Latest

หมอสันต์: ผลวิจัยวิธีใช้ใบพืชสดและผงบดฟ้าทลายโจรรักษาโควิด19ด้วยตนเอง

https://youtu.be/o7Z_JEBKEx0

(สคริปต์ แก้ไขครั้งสุดท้าย 28 สค. 64)

สวัสดีครับ ผม สันต์ ใจยอดศิลป์ นะครับ

สถานที่แห่งนี้ผมตั้งชื่อว่า “ไร่นางฟ้า” มีเนื้อที่ราวหนึ่งไร่กว่าๆ ผมใช้ปลูกฟ้าทลายโจรเพื่อใช้ทำวิจัยการใช้ฟ้าทลายโจรรักษาโรคโควิด วันนี้ผมจะเล่าให้ท่านฟังถึงผลวิจัยชิ้นเล็กๆชิ้นแรกที่ทีมงานของเราเพิ่งทำเสร็จ

ปกติการจะทำวิจัยเรื่องอะไร มันต้องเริ่มด้วยการเกิดคำถามที่เราตอบไม่ได้ขึ้นมาก่อน แล้วเราจึงทำวิจัยเพื่อตอบคำถามนั้น

ในเรื่องการใช้ฟ้าทลายโจรรักษาโควิดนี้ เรามีหลักฐานที่มีบ่งชี้ว่าฟ้าทลายโจรใช้รักษาโรคโควิดได้และมีผลดีลดการเกิดปอดอักเสบได้ แต่มันจำเป็นต้องรู้ขนาดหรือปริมาณที่จะกิน งานวิจัยการใช้ฟ้าทลายในคนที่ทำกันมาแล้วล้วนกำหนดขนาดหรือ dose เอาจากปริมาณสารตัวหนึ่งชื่อแอนโดรกราฟโฟไลด์ (andrographolide) ซึ่งเชื่อกันว่ามันเป็นสารในฟ้าทลายโจรที่เป็นตัวออกฤทธิ์หลัก โดยขนาดที่ใช้ในงานวิจัยก่อนหน้านี้มีสองขนาด คือ

หากจะถือเอาตามงานวิจัยในผู้ป่วยที่ทำโดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งมีอยู่สองงานวิจัย งานหนึ่งเป็นการศึกษาย้อนหลังในคนใช้ฟ้าทลายโจร 309 คน อีกงานหนึ่งเป็นการสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบใช้คน 57 คน ทั้งสองงานใช้ขนาดเดียวกัน คือวันละ 180 มก.ของแอนโดรกราฟโฟไลด์ในรูปสารสกัด กินติดต่อกัน 5 วัน ได้ผลดีทั้งสองงานสรุปว่าลดการเกิดปอดอักเสบลงได้

แต่หากจะถือเอาตามขนาดที่มีการใช้ฟ้าทลายโจรรักษาผู้ป่วยเมื่อเกิดการระบาดครั้งใหญ่ในเรือนจำ ซึ่งใช้ผงบดฟ้าทลายโจรของอภัยภูเบศรแค้ปซูลละ 400 มก. ซึ่งมี 12 มก.ของแอนโดรกราฟโฟไลด์ กินวันละ 12 แค้ปซูลก็เท่ากับ 144 มก.ของแอนโดรกราฟโฟไลด์ต่อวันนาน 5 วัน รักษาคนไข้ไป 37,656 คน ได้ผลดีเช่นกัน คือมีอัตราตายเพียง 0.1% ขณะที่ทั่วประเทศขณะนั้นมีอัตราตายมากกว่าถึง 8 เท่า (0.8%)

