อย่างนี้ไม่ใช่เป็นโรคหัวใจ แต่เป็นโรคกรดไหลย้อน
ดิฉันอายุ 60 ปี น้ำหนัก 51 กก. สูง 162 ซม. เมื่อเกษียณแล้วได้ออกกำลังกายมาก ด้วยการตีเทนนิส 2 วัน วันละ 1 ชม วิ่งsky walk 3 วันวันละ 30 นาที ระยะประมาณ 4.5 km หลังอาหารเช้าและเย็น เดินครั้งละประมาณ 1 km เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ขณะวิ่งออกกำลังกายมีอาหารรู้สึกซ่าๆไปทั่วหน้าอก พอหยุดวิ่งอาการก็หายไปในเวลาสองสามนาที ต่อมาหลายวันก็เกิดอาการแบบนี้อีกขณะนอนหลับแล้วตื่นขึ้นมาพบว่ามีอาการซ่าๆทั่วหน้าอก เป็นอยู่นานราว 5 นาทีก็หายไป รุ่งเช้าจึงไปโรงพยาบาล หมอให้ตรวจวิ่งสายพานพบว่าได้ผลบวก จึงได้ตรวจสวนหัวใจ ผลการตรวจสวนหัวใจเป็นดังที่ส่งมาให้ คือสรุปว่าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แต่ยังไม่มากไม่ต้องทำบอลลูนหรือวางขดลวด (CAG=LM0%, LAD40%, LCX0%, RCA0%) ได้รับยากินมียา Cardiprin (acetylsalicylic acid) 100mg 1x1pc, 3. Xarator (atorvastatin) 5mg 1x1pc เย็น (หยุดยา 10 วัน เพราะรู้สึกปวดกล้ามเนื้อ) Rivotril (clonazepam) 0.25mg 1xhs, Mealin (mianserin) 5 mg 1/2xhs. ต่อมาก็มีอาการแบบเดิมอีกขณะนอนกลางคืน กลับไปหาหมอหัวใจ หมอได้ส่งต่อให้ไปไปตรวจโรงทางเดินอาหารและส่องกล้องตรวจกระเพาะ ผลตามที่ส่งมาให้ มี การอักเสบของผิวหลอดอาหาร (esophagitis) ได้ยารักษามาเพิ่มอีกคือมียา Gasviscon (sodium alginate dual action) 10ml 1xhs เป็นต้น จึงกลายเป็นว่าต้องกินยามาก และหมอบอกว่าบางตัวเช่น Cardiprin และ Xarater จะต้องกินไปตลอดชีวิต ทุกวันนี้ ทานสัตว์เนื้อแดง(หมูและเนื้อ) น้อยมาก ตอนเช้าทานกล้วยน้ำว้า 2 ลูก ทุกวัน ส่วนอาหารหลักเป็นข้าวและกับข้าวต่างๆ เช่น ปลาทอด(น้ำมันน้อยมาก)หรือนึ่ง ผัดผักต่างๆแบบน้ำมันน้อย แกงจืดผักใส่หมูสับ(ไม่ทานหมูสับ) ผักสด ไข่ต้ม(ทานเฉพาะไข่ขาว) ต้มซุ๊ปไก่ใส่หอมใหญ่ มะเขือเทศ แคร็อท มันฝรั่ง ถ้าทานนอกบ้านส่วนใหญ่เป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำลูกชิ้นปลา หรือ ไก่อยากถามคุณหมอว่าหากไม่อยากกินยาควรจะทำอย่างไร
ขอบคุณค่ะ
…………………………………………………….
