COVID-19

ตัวเปลี่ยนเกม (Game Changer) ให้คนไทยกู้ชาดิจาก COVID-19

     สวัสดีครับ ผมสันต์ ใจยอดศิลป์ นะครับ เผื่อท่านจะจำหน้าผมไม่ได้เพราะไม่ได้เจอกันนาน..น มากแล้ว และเพราะหน้าดำจากการทำไร่ทำสวน ที่หายไปนานเนี่ยไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอใครนะครับ แต่เป็นเพราะทำเรื่องคลิปเรื่องป๊อดเรื่องป็อดทั้งหลายเนี่ยไม่เป็น คลิปสุดท้ายที่เจอกันคือผมพูดกับท่านเรื่องเปลี่ยนชีวิตตัวเองใน 9 ประเด็น ซึ่งนานเกือบปีมาแล้ว ตอนนั้นทำได้เพราะอาจารย์กุ้ง (รัฐการ) ซึ่งสอนเทคโนสื่อสารมวลชนมาเยี่ยมที่บ้าน คราวนี้ก็เหมือนกัน อาจารย์กุ้งแวะมาเยี่ยม จึงได้ทำคลิปนี้กันอีกหนึ่งคลิป

     แล้วทุกวันนี้จะคุยกันเรื่องอะไรคนก็ไม่เอาทั้งนั้น จะเอาเรื่องเดียวคือเรื่อง COVID-19 ไปทางไหนก็มีแต่คนถามว่าแล้วมันจะยังไงต่อไป แล้วมันจะจบยังไง แล้วมันจะเป็นอย่างที่อาจารย์คนโน้นคนนี้ว่าจริงหรือเปล่า ผมก็ได้แต่ร้องเพลงของคุณกิ๊กให้ฟัง คือคุณกิ๊กเป็นเพื่อนผมซึ่งเป็นนักแต่งเพลงอาชีพ เพลงหนึ่งของเขาตอนจบร้องว่า

     “ต่อไปจะเป็นฉันใด…ไม่..รู้..”

     ฮะ ฮะ ฮ่า แต่จะไม่ให้ผมทำนายอะไรเลยท่านก็จะจบประเด็นนี้ในใจไม่ลง โอเค. ผมทำนายหน่อยก็ได้ ในการเล่นเกมการแข่งขันต่างๆมันสนุกตรงที่เกมมันไม่ได้ไปตามแนวโน้มคงที่ดุ่ยๆๆตั้งแต่ต้นจนจบดอก แต่มันสนุกตรงที่มันมีตัวสกัดหรือตัวเร่ง ซึ่งภาษาเกมเขาเรียกว่ามันมีตัวเปลี่ยนเกม หรือ Game Changer โรคโควิด19 นี้ก็เหมือนกัน มันมีเกมเช้นเจอร์อยู่สามตัวจ่อคิวอยู่ คือ

     1. อุณหภูมิที่สูงขึ้นและชื้นขึ้นของเดือนพฤษภา
     2. การฟลุ้คๆค้นพบว่ายาเก่าที่เอามาใช้ใหม่ได้ผล
     3. การผลิตวัคซีนโรคนี้ได้สำเร็จ