จะเห็นว่ามีการใช้ฟ้าทลายโจรขนาดที่ได้ผลอยู่ระหว่าง 144-180 มก.ของแอนโดรกราฟโฟไลด์ต่อวันนาน 5 วัน ใครขนาดไหนตั้งแต่ 144-180 มก.นี้ก็เลือกเอาตามใจชอบ การระบุขนาดด้วยแอนโดรกราฟโฟไลด์นี้ไม่มีปัญหาหากซื้อฟ้าทลายโจรชนิดที่มีการระบุปริมาณของแอนโดรกราฟโฟไลด์ไว้ข้างขวดชัดเจน แต่หากประชาชนทั่วไปคิดจะใช้ใบพืชสดที่ปลูกไว้หลังบ้านหรือใช้ผงบดแห้งที่ตนเองทำขึ้นมารักษาโควิดให้ตัวเองหรือคนในครอบครัว หรือซื้อผงบดซึ่งโดยทั่วไปไม่มีการระบุขนาดแอนโดรกราฟโฟไลด์ไว้ข้างขวด ก็จะเกิดคำถามขึ้นทันทีว่า

“แล้วในหนึ่งใบของฟ้าทลายโจร หรือ 1 กรัมของผงบดแห้ง มันมีแอนโดรกราฟโฟไลด์อยู่กี่มก.?”

นี่เป็นคำถามที่ชักนำให้เกิดงานวิจัยนี้

งานวิจัยนี้ใช้ฟ้าทลายโจรจากไร่นางฟ้านี่แหละครับ ชื่อ “งานวิจัยปริมาณของแอนโดรกราฟโฟไลด์ในส่วนต่างๆของฟ้าทะลายโจร” นี่เป็นนิพนธ์ต้นฉบับของงานวิจัยที่ทำเสร็จแล้ว กำลังอยู่ในระหว่างส่งไปตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ หัวหน้าคณะผู้วิจัยคือคุณธรรมรัตน์ บุญสูง ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 4 ตัวผมเองก็ร่วมเป็นผู้วิจัยอยู่ด้วย

วิธีการวิจัย

เริ่มด้วยการเพาะเมล็ดแล้วปลูกต้นฟ้าทลายโจรขึ้นมาก่อน แล้วศึกษาข้อมูลทางกายภาพของฟ้าทะลายโจร โดยการถอนต้นออกมาหลายๆต้น แล้วก็นับและชั่งเพื่อหาค่าเฉลี่ย ทำให้เราได้ข้อมูลขั้นต้นว่าหากเป็นฟ้าทลายโจรอ่อนที่ยังไม่ออกดอก เฉลี่ยแล้วแต่ละต้นจะมีน้ำหนักพืชสดส่วนเหนือดินทั้งต้นเฉลี่ย 75.42 กรัม มีจำนวนใบต่อต้น เฉลี่ย 459 ใบ มีน้ำหนักใบรวมเฉลี่ยต่อต้น 45.25 กรัม (60%)

หากเป็นฟ้าทลายโจรแก่ที่กำลังออกดอก เฉลี่ยแล้วแต่ละต้นจะมีน้ำหนักพืชสดส่วนเหนือดินทั้งต้นเฉลี่ย 82.11 กรัม มีจำนวนใบต่อต้น เฉลี่ย 448 ใบ มีน้ำหนักใบรวมเฉลี่ยต่อต้น 47.60 กรัม (58%)

จากนั้นก็ชั่งน้ำหนักของตัวอย่างใบ โดยเก็บตัวอย่างใบมาชุดละ 100 ใบ วัดขนาดและชั่งน้ำหนักไปทีละใบ แล้วเอามาคำนวณหาค่าความแปรปรวนมาตรฐาน (SD) ก็พบว่าหากเป็นใบอ่อนจากต้นที่ยังไม่ออกดอกจะมีน้ำหนักใบใกล้เคียงกัน (SD=44.77) คือมีน้ำหนักได้ตั้งแต่ 87-277 มก. ต่อใบ มีน้ำหนักเฉลี่ยต่อใบ 167.62 กรัม มีขนาดของใบเฉลี่ยกว้าง 2.2 ซม. ยาว 8.8 ซม.

