในข้อที่ 2 หลังผ่าดิฉันมีอาการท้องอืดควบท้องเสียเรื้อรัง เป็นของแถมมาเป็นที่เรียบร้อยค่ะ โดยเฉพาะหลังอาหารมื้อเช้า เป็นจนอั้นไม่อยู่ ทุกวันนี้ยังปวดจุกตำแหน่งถุงน้ำดีที่ถูกผ่าออกไป เมื่อไม่มีถุงน้ำดีร่างกายจะขาดวิตามินหรือสารอาหารอะไรไหมคะ
     4.เมื่อไม่มีถุงน้ำดี ตอนนี้น้ำดีจะไหลตรงไปที่ลำไส้เล็กใช่ไหมคะ เวลาอุจจาระตอนเช้ารอบที่ 2 ท้องจะเสียทุกครั้ง รวมทั้งมีอาการปวดบิดทุกวันเลยค่ะ
     5..ข้อนี้ถามเผื่อลูกสาวค่ะ ถ้าทานถั่วเยอะ เช่น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ ถั่วลิสงจะมีผล ในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีไหมคะ เพราะลูกแพ้นมวัวจึงต้องทานนมถั่วเหลืองแทนค่ะ
     6.การใช้ถุงยางอนามัยมีผลต่อการเกิดเนื้องอกในมดลูกไหมคะ
     7.เมื่อไม่มีถุงน้ำดี สามารถตั้งครรภ์ได้หรือไม่ค่ะ แม่ไม่ถุงน้ำดีจะทำให้ลูกผิดปกติหรือเปล่า หรือตัวแม่จะเป็นอันตรายไหมคะ
     8.การเกิดนิ่วในถุงน้ำดีขณะตั้งครรภ์ที่ เป็นสาเหตุทำให้เด็กเกิดมาผิดปกติไหมคะ
     9.แม่สามีคลอดสามี ตอนแม่สามีอายุประมาณใกล้ 50 ปี ในรุ่นดิฉันอายุใกล้ 40 ปี     ดิฉันมีโอกาสจะคลอดลูกที่มีความผิดปกติทางโครโมโซมสูงไหมคะ หรือหาก ลูกสาวดิฉันมีลูก มีโอกาสผิดปกติทางโครโมโซมหรือเปล่าคะ
     10. ตามเอกสารที่แนบมา มีข้อความไหนระบุไหมคะ ว่าเด็กมีความผิดปกติทางโครโมโซม คำว่า All serological tests are negative คืออะไรคะ
     11.เด็กที่คลอดออกมาเสียชีวิตไม่เกินกี่วันจึงจะสามารถตรวจหาได้ว่า เด็กคนนั้นมีความผิดปกติทางโครโมโซมคะ
     12.ปัญหาทางเพศที่สามีเป็น คือมีผิวหนังค่อนข้างบางที่อวัยวะเพศ การหลั่งเร็ว จะส่งต่อไปยังลูกสาวไหมคะ เป็นไปได้ไหมที่ลูกสาวจะเจ็บเมื่อมีเพศสัมพันธ์
     13.ในบทความที่คนอื่นเขียน (แนบมา) บอกว่า นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากการติดเชื้อในทางเดินน้ำดี (ส่วนใหญ่เกิดจากการกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ) ดิฉันสงสัยว่าบทความอธิบายผิด คิดว่ากลั้นปัสสาวะคือนิ่วที่ไตหรือเปล่าค่ะ หรือเกี่ยวกับถุงน้ำดีด้วยคะ
ขอกราบขอบพระคุณคุณหมอเป็นอย่างสูง

………………………………………
ตอบครับ

     1. ถามว่าข้อมูลทางการแพทย์ระบุได้ไหมว่าทำซีที.กี่ครั้งจะมีโอกาสเป็นมะเร็งกี่เปอร์เซ็นต์ ตอบว่าไม่มีครับ แล้วคุณจะรู้ไปทำไมละครับ จะเอาไว้ใส่บ่าแบกหามหรือ รู้เพียงแค่ว่าซีที.เป็นเอ็กซเรย์ในรูปแบบที่ได้รับรังสีเอ็กซ์มาก ซึ่งรังสีเอ็กซ์ทำให้เป็นมะเร็งได้ จึงควรทำซีที.เฉพาะเมื่อจำเป็น รู้แค่นี้ก็เพียงพอแก่การหลุดพ้นจากความทุกข์แล้ว

