Latest

เป็นแม่ แต่ลูกสาวไม่ยอมเจอหน้าแม่

กราบงาม ๆ ค่ะคุณหมอ
หนูชื่อ … นะคะ ไม่รู้ว่าคุณหมอมีเฟสบุ๊คหรือเปล่าค่ะ หนูเคยเป็นพยาบาลที่เมืองไทย ออกจากราชการมาตอนซี … หย่าร้างกับสามีชาวต่างชาติ หนูอยู่ยุโรปมา 12 ปีค่ะ มีลูกสาวด้วยกันอายุ 13 ปีค่ะ แปลกมาก ๆ ค่ะ อยู่ดี ๆ ลูกสาวไม่ต้องการเจอแม่ เป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้วค่ะ หนูมีลูกชายกับแฟนใหม่อายุ 4 ขวบค่ะ ผู้ดูแลลูกสาวกับนักจิตพยายามนัดให้หนูเจอกับลูกสาว แต่เจอครั้งแรก เขาทำท่าเดินหนีไปกับพ่อค่ะ จริง ๆ ทางศาลให้ลูกมาอยู่กับหนูได้ตลอด แต่พ่อเขาไม่ยอมเซ็นอนุมัติค่ะ โชคดีว่าตอนนี้ผลการเรียนของเขาดีขึ้นมากค่ะ หนูสงสัยว่าเป็นช่วงวัยของเขาหรือเปล่าค่ะ จากการหย่าร้าง ทนายก็ต่างจะใส่ให้อีกฝ่ายนึงผิด หนูไม่ค่อยชอบระบบขึ้นศาลน่ะค่ะ แต่ต้องปฏิบัติตามเขาน่ะค่ะ ทุกข์บ้างค่ะคุณหมอ แต่ต้องอดทน เพื่อตัวเราและคนข้างหลังน่ะค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ ได้อ่านที่คุณหมอเขียนให้คำปรึกษา ดีมาก ๆ เลยค่ะ ว่าเราต้องปล่อยวางน่ะค่ะ คุณหมอใจบุญมาก ๆ ค่ะ

………………………………………………………

ตอบครับ

     ปัญหาในใจของคุณมีรากอยู่ที่การไม่ยอมรับ ไม่ยอมรับการกระทำของสามี ไม่ยอมรับความคิดและการกระทำของลูกสาว แต่เมื่อมองให้ลึกลงไป สิ่งที่คุณไม่ยอมรับ คืออะไรก็ตามที่จะทำให้ความเป็นบุคคลหรืออัตตาของคุณต้องหมองช้ำไป คุณปฏิเสธคนอื่นเพื่อปกป้องอัตตาของคุณเอง ผู้หญิงที่ดีอย่างคุณจะมีสามีที่ตกสะเป๊คอย่างผ.คนแรกได้อย่างไร แม่อย่างคุณ จะเลี้ยงดูลูกสาวมาสิบกว่าปีโดยที่ลูกไม่เห็นความดีของแม่เลยได้อย่างไร

     ในการจะแก้ปัญหาคุณอย่าไปชี้ความผิดของสามีและลูก เพราะยิ่งทำอย่างนั้นคุณยิ่งเจ็บ เพราะลูกนั้นแน่นอนอยู่แล้วว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของคุณเอง แม้สามีก็เช่นกัน คนเราอยู่กันมาตั้งสิบกว่าปีมันหลอมรวมเป็นกันและกันไปส่วนหนึ่งเสียแล้วอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งคุณไปทำให้เขาเจ็บ คุณก็ยิ่งเจ็บ

     ถ้าคุณอยากจะให้ลูกสาวกลับมาเปิดเผยความรู้สึกของการเป็นลูกในใจของเธอต่อคุณ ให้คุณเริ่มที่ในใจคุณ อย่าไปแก้ปัญหาโดยเริ่มที่สามีและลูกว่าพวกเขาเป็นสามีตกสะเป๊ค เป็นลูกตกสะเป๊ค ให้คุณเริ่มที่ใจคุณด้วยการยอมรับ ยอมรับพวกเขาตามที่พวกเขาเป็น ไม่ใช่จะยอมรับพวกเขาตามที่คุณอยากให้พวกเขาเป็น ท่องคาถาคำเดียว “ยอมรับ” หรือ “acceptance” การยอมรับแสดงออกได้เป็นคำพูดสี่คำ คือขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัย เมตตา ท่องไว้นะ ขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัย เมตตา