ขณะที่ใบแก่จากต้นที่กำลังออกดอก พบว่ามีน้ำหนักแตกต่างกันได้มาก (SD=51.22) คือมีน้ำหนักได้ตั้งแต่ 27-221 มก. มีน้ำหนักเฉลี่ยต่อใบ 116.53 กรัม มีขนาดของใบเฉลี่ยกว้าง 1.9 ซม. ยาว 6.9 ซม.

จากนั้นก็เอาตัวอย่างที่เก็บได้ส่วนหนึ่งไปตากแห้ง ถ้าไม่แห้งก็เอาไปอบต่อในเครื่องอบด้วยอุณหภูมิ 40 องศาซี. จนแห้งสนิท พบว่าสัดส่วนของน้ำหนักแห้งต่อน้ำหนักสดคือ 1:4 จากน้้นก็เอาไปบดให้ละเอียดเป็นผงด้วยเครื่อง แล้วก็บรรจุแต่ละตัวอย่างลงซองพลาสติกปิดซีลไฟฟ้าเพื่อส่งไปวิเคราะห์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยที่อีกส่วนหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างเก็บเป็นพืชสดเพื่อตรวจหาปริมาณแอนโดรกราฟโฟไลด์ในน้ำที่ได้จากการต้มแบบยาหม้อ และในน้ำชาที่ชงขึ้นจากใบพืชสด

ขั้นตอนต่อจากนั้นคือศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เขต4 ทำการวิเคราะห์โดยใช้เครื่องวิเคราะห์และใช้สารมาตรฐานเพื่อการอ้างอิงของกรมวิทย์เอง ใช้เวลาวิเคราะห์อยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็ได้ผลวิเคราะห์ออกมาดังนี้

ปริมาณแอนโดรกราฟโฟไลด์ในส่วนต่างๆของพืช

พบว่าหากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อน้ำหนักแห้ง (w/w) ใบอ่อนก่อนออกดอกมีแอนโดรกราฟโฟไลด์ 3.65% ใบแก่(ขณะออกดอก)มี 5.11% ส่วนเหนือดินอ่อน(ก่อนออกดอก) มี 2.95%  ส่วนเหนือดินแก่(ขณะออกดอก)มี 4.90% ต้นและกิ่งอ่อน (ก่อนออกดอก) มี 1.03% ต้นและกิ่งแก่(ขณะออกดอก)มี 0.68% ดอก ฝัก และเมล็ดมี 1.90% จะเห็นได้ว่าใบแก่(ขณะออกดอก)มีปริมาณแอนโดรกราฟโฟไลด์สูงสุดคือ 5.11%

ตารางที่ 1. ปริมาณแอนโดร ในส่วนต่างๆของพืช (% w/w ของนน.แห้ง)

ส่วนของพืชอ่อนแก่
ใบ3.65%5.11%
ส่วนเหนือดิน2.95%4.90%
ต้นและก้าน1.03%0.68%
ดอกและเมล็ด1.90%

จะเห็นว่าเมื่อเทียบส่วนต่างๆของพืช ใบเป็นส่วนที่มีแอนโดรกราฟโฟไลด์สูงสุด รองลงมาคือส่วนเหนือดินโดยรวม โดยที่ส่วนลำต้นและก้านมีน้อยที่สุด

เมื่อเทียบระหว่างพืชที่อ่อน (ก่อนออกดอก) กับพืชที่แก่ (ขณะออกดอก) พบว่าพืชแก่(ขณะออกดอก)มีแอนโดรกราฟโฟไลด์มากกว่าทั้งในใบ และในส่วนเหนือดินโดยรวม ยกเว้นในส่วนของลำต้นและก้านที่พืชแก่มีแอนโดรกราฟโฟไลด์น้อยกว่าพืชอ่อน

สัดส่วนของแอนโดรกราฟโฟไลด์ในใบพืชสด

ใบสดอ่อน (ก่อนออกดอก) มีขนาดใบใหญ่และสม่ำเสมอ มีความเบี่ยงเบนมาตรฐานน้อย มีน้ำหนักสดเฉลี่ยใบละ 167.62 มก. น้ำหนักแห้งเฉลี่ยใบละ 41.9 มก. มีแอนโดรกราฟโฟไลด์เฉลี่ยใบละ 1.53 มก.