     2. ถามว่าหลังถูกตัดถุงน้ำดีแล้ว น้ำดีจะหลั่งอย่างไร ตอบว่าปกติน้ำดีจะผลิตที่ตับ ไหลมาตามท่อเล็กๆมารวมกับน้ำย่อยที่ผลิตมาจากตับอ่อน พากันไหลมาตามท่อใหญ่ ส่วนหนึ่งมาแวะพักที่ถุงน้ำดี ส่วนที่เหลือก็ไหลเอื่อยๆไปตามท่อรวม ไปปล่อยใส่ลำไส้เล็กส่วนต้น พอมีอาหารไขมันมากระตุ้น ถุงน้ำดีก็จะบีบตัวให้น้ำดีไหลมาคราวละมากๆ เมื่อตัดถุงน้ำดีแล้ว กลไกทั้งหมดยังทำงานเหมือนเดิมเพียงแต่ไม่มีถุงเก็บ ก็ต้องทะยอยไหลออกมาต่อเนื่อง ไม่สามารถจะตุนไว้แล้วปล่อยออกทีละเยอะๆได้

     3. ถามว่าเมื่อไม่มีถุงน้ำดีร่างกายจะขาดวิตามินหรือสารอาหารอะไรไหม ควรกินอาหารอย่างไร ตอบว่าไม่มีหลักฐานว่าคนตัดถุงน้ำดีจะขาดสารอาหารอะไรแตกต่างจากคนมีถุงน้ำดี แม้วิตามินที่ละลายในไขมัน (A, D, E, K) ก็ไม่ขาด ดังนั้นปัจจุบันนี้จึงไม่มีคำแนะนำมาตรฐานว่าคนตัดถุงน้ำดีแล้วควรกินอาหารอย่างไร เพราะหมอเองก็ยังเถียงกันไม่ตกฟาก แต่หมอสันต์แนะนำว่า (1) ไม่ควรกินอาหารไขม้นคราวละมากๆ (2) ไม่ควรกินอาหารมื้อใหญ่ๆเยอะๆ กินแบบมื้อเล็กแต่บ่อยขึ้นดีกว่า (3) กินกากหรือไฟเบอร์ซึ่งก็คือผักผลไม้ถั่วนัทให้มากๆ เพื่อให้การเคลื่อนไหวอาหารในลำไส้ดีขึ้น (4) คนตัดถุงน้ำดีมักมีปัญหากรดไหลย้อน ถ้ามีก็ต้องหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ กาแฟ เครื่องดื่มอัดลม ช็อกโกแลต ส้ม น้ำส้ม มะเขือเทศ พริก และบวกหรือลบกาแฟ (หมายความว่าผลของกาแฟต่อกรดไหลย้อยยังไม่ชัวร์ว่ามีหรือเปล่า)

     4. ถามว่าถ้ากินถั่วเยอะ เช่น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ ถั่วลิสงจะมีผล ในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีไหมคะ ตอบว่าไม่มีครับ นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากโคเลสเตอรอล อาหารที่คุณว่ามาทั้งหมดเป็นพืช จึงไม่มีโคเลสเตอรอล

     5. ถามว่าการใช้ถุงยางอนามัยมีผลต่อการเกิดเนื้องอกในมดลูก โอ้..นี่หักมุมมาอีกระบบหนึ่งแล้วนะเนี่ย ตอบว่าไม่มีผลครับ ไม่เกี่ยวกัน