     กับลูกสาว ถ้ามีโอกาสได้พบหน้ากันคุณพูดกับเธออย่างจริงใจ ถ้าไม่ได้พบหน้ากันคุณก็พูดผ่านโทรจิตทุกวัน โดยเฉพาะหลังจากที่คุณนั่งสมาธิและความคิดอื่นๆสงบลงแล้ว ว่าแม่ขอบคุณลูกมากนะ ที่ให้ความสุขกับแม่ตลอดเวลาที่เป็นแม่ลูกกันมา แม่ขอโทษลูก ที่บางครั้งแม่ตัดสินใจอะไรไปโดยเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวของแม่เป็นที่ตั้งโดยไม่ยอมฟังความทุกข์ของลูก สิ่งที่ผ่านมาแม่ไม่เคยโกรธลูก แม้ลูกจะทำอะไรที่แม่เสียใจแต่แม่ก็ให้อภัยลูกเสมอ แม่รักลูกนะ

     กับ ผ. เก่าของคุณเมื่อพบกันก็พูดกับเขาตรงๆซื่อๆใสๆ หากไม่พบกันก็เขียนไปหา ว่าฉันมาคิดได้แล้วและอยากจะขอโทษคุณในเรื่องที่ผ่านมา และขอบคุณคุณที่ช่วยดูแลลูก เรื่องที่ผ่านมาฉันยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้วและผ่านไปแล้ว ฉันไม่โทษใคร ฉันยังเป็นเพื่อนคุณอยู่เสมอนะ หากมีอะไรที่ฉันจะช่วยได้ฉันก็ยินดี

     เรื่องผัวเมียฟ้องร้องกันแล้วแย่งเอาสมบัติ หรือเอาลูก หรือเอาคนใช้ หรือเอาหมา มาเป็นพวกของตัวเองนั้น ผมมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นเรื่องของการไม่เข้าใจชีวิตว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อเรานี้เป็นผลงานของตัวเราเองทั้งนั้นแหละป่วยการที่จะไปโทษอีกฝ่ายหนึ่ง ทนายความช่วยได้อย่างมากก็แค่ช่วยแย่งเอาสมบัติมาให้เราครองได้มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ทนายมีแต่จะเพิ่มความคิดยึดมั่นถือมั่นในอัตตาของคุณอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงไม่ว่าคุณจะชนะหรือแพ้คดี ดังนั้นถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเลิกคดีหรือรีบทำให้มันจบๆเสีย ผ.เก่าเขาอยากได้อะไรให้เขาไปให้หมด ถ้าคุณให้อภัยได้น้อยก็คิดเสียว่าถวายหมาไป คุณเป็นพยาบาลไม่ใช่หรือ คนไข้เป็นใครที่ไหนมาไม่รู้คุณยังเต็มใจดูแลเช็ดอึเช็ดฉี่ให้เขาด้วยเมตตาธรรม นี่ ผ. เก่าของคุณทั้งคนคุณจะทำทานให้เขาบ้างไม่ได้เลยหรือ แต่ถ้าคุณให้อภัยได้เต็มที่ก็ให้คิดว่าเขาเป็นผู้ดูแลลูกให้เรา เขาควรจะได้เงินทองไปดูแลลูกให้มากที่สุดนั้นนะดีแล้ว ตัวคุณเองก็มี ผ. ใหม่แล้วจะไปอาลัยอาวรณ์อะไรกับสมบัติเก่าอีกเล่า ให้อภัยและยกสมบัติทั้งหมดให้ผ.เก่าเขาไปเสียแล้วทิ้งอดีตกับผ.เก่าไปเสีย มาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับ ผ. ใหม่อย่างสดใสซาบซ่าอยู่ในวันนี้ดีกว่า

     คุณทำอย่างที่ผมว่านี้อย่างจริงจังและจริงใจ แล้ววันหนึ่งลูกจะกลับมาหาคุณ ในฐานะลูกแท้ๆของคุณเอง ข้อนี้ผมรับประกัน แต่ถ้าเผอิญเจ้า ผ. เก่าของคุณกลับมาด้วย หุ..หุ คราวนี้ตัวใครตัวมันละกันนะ ผมขอไม่ยุ่งเกี่ยว

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
………………….
จดหมายจากท่านผู้อ่าน
สวัสดีค่ะคุณหมอสันต์ หนูดีใจมากค่ะ ลูกสาวหนูติดต่อมาเองทางโทรศัพท์ค่ะ เขาบอกว่าร้องไห้ คิดถึงหนูทุกวันค่ะ ที่ผ่านมาคือคิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุทำให้แม่ต้องห่วง ทั้ง ๆ ที่แม่ห่วงและรักลูกเท่ากัน ปรับความเข้าใจกัน รักกันมากน่ะค่ะ วันก่อนขับรถเอาอาหารที่ทำไปส่งลูกค่ะ ขอบพระคุณคำแนะนำดี ๆ จากคุณหมอค่ะ หนูเห็นเฟสบุ๊คคุณหมอแล้วค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ
…………………………..