ใบสดแก่(ขณะออกดอก) มีขนาดใบใหญ่บ้างเล็กบ้างไม่สม่ำเสมอ มีความเบี่ยงเบนมาตรฐานมาก มีน้ำหนักสดเฉลี่ยใบละ 116.53 มก. น้ำหนักแห้งเฉลี่ยใบละ 29.13 มก. มีแอนโดรกราฟโฟไลด์เฉลี่ยใบละ 1.48 มก.

ท่านอย่าเพิ่งงงว่าก็ใบแก่มีเปอร์เซ็นต์สารสูงกว่าใบอ่อนแล้วทำไมโหลงโจ้งแล้วจำนวนสารเป็นมก.ต่อใบจึงต่ำกว่าใบอ่อนละ ที่เป็นเช่นนี้เพราะใบแก่มันมีขนาดใบเล็กขณะที่ใบอ่อนมันมีขนาดใบใหญ่ โหลงโจ้งแล้วปริมาณสารต่อใบในใบอ่อนจึงมีมากกว่าในใบแก่เล็กน้อย แต่มันเป็นความแตกต่างกันระดับจิ๊บๆ หากใช้ใบสดท่านไม่ต้องไปกังวลว่าเป็นใบแก่หรือใบอ่อนก็ได้ ขอให้ขนาดใบใหญ่ๆหน่อยเข้าไว้ก็ใช้แทนกันได้

ตารางที่ 2. ปริมาณแอนโดรในใบสดหนึ่งใบ

ส่วนของพืชนน.สด (มก)นน.แห้ง (มก)แอนโดร(มก.)ต่อใบ
ใบสดอ่อน 1 ใบ167.6241.91.53
ใบสดแก่ 1 ใบ116.5329.131.48

การใช้ฟ้าทลายโจรรักษาโรคโควิด

ดังได้กล่าวแล้วว่าขนาดของฟ้าทลายโจรที่ใช้รักษาโรคโควิดได้ผลคือ 144-180 มก.ของแอนโดรกราฟโฟไลด์ต่อวันนาน 5 วัน หากเราตั้งใจจะกินฟ้าทลายโจรให้ได้อย่างน้อยเท่าขนาดต่ำสุด คือ 144 มก.ต่อวัน ถ้าเป็นใบอ่อนซึ่งมีเปอร์เซ็นต์แอนโดรกราฟโฟไลด์ต่อน้ำหนักแห้ง 3.65% หากจะให้ได้แอนโดรกราฟโฟไลด์ 144 มก.ก็ต้องใช้น้ำหนักผงบดแห้ง 3.9 กรัม ซึ่งจะได้จากใบสดหนัก 15.6 กรัม ซึ่งมาจากจำนวนใบเฉลี่ย 94 ใบ

ส่วนใบแก่ขณะออกดอกซึ่งมีเปอร์เซ็นต์แอนโดรกราฟโฟไลด์ต่อน้ำหนักแห้ง 5.11% หากจะให้ได้แอนโดรกราฟโฟไลด์ 144 มก.ก็ต้องใช้น้ำหนักผงแห้ง 2.8 กรัม ซึ่งจะได้จากใบสดหนัก 11.2 กรัม ซึ่งมาจากจำนวนใบเฉลี่ย 97 ใบ

แต่เพื่อความง่ายในการกินใบสด ผมแนะนำว่าไม่ต้องไปแยกว่าเป็นใบแก่หรือใบอ่อน ให้กินเหมือนกันหมดคือวันละ 99 ใบ แบ่งเป็นสามมื้อ มื้อละ 33 ใบ กินติดต่อกัน 5 วัน

%แอนโดร/นน.แห้งนน.แห้งที่มี 144 มก.นน.สดที่มี 144 มก.จำนวนใบ
ใบสดก่อนออกดอก3.65%3.9 กรัม15.6 กรัม94 ใบ
ใบสดขณะออกดอก5.11%2.8 กรัม11.2 กรัม97 ใบ