     ตัวเปลี่ยนเกมตัวที่ 1. อุณหภูมิกับความชื้น

     คือไวรัสก่อโรคโควิด19 นี้ชื่อจริงของมันคือซาร์โควี2 (SARS COV 2) นะ เพราะโคตรเหง้าศักราชมันเป็นพวกเดียวกับเชื้ัอโรคซาร์ส ซึ่งเกิดจากไวรัสชื่อซาร์สโควี1 เมื่อประมาณสิบปีที่แล้วงานวิจัยกับเชื้อไวรัสซาร์สโควี1 พบว่ามันทนมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวแห้งนอกร่างกายคนได้นานถึงมากกว่า 5 วันหากอุณหภูมิต่ำอยู่ระหว่าง 22-25 องศาและอากาศแห้งระดับความชื้น 40-50% ซึ่งก็คือบรรยากาศในห้องแอร์นี่แหละ (ดังนั้น..ระวังห้องแอร์ที่มีคนแยะ) แต่หากอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 38 องศาซี.และความชื้นสูงถึง 95% ขึ้นไปมันจะตายเกือบเกลี้ยง และความที่ซาร์สโควี2 เป็นดองกับซาร์สโควี1 มันน่าจะกระหม่อมบางไม่ทนร้อนไม่ทนชื้นเหมือนกัน ดังนั้นตัวเปลี่ยนเกมตัวแรกให้รอปลายเดือนพฤษภาคมนี้ เมื่อความร้อนพีคสูงสุดแล้วฝนตก นั่นแหละ แถ่น แทน แท้น แถมด้วย..เพี้ยง คือต้องเสกสำทับ โรคโควิด19 อาจจะหายเกลี้ยงเลยก็ได้ ตรงนี้มีลุ้น และไม่ต้องรอลุ้นกันนานด้วย อีกสองเดือนรู้เรื่อง

     ตัวเปลี่ยนเกมตัวที่ 2. ยาเก่า 

     ตอนนี้อย่าไปพูดถึงการค้นพบยาใหม่เลยนะครับพี่น้อง เพราะวงการแพทย์เรานี้ขนาดยาฆ่าเชื้อบักเตรีซึ่งเป็นเรื่องหมูกว่าไวรัส ในยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้เรายังไม่ค้นพบยาปฏิชีวนะใหม่สักตัวเดียว ดังนั้นตัวเปลี่ยนเกมในเรื่องยานี้ไม่ใช่ยาใหม่ แต่ความหวังอยู่ที่ยาเก่า คืองานวิจัยทดลองเอายาเก่าๆจากกรุมารักษาโควิด19 อาจฟลุ้คๆเจอยาเก่าเจ๋งๆบางตัวว่าได้ผล งานวิจัยที่จีนใช้คนไข้ 300 คน พบว่ายาเก่าชื่อ Avigan (favipiravir) สามารถร่นระยะทำลายเชื้อให้เกลี้ยงจาก 11 วันลงเหลือ 4 วัน ซึ่งยานี้ก็คือยาที่จีนให้มาช่วยไทยสองแสนเม็ดนั่นแหละ วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ได้รายงานผลการใช้ยารักษาอีโบล่าชื่อยา Remdesivir ในการรักษาคนป่วยเป็นโควิด19 อาการร่อแร่แล้วพบว่าทำให้คนไข้ดีขึ้นในชั่วข้ามวัน ยาอีกตัวที่อาจจะฟลุ้คเป็นตัวเปลี่ยนเกมคือยารักษามาเลเรียชื่อ Chloroquine ซึ่งให้ผลการรักษาเบื้องต้นที่จีนน่าประทับใจ แต่ว่าผมยังไม่เห็นหมอจีนรายงานไว้ในวารสารการแพทย์ใดๆ นอกจากสามตัวเด่นนี้แล้วยังมีอีกหลายตัวที่ WHO เป็นเจ้าภาพเร่งทำวิจัยเพื่อนำออกมาใช้ ยิ่งมีคนป่วยหนักมาก ยิ่งเลือกยาตัวเจ๋งๆออกมาได้เร็ว ดังนั้นคนที่ถนอมตัวไว้ให้นานๆไปป่วยหลังคนอื่นเขาก็จะมีโอกาสได้ใช้ยาที่ตรงกับโรคมากกว่า