ตอบครับ
1. ประเด็นอาการวิทยา อาการแสบซ่าๆทั่วหน้าอกเป็นอาการไม่จำเพาะเจาะจง แต่ก็อาจเป็นอาการหัวใจขาดเลือดได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยผู้หญิงซึ่งอาการของโรคนี้มักมาแบบไม่จำเพาะเจาะจง แต่ข้อที่ผมใช้วินิจฉัยว่าอาการของคุณไม่ใช่อาการของโรคหัวใจขาดเลือดคือโรคหัวใจขาดเลือดของจริงมันมีอยู่สองแบบ คือ
(1) กรณีเจ็บหน้าอกแบบไม่ด่วน (Stable angina) อันเกิดจากมีรอยตีบที่หลอดเลือดแต่ยังไม่ตัน เลือดยังพอผ่านไปได้ ซึ่งมีเอกลักษณ์ว่าอาการเจ็บหน้าอกจะเกิดเวลาออกกำลังกายหรือมีอารมณ์เครียดรุนแรง และอาการจะหายไปในเวลาไม่เกิน 20 นาทีหลังจากได้พักหรือคลายเครียดแล้ว และ
(2) กรณีกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (acute MI)อันเกิดจากมีลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดที่ตีบอยู่แล้วให้ตันไปเลยในทันทีทันใด ซึ่งเป็นการเจ็บหน้าอกได้ไม่เลือกเวลาไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม แต่มีเอกลักษณ์ว่าการเจ็บหน้าอกแบบนี้จะไม่หายไปในเวลา 20 นาที มีแต่อาการจะมากขึ้นๆ เกือบทั้งหมดจะต้องไปจบที่โรงพยาบาล หรือกลับบ้านเก่าไปเสียก่อนโดยไม่ทันได้ไปโรงพยาบาล
เมื่อมาวิเคราะห์ดูอาการของคุณ เมื่อคุณมีอาการครั้งแรกขณะวิ่งออกกำลังกายและหายไปเมื่อพักนั้นมันเหมือนอาการของ stable angina แต่เมื่อคุณมีอาการแบบเดียวกันอีกครั้งขณะตอนนอนพักอยู่บนเตียงตอนกลางคืนแล้วหายไปเองในเวลาไม่กี่นาทีนั้นมันไม่เข้ากับโรคอะไรเลย จะว่าเป็น stable angina ก็ไม่ใช่เพราะมันเกิดขณะพัก ไม่ได้ออกแรงหรือเครียดอะไร จะว่าเป็น acute MI ก็ไม่ใช่เพราะมันเกิดแป๊บเดียวแล้วก็หายไปไม่ได้เจ็บต่อเนื่องเกิน 20 นาที ดังนั้นผมสรุปจากมุมอาการวิทยาว่าอาการของคุณไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจขาดเลือด
2. ประเด็นผลการสวนหัวใจ ผลการสวนหัวใจที่ส่งมาให้นั้นผมอ่านว่าเป็นหลอดเลือดหัวใจที่ใกล้เคียงกับหลอดเลือดหัวใจปกติ รอยตีบที่หลอดเลือดซ้ายหน้า (LAD) ที่ว่าตีบอยู่ 40% นั้น มันเป็นไปได้ทั้งมีโรคอยู่จริงๆโดยที่เพิ่งเป็นโรคในระยะแรก หรือทั้งเป็นแค่การคอดเว้าของผนังหลอดเลือดปกติซึ่งในบางคนไม่ได้มีเส้นผ่าศูนย์กลางเสมอเท่ากันตั้งแต่ต้นถึงปลาย เพราะหลอดเลือดของคนเรานี้มันมีธรรมชาติเด้งได้ โค้งได้ ป่องได้ คอดได้ ลักษณะที่หลอดเลือดบางตอนค่อยๆคอดลงมาแบบราบเรียบและคอดเพียงเล็กน้อยแล้วค่อยๆกลับป่องออกมาเท่าเดิมอีกอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเสมอไปหากพื้นที่หน้าตัดของส่วนที่คอดไม่ได้เล็กกว่าค่าเฉลี่ยของพื้นที่หน้าตัดปกติของหลอดเลือดนั้น คือกล่าวโดยสรุป ผมอ่านภาพผลการตรวจสวนหัวใจของคุณว่าคุณอาจจะไม่มีโรคหลอดเลือดเลย หรือถ้ามีก็เป็นโรคระดับเล็กน้อย ซึ่งก็สอดคล้องกับที่คุณหมอที่รักษาคุณท่านได้ตัดสินใจใม่ใช้บอลลูนขยายหรือใส่ขดลวดถ่างเพราะท่านก็คงคิดแบบเดียวกับผม
3. ประเด็นผลการส่องตรวจกระเพาะอาหาร (gastroscopy) ผลการส่องตรวจที่ส่งมาพบชัดเจนว่ามีการอักเสบของเยื่อบุผิวด้านในของหลอดอาหารตอนล่างร่วมกับการหลวมของกล้ามเนื้อหูรูดปลายล่างของหลอดอาหาร ซึ่งเป็นหลักฐานที่แน่ชัดว่าคุณเป็นโรคกรดไหลย้อน (GERD) อย่างแน่นอน และอาการของโรคกรดไหลย้อนนี้มันมีได้สาระพัดแบบ โดยที่บ่อยครั้งมาก อาการโรคนี้ไม่สามารถแยกออกจากอาการของโรคหัวใจขาดเลือดได้
4. ผลสรุปการวินิจฉัยโรค ผมสรุปตามหลักฐานที่ให้มาทั้งหมดว่าคุณเป็นโรคกรดไหลย้อนแน่ แต่โรคหัวใจขาดเลือดคุณอาจจะเป็นในระยะต้นหรือไม่เป็นเลยก็ได้ อย่างไรก็ตามแนวทางการจัดการโรคที่ปลอดภัยที่สุดคือให้ถือว่าคุณเป็นทั้งสองโรคและให้จัดการทั้งสองโรคไปพร้อมกัน โดยผมแนะนำว่า
5. สรุปคำแนะนำในการดูแลรักษาตัวเอง
5.1 ให้โฟกัสที่การจัดการโรคกรดไหลย้อนเป็นสำคัญเพราะเป็นโรคที่เป็นที่มาของอาการแสบซ่าๆที่หน้าอกของคุณ โดย