     6. ถามว่าเมื่อไม่มีถุงน้ำดี จะสามารถตั้งครรภ์ได้หรือไม่ค่ะ และแม่ไม่ถุงน้ำดีจะทำให้ลูกผิดปกติหรือเปล่า หรือตัวแม่จะเป็นอันตรายไหม ตอบว่าตั้งครรภ์ได้ครับ เพราะคนเราไม่ใช้ถุงน้ำดีในการตั้งครรภ์ ไม่มีผลทำให้ลูกพิการหรือผิดปกติ และไม่มีผลให้แม่มีความเสี่ยงขณะตั้งครรภ์มากขึ้น

    7. ถามว่าแม่สามีคลอดสามีตอนอายุประมาณใกล้ 50 ปี หากดิฉันจะคลอดตอนอายุใกล้ 40 ปีจะมีโอกาสจะคลอดลูกที่มีความผิดปกติทางโครโมโซมสูงไหม ตอบว่าแม่สามีก็แม่สามี ไม่ได้ดองหรือเป็นผู้สืบสันดานกันและกันกับคุณโดยกำเนิด ยกเว้นว่าคุณจะมาลอกเลียนเธอเอาในภายหลัง ส่วนตัวคุณอายุ 40 เมื่อออกลูกโอกาสจะได้ลูกผิดปกติมีมากกว่าคนอายุน้อยอย่างมีนัยสำคัญแน่นอน ยกตัวอย่างเช่นความชุกของความผิดปกติแบบดาวน์ซินโดรมหากคุณคลอดตอนเป็นสาว คืออายุ 11 ปีถึง 29 ปี (สมัยนี้คลอดกันตั้งแต่อายุ 11 ปีจริงๆนะ) ความชุก (prevalence) ของการจะได้ลูกดาวน์มีเพียงประมาณ 10 ใน 10,000 หลังจากนั้นโอกาสได้ลูกดาวน์จะมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าคุณมาคลอดเอาตอนอายุ 40 ปี โอกาสนั้นจะกระโดดเป็น 80 ใน 10,000 ขึ้นไป เรียกว่าโอกาสแจ้คพอตเพิ่มขึ้นแปดเท่า

     8. ถามว่าผลตรวจที่ให้มา มีข้อความไหนระบุว่าเด็กมีความผิดปกติทางโครโมโซมไหม คำว่า All serological tests are negative คืออะไร ตอบว่าผลที่ส่งมานั้นบอกนัยสำคัญสองเรื่อง คือ

     (1) การตรวจคลื่นเสียงพบทารกพิการแบบมือติดกันเป็นพืดมีรูโหว่ที่หัวใจมีม้ามสองอัน (เดชะบุญที่เธอแท้งไปเสียก่อน)

     (2) ผลการตรวจโครโมโซมพบว่าโครโมโซมปกติดี

     นี่เป็นกรณีศึกษาที่ดีมากที่จะให้คุณและท่านผู้อ่านท่านอื่นได้เข้าใจว่าความผิดปกติของทารกนั้นมีสาระพัดแบบ แต่ที่เราตรวจจากโครโมโซมได้มีแค่สามโรค คือดาวน์ซินโดรม (T21) เอ็ดวาร์ดซินโดรม (T18) และพาเทา ซินโดรม (T13) ความผิดปกติแบบอื่นๆอีกร้อยแปดเราตรวจไม่ได้ ดังนั้นอย่าไปหวังพึ่งผลการตรวจโครโมโซมว่าจะเป็นตรารับประกันว่าคุณจะไม่ได้ลูกพิการ การมีลูกเป็นการทำสัญญากับยมพบาลล่วงหน้าว่าเมื่อคุณตัดสินใจมีลูก คุุณยอมรับความเสี่ยงต่างๆรวมทั้งโอกาสที่จะมีลูกพิการไว้เรียบร้อยแล้วนะ เอาเบาะๆแค่โอกาสจะเกิดหัวใจพิการนี่ก็ 8 ใน 1,000 เข้าไปแล้ว นี่เป็นสัจจะธรรม พิการอย่างอื่นโน่นนี่นั่นอีกโหลงโจ้งก็ไม่ต่่ำกว่า 1 ใน 100 หรือ 1% นี่ยังไม่นับโอกาสที่จะมีลูกบังเกิดเกล้าที่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องอีกไม่รู้กี่เปอร์เซ็นต์นะ เอาสถิติจากปากของจิตแพทย์ที่ผมเพิ่งพบไม่กี่วันมานี้ก็ได้ เขาบอกว่ายาที่เขาจ่ายมากที่สุดตอนนี้คือยาต้านซึมเศร้า แล้วหนึ่งในสามของยาทั้งหมดจ่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 17 ปี ที่พูดไปแล้วทั้งหมดยังไม่ได้นับโอกาสที่แม่จะตายระหว่างคลอดอีกหละ โอกาสทีแม่จะตายไปในระหว่างคลอดในเมืองไทยนี้ก็คือ 48 ต่อแสน ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาที่เซ็นไว้ล่วงหน้ากับยมพบาลเรียบร้อยแล้ว รอการส่งมอบเมื่อเวลามาถึงอย่างเดียว ดังนั้นสาธุชนที่คิดจะมีลูก กรุณาอ่านสัญญาให้ถ้วนถี่ก่อนที่จะเซ็น