     ตัวเปลี่ยนเกมตัวที่ 3. วัคซีน 

     วัคซีนหากได้ผลจริง จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่ชัวร์ป้าดแน่นอนที่สุด ยุทธการ lockdown หรือปิดประตูตีแมวจะจบได้ก็ต่อเมื่อมีวัคซีน เมื่อไหร่จะมีวัคซีนใช้ไม่มีใครบอกได้ ทางยุโรปคาดว่าใน 16-18 เดือนนี้มีลุ้น ทางอเมริกาบอกว่าเริ่มเอาลองในคนแล้ว แต่ผมต้องขออนุญาตให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งไว้ด้วยนะครับ ว่าการนำวัคซีนทดลองในคนบางครั้งก็พบว่าตัววัคซีนเองทำให้คนตายมากขึ้น บางครั้งก็พบว่าลองแล้วลองอีกไม่เจออันที่เวอร์คสักที อย่างเช่นวัคซีนไข้เลือดออกและวัคซีนเอดส์เป็นต้น หลายสิบปีผ่านไปก็ยังผลิตวัคซีนไม่สำเร็จ ดังนั้นวัคซีนแม้จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่ชัวร์ป้าดแต่จะมาเมื่อไหร่ไม่รู้ ต้องร้องเพลงรอ

       “เฝ้ารอ รอ แล้วรอ แล้วรอ ไม่สิ้น
      รอจนใกล้ดับถมทับแผ่นดิน แผ่นฟ้า..”

     ฮะ ฮะ อาจารย์กุ้งทำหน้าถามว่ามีแต่ตัวเปลี่ยนเกมที่ต้องรอ แล้วตัวเปลี่ยนเกมที่คนไทยจะลงมือทำเองได้เลยไม่มีบ้างเลยเหรอ

      มี..มี ผมจะลองรวบรวมให้นะ นับต่อกันไปเลยนะ

     ตัวเปลี่ยนเกมตัวที่ 4. แอ๊พกู้ชาติ 

     แอ๊พนี่ไม่ได้หมายถึงห่อหมกในภาษาเหนือนะ แต่ผมหมายถึง application ที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือ ผมจะเล่าที่มาให้ฟังนะ คือหลานสาวผมแต่งงานกับคนต่างชาติแล้วไปตั้งรกรากทำธุรกิจอยู่ที่จีน พอเขา lockdown เมืองจีนเธอก็เลยติดแหง็กอยู่ในบ้านสองเดือน เธอไลน์มาเล่าให้หมอสมวงศ์ฟังว่าทุกวันเธอต้องเข้าแอ๊พของรัฐบาลเพื่อใส่ข้อมูลสามข้อคือ (1) วันนี้อุณภูมิร่างกายวัดได้กี่องศา (2) วันนี้มีอาการไอ น้ำมูกไหล หายใจเหนื่อย หรือเปล่า (3) วันนี้ไปทำอะไรที่ไหนกับใครมาบ้าง เธอบอกว่าต้องทำทุกวัน ใหม่ๆก็น่าเบื่อ แต่นานไปก็ชิน ผมฟังเรื่องราวแล้วตบเข่าฉาดเลย เฮ้ย..นี่จีนทำได้ถึงขนาดนี้เลยหรือนี่ นี่มันเป็นสุดยอดของการใช้วิชาระบาดวิทยาเลยนะ คือเฝ้าระวังสอบสวนกักกันโรคโดยเข้าถึงประชาชนทุกคนได้ทุกวัน มิน่า จีนถึงเอาอู่ฮั่นอยู่

     คืออย่างนี้นะท่านผู้ชม ยุทธการ lockdown ที่ผมเขียนบอกลุงตู่ไปในบล็อกวันก่อน ก็คือปฏิบัติการปิดประตูตีแมวนั่นเอง แต่ถ้าท่านปิดประตูแล้วหาแมวไม่เจอมันก็ไม่เวอร์คถูกไหม แต่การมีแอ๊พที่ให้ประชาชนทุกคนกรอกข้อมูลทุกว้นแบบนี้ทำให้ศูนย์ควบคุมโรคได้ข้อมูล “แมว” ทันทีแบบวันต่อวันว่าต้องไปตีแมวที่ไหนบ้าง ทุกวันนี้เมืองไทยทำวิชาระบาดวิทยาด้วยการใช้ “พลนำสาร” เดินต๊อกๆ ไปค้นหาแมว หิ หิ ช่างน่าสงสารซะ เกมจะเปลี่ยนทันทีถ้านักคอมพิวเตอร์ของไทยช่วยกันคิดแอ๊พกู้ชาตินี้ให้ได้ในเวลารวดเร็ว คราวนี้จะเคอร์ฟิวจะปิดประตูตีแมวทั่วประเทศพร้อมกันก็เอาเลย สามสัปดาห์รู้เรื่องแน่นอน ตรงนี้คือตัวเปลี่ยนเกมตัวที่ 4 ที่คนไทยซึ่งถนัดทางไอที.หรือซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์จะลงมือกู้ชาติได้ทันที

     ตัวเปลี่ยนเกมตัวที่ 5. เปลี่ยนสุราเป็นแอลกอฮอล 

     เมื่อไม่มียา ไม่มีวัคซีน เราก็ได้แต่อาศัยมาตรการไม่ใช้ยา (NPI) อันได้แก่การเฝ้าระวังสอบสวนกักกันโรคและการใช้อุปกรณ์ป้องก้นส่วนบุคคล (PPI) เช่นหน้ากาก และเจลฆ่าเชื้อโรค จนกว่าโรคจะสงบไปเอง แต่หน้ากากก็หายาก เจลก็ไม่พอขาย ขวดใส่เจลก็ไม่มี

     คุยกันมาถึงตรงนี้ผมขอนอกเรื่องหน่อยนะ พอโรคโควิด19 มา ผมก็เรียกประชุมลูกน้องว่าเราต้องหยุดการทำแค้มป์สอนผู้ป่วยที่เขาจองล่วงหน้ามาตลอดปีแล้วทั้งหมดซึ่งมีผลให้ทุกคนมีเวลาว่างขึ้นมาทันที ผมจึงให้คนนั้นไปทำนี่ คนนี้ไปทำโน่นเพื่อไม่ให้นั่งเฉย คนหนึ่งเป็นพยาบาลแต่มีจักรเย็บผ้า ผมซื้อผ้าให้เธอเย็บผ้าปิดจมูกให้ได้หมื่นชิ้นในสองเดือนข้างหน้า ลูกน้องอีกคนหนึ่งเป็นนักวิจัยจบปริญญาโทจากเมืองนอกมาช่วยผมทำวิจัยการรักษาโรคด้วยการเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิต แต่ตอนนี้คนไข้มาเข้าแค้มป์ไม่ได้ก็ไม่มีงานวิจัยให้ทำ ผมใช้ให้เธอไปวิจัยหาวิธีทำเจลและน้ำยาล้างพื้นจากสารเคมีที่หาง่ายในท้องถิ่น รวมทั้งเหล้าเถื่อนด้วย เธอกระมิดกระเมี้ยนคัดค้านว่ามันผิดกฎหมายนะคะ ผมบอกว่าไม่ได้ให้ผลิต แต่ให้ทำวิจัยดูความเป็นไปได้เฉยๆ ลงมือทำไปก่อน มีปัญหาค่อยมาว่ากันทีหลัง เธอรับคำแล้วถอยออกไป ผมแอบเห็นเธอไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนสวนทั้งๆที่คนระดับเธอไม่เคยคุยกับคนสวน แสดงว่าเธอเริ่มเสาะหาคอนเน็คชั่นไปหาคนขายเหล้าเถื่อน ผมนึกรำพึงในใจอยู่คนเดียวว่าพวกเราตัวเล็กแค่นี้จะทำความดีสักนิดหนึ่งก็ต้องคอยหลบกฎหมาย แต่คนที่เขาตั้งโรงต้มเหล้าขายอย่างถูกต้องตามกฎหมายวันหนึ่งไม่รู้กี่พันกี่หมื่นขวด หากหยุดทำเหล้าแค่ 20% แล้วเอาแอลกอฮอลมาทำเจลและน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด19 ก็จะช่วยเปลี่ยนเกมได้อีกโข แต่ว่าเราไม่ใช่เขา และเขาก็ไม่ใช่เรา ถ้าเขาไม่มีใจจะช่วย เราก็ได้แต่รอ รอ รอ