     9. ถามว่าดิฉันมีลูกคนที่สองพิการแล้วแท้ง หากลูกสาวดิฉันมีลูก เธอจะมีโอกาสได้ลูกพิการหรือเปล่า ตอบว่าคำถามนี้มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะตอบได้ สถิติทางการแพทย์ทำนายไม่ได้ว่าคนอย่างคุณนี้ลูกสาวของคุณจะมีโอกาสได้ลูกพิการเพิ่มขึ้นมากกว่าคนทั่วไปหรือไม่ เพราะปัจจัยมันมากจนคำนวณไม่ได้ ดังนั้นให้ถือหลักว่ากรรมของใครก็กรรมของมันไว้ก่อน..สบายใจ

     10. ถามว่าปัญหาทางเพศที่สามีเป็น คือมีผิวหนังค่อนข้างบางที่อวัยวะเพศ การหลั่งเร็ว จะส่งต่อไปยังลูกสาวไหม เป็นไปได้ไหมที่ลูกสาวจะเจ็บเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ตอบว่า โอ้..โฮ คุณนี่จินตนาการดีมากนะเนี่ย จินตนาการและความจำเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราเหนือกว่าสัตว์ แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราทุกข์มากกว่าสัตว์ ดูหมาแมวก็ได้ กินอิ่มแล้วมันนอนหลับปุ๋ยสบายใจเฉิบ แต่คนกินอิ่มแล้วต้องมาทุกข์กับจินตนาการและความจำของตัวเอง เอ้อ มัวแต่เทศน์ ลืมไปแล้วว่าถามว่าอะไรนะ อ้อ..ถามว่าโรคนกกระจอกไม่ทันกินน้ำของพ่อจะมีผลไปถึงชีวิตทางเพศของลูกสาวไหม ตอบว่าไม่มีผลครับ

     11. ถามว่าบทความในอินเตอร์เน็ทนี้บอกว่า นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากการกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ จริงไหม ตอบว่า พุทธัง ธัมมัง สังคัง อะไรมันจะคัน..เอ๊ย อะไรมันจะตลกขบขันเช่นนั้น มันคนละระบบกันและอยู่ห่างกันเป็นโยชน์ มันจะไปเกี่ยวกันได้อย่างไร คุณไม่ต้องเป็นหมอก็ตรองเอาเองได้ คุณเองโตมาจนเป็นแม่คนแล้วคุณน่าจะรู้นะว่ากับข้อมูลทั้งหลายในอินเตอร์เน็ท คุณต้องใช้ดุลพินิจของคุณเองประกอบเสมอ

     หมดคำถามแล้วนะ จบข่าว

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม

1. Sepulveda W, Wong AE, Dezerega V; First-trimester ultrasonographic screening for trisomy 21 using fetal nuchal translucency and nasal bone. Obstet Gynecol. 2007 May;109(5):1040-5.
2. Reynolds TM, Penney MD. The mathematical basis of multivariate risk screening: with special reference to screening for Down’s syndrome associated pregnancy. Ann Clin Biochem 1990; 27:452-