     นอกจากเจลจะไม่มีขายแล้ว ขวดใส่เจลก็ไม่มีขายด้วย มีคนถามผมว่าจะหาขวดใส่เจลได้จากไหน ผมตอบว่าไปขอจากบริษัทขายเหล้า เพราะว่าลูกน้องเก่าของผมคนหนึ่งเป็นพยาบาลทำงานให้บริษัททำยาขาย ต่อมาบริษัทขายเหล้ามาเทคโอเวอร์ ผมถามเธอว่าทำไมบริษัทขายเหล้าขายเบียร์ถึงมาสนใจเทคโอเวอร์บริษัททำยาของเธอ เธอตอบว่าเขาจะมาเอาขวด เพราะบริษัททำยามีแผนกผลิตขวดใหญ่มาก โรงเหล้าเขาซื้อบริษัทเพื่อจะเอาขวด สรุปว่าในประเทศไทยนี้โรงเหล้าเป็นเจ้าของทั้งแอลกอฮอลและทั้งขวด ดังนั้นใครรู้จักเจ้าของโรงต้มเหล้าฝากบอกท่านหน่อยนะครับ ว่าผมคิดถึง

     พูดมาถึงตรงนี้ทำให้คิดถึงโดนัลด์ทรัมป์ ใครจะว่าแกไม่ดียังไงก็ช่างเถอะ แต่พออเมริกาติดโรคโควิด19 แกประกาศภาวะฉุกเฉินและใช้อำนาจตามกฎหมายยุทโธปกรณ์บังคับให้โรงงานอุตสาหกรรมที่ทำมาหากินด้วยเรื่องใดก็ตามให้หันมาผลิตแอลกอฮอล์ เจล หน้ากาก เครื่องช่วยหายใจ และอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น เออ..ผมชอบเขาหงะ

     ตัวเปลี่ยนเกมตัวที่ 6. VCDC ศูนย์ควบคุมโรคของหมู่บ้าน 

     ตัวเปลี่ยนเกมนี้ผมได้ไอเดียมาจากจดหมายของเด็กสาวคนหนึ่ง เธอเล่าทางเฟซบุ้คว่า

     “เมื่อกี้แฟนโทรไปที่บ้าน จ.สกลนคร เนื่องจากกังวลมีคนจาก กทม กลับบ้านกันเยอะ คาดว่าในหมู่บ้านเยอะเช่นกัน แม่เลยเล่าให้ฟังว่า ทุกคนในหมู่บ้านช่วยกันมาก ใครกลับจาก กทม ตำรวจ อสม เข้าหา ดักกันตั้งแต่ทางเข้าหมู่บ้านเลย และให้ไปอยู่ในกระท่อมปลายนา แยกจากคนในหมู่บ้านกันเลย (มีคนไปส่งข้าวส่งน้ำน๊า มีไฟฟ้าใช้ ไม่ได้ลำบากจ้า) คนในหมู่บ้านทุกคนก็ช่วยกันดูแล ลูกหลานใครจะกลับมา ก็แจ้ง จนท ไว้ก่อนเลย ทุกคนช่วยกัน จะได้ปลอดโรคนะจ๊ะ ดีใจที่คนไทยตระหนักและช่วยกันดูแล แม่บอกไม่ต้องกลับบ้านนะ ไม่งั้นจะได้ไปอยู่ปลายนา 5555 พิกัด ให้เครดิตคนในหมู่บ้าน พลังชุมชน : บ้านบัว ต.สว่าง อ.พรรณานิคม..”

     สิ่งที่เธอเล่านั้นผมเรียกว่า Village Center of Disease Control – VCDC ศูนย์ควบคุมโรคของหมู่บ้าน ซึ่งจะเป็นหัวใจของความสำเร็จของการควบคุมโรคทั้งประเทศ วิธีการทำอย่างไร เธอเล่าไว้ข้างต้นหมดแล้ว ผมไม่ต้องเล่าซ้ำ แต่ขอเชียร์ให้ทุกหมู่บ้านทำแบบบ้านบัว ต. สว่าง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

     ตัวเปลี่ยนเกมตัวที่ 7. ส่งอาหารถึงทุกบ้านโดยไม่ผ่านตลาดนัด

     ในหมวกอีกใบหนึ่ง ผมเองก็มีหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของโรงพยาบาลท้องถิ่นที่ผมอยู่ด้วย เวลาผอ.รพ.มีอะไรก็มักจะโทรศัพท์มาถามความเห็น เช้านี้เธอหารือว่า

     “ดูท่าโรคใกล้จะมาถึงบ้านเราแล้ว ในการควบคุมโรค อาจารย์ว่ามันจำเป็นถึงขั้นต้องปิดตลาดนัดเลยหรือเปล่า”

     ผมตอบว่า

     “ตามหลักวิชา มันจำเป็น เพราะ distancing ก็คือการยกเลิกการสื่อสารปฏิสัมพันธ์หน้าต่อหน้าทุกชนิด แต่ว่าเราต้องสร้างกลไกส่งอาหารถึงทุกบ้านให้ได้ก่อน”

     บ้านนอกคอกนาที่ผมอยู่นี้ ตลาดนัดเป็นรูหายใจของผู้คน คนงานอาศัยตลาดนัดซื้ออาหารราคาถูก ชาวไร่อาศัยตลาดนัดเป็นที่ปล่อยสินค้าที่ตกสะเป๊คส่งตลาดใหญ่ไม่ได้ หากจะปิดตลาดนัดบ้านนอก ทำอย่างไรจะบริหารให้อาหารซึ่งผลิตในไร่นาของอำเภอนี้เองไปถึงทุกบ้านได้ รู้อยู่แล้วว่ามีทรัพยากรพอที่จะทำ ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ ปิคอัพ สองแถว สถานที่จุดนัดรับอาหาร และโทรศัพท์มือถือ แต่จะจัดระบบบริหารอย่างไรให้อาหารจากไร่นาผู้ผลิตไปถึงทุกบ้านที่ต้องการอาหารได้โดยไม่ผ่านตลาดนัดได้ทุกวัน นี่เป็นตัวเปลี่ยนเกมอีกตัวหนึ่ง เพราะหากปิดตลาดนัดไม่ได้ ก็ปิดประตูตีแมวได้ยาก

     ตัวเปลี่ยนเกมทั้งเจ็ดตัวนี้ สามตัวแรกเราอาจจะได้แต่รอ แต่สี่ตัวหลังคนไทยเราทำเองได้ บางคนมีศักยภาพทำได้มาก บางคนทำได้ในระดับให้ความร่วมมือ ถ้าเราคนไทยไม่ว่าเศรษฐีหรือคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือตามกำล้งของตน ก็จะกำจัดโควิด19 ได้สำเร็จแน่นอนครับ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์   

จดหมายจากท่านผู้อ่าน1
24 มีค. 63
สวัสดีค่ะคุณหมอ เป็นคนโลว์เทคค่ะ มีline ที่เพื่อนรายงานตามที่คุณหมอแนะนำในข้อ๔ค่ะ
@sabaideebot

ตอบครับ
ขอบคุณครับ

@sabaideebot เป็นตัวอย่างของแอ๊พบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ๋งครับแต่ขาดการเชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุมโรค ต้องมีการพัฒนาต่อให้มีการเชื่อมโยงศูนย์ควบคุมโรคทั้งในระด้บหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และประเทศ โดยใช้เลขบัตรประชาชนเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลพื้นฐานของมหาดไทย และให้ติดต่อกันสองทางระหว่างศูนย์ควบคุมโรคกับประชาชนได้แบบ on line ไม่ต้องมาเจอหน้ากัน ความเชื่อมต่อที่ขาดหายไปนี่แหละที่ยังไม่มีใครมีปัญญาทำขึ้นได้ครับ ถ้ามีคนทำขึ้นได้ ปัญหาการควบคุมโรคจะง่ายขึ้นราวพลิกฝ่ามือ
สันต์

…………………………………………………

(สำเนา) จดหมายจากหมอสันต์ถึงรมต.ว่าการกระทรวงดิจิทอลฯ

                                                                                 เวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี 18180
                                         24 มีค. 63
เรียน ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทอลฯ
     ผมขอเรียนเสนอให้ท่านเสนอต่อศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เพื่ออนุมัติให้กระทรวงดิจิทอลฯเป็นเจ้าภาพในการระดมทรัพยากรจากทุกภาคส่วนมาพัฒนาแอ็พพลิเคชันเพื่อช่วยในการเฝ้าระวังสอบสวนกักกันโรคโควิด-19  แอ็พพลิเคชันในลักษณะเดียวกันนี้ซึ่งใช้ได้ผลดีมากที่ประเทศจีนมีอยู่สองส่วน คือ (1) ส่วนที่ประชาชนทุกคนจะต้องเข้าไปกรอกข้อมูลทุกวันโดยบังคับของคำสั่งภายใต้พรก.ฉุกเฉิน (2) ส่วนฐานข้อมูลซึ่งเปิดให้ศูนย์ควบคุมโรคทั้งระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และประเทศ สามารถเข้าไปใช้ข้อมูลบริหารจัดการเพื่อเฝ้าระวังสอบสวนกักกันโรคในความรับผิดชอบของตน ในการพัฒนาแอ็พพลิเคชันดังกล่าวจำเป็นต้องมีการบูรณาการกับหลายภาคส่วนรวมทั้งต้องเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลบัตรประชาชนของกระทรวงมหาดไทยด้วย ซึ่งจะทำได้ก็ด้วยการอาศัยอำนาจของศูนย์บริหารสถานะการณ์โควิด-19 เท่านั้น
     จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณานำเรื่องนี้เสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เป็นการด่วนด้วยจะเป็นพระคุณ
                                                                                  ขอแสดงความนับถือ
                                                                                  (นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์)
……………………………………………..

จดหมายจากท่านผู้อ่าน2
25 มีค. 63
เรียน นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
ตามที่ท่านได้นำเสนอแนวทางเฝ้าระวังสอบสวนกักกันโรคโควิด-19 ในบล็อก https://visitdrsant.blogspot.com/2020/03/blog-post_42.html?m=1  นั้น ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่าท่านรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ได้รับทราบรายละเอียดที่ท่านนำเสนอ จึงขอรับแนวทางและยินดีให้ความร่วมมือในการดำเนินงานตามแนวทางดังกล่าว
ในการนี้จึงขอเรียนเชิญท่านพบปะหารือเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยผมขอเป็นผู้ประสานงานในการนัดหมาย จึงใคร่ขอทราบเบอร์โทรศัพท์ที่สะดวกในการติดต่อด้วยครับ
ขอแสดงความนับถือ
วาริน
————————————
ดร.วาริน รัชนานุสรณ์
Warin Ratchananusorn, D.Sc. (Tech)
Vice President & Director of Digital Startup Institute
Digital Economy Promotion Agency (depa)
Tel. +66 87 0757687