ถ้าจะกินแบบผงบดผมแนะนำแบบปัดเศษทศนิยมรวบยอดจำง่ายๆว่า ถ้าเป็นผงบดของใบแก่ให้กินวันละ 3 กรัม หากเป็นผงบดจากใบอ่อนก็กินวันละ 4 กรัม ย้ำอีกทีว่านี่เป็นผงบดจากส่วนใบเท่านั้นนะ ไม่เอาต้นและกิ่งมาบดด้วย

ฟ้าทลายโจรในรูปยาหม้อและน้ำชาใบพืชสด

งานวิจัยทำยาต้มโดยเอาส่วนเหนือดินของฟ้าทลายโจรแก่(กำลังออกดอก)หนึ่งต้น (83.2 กรัม) ต้มในน้ำ 1 ลิตร นาน 1 ชั่วโมง แล้วเอาน้ำยาต้มที่ได้มาวิเคราะห์ พบว่ามีปริมาณแอนโดรกราฟโฟไลด์ 0.37% ของน้ำหนักพืชสด นั่นหมายความว่าหากดื่มน้ำยาต้มส่วนเหนือดินของต้นแก่ (ขณะออกดอก)นี้หนึ่งแก้ว (240ml) ก็จะได้รับปริมาณแอนโดรกราฟโฟไลด์ 75.45 มก. ถ้าจะดื่มยาต้มนี้รักษาโควิดให้ได้ขนาด 144 มก.ต่อวันก็ต้องดื่มวันละประมาณ 2 แก้ว

งานวิจัยทำน้ำชาใบสดโดยเอาใบแก่(กำลังออกดอก) หนึ่งกำมือ (4.29 กรัม) ใส่ในน้ำร้อนหนึ่งแก้ว (240 ml) แล้วเอาน้ำชาที่ได้มาวิเคราะห์พบว่ามีความเข้มข้นของแอนโดรกราฟโฟไลด์ 0.29% หากดื่มหมดทั้งแก้วก็จะได้แอนโดรกราฟโฟไลด์เพียง 12.44 มก. ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยไปหน่อย ไม่เหมาะที่จะใช้ดื่มเอาขนาดสูงๆอย่างการรักษาโรคโควิด

ใบแก่(ขณะออกดอก)ปริมาณพืชสดปริมาณน้ำที่ใช้ต้ม (ml)% แอนโดร
w/w ของพืชสด
แอนโดร(มก.)
/แก้ว(240 ซีซี)
น้ำยาหม้อ 83.2 กรัม10000.3781%75.45 มก.
น้ำชาใบสด 4.29 กรัม2400.29% 12.44 มก.

การนำไปใช้ประโยชน์

ในชีวิตจริงจะเอาข้อมูลที่วิจัยได้นี้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง เราเรียนรู้ได้จากคนที่เขาทำอยู่เป็นประจำ คือแพทย์แผนไทย น่าจะดีที่สุด วันนี้ผมจึงชวนแพทย์แผนไทยท่านหนึ่งมาให้ความรู้กับท่าน เธอกำลังขี่จักรยานอยู่ทางโน้น เราไปฟังจากเธอกันเลย เธอชื่อคุณ ชนิตา ศรีนวลสกุลณี

คุณชนิตา ศรีนวลสกุลณี

สำหรับท่านที่จำเป็นต้องใช้ฟ้าทลายโจรรักษาโรคโควิดแล้วหาซื้อยาไม่ได้  แต่มีต้นฟ้าทะลายโจรอยู่ที่บ้าน  สามารถทำยาทานเองได้ซึ่งหากจะให้ได้ขนาดอย่างน้อยเท่าขนาดต่ำสุดคือ 144 มก.ของแอนโดรกราฟโฟไลด์ต่อวัน สามารถทำได้ 3 วิธี คือ

  1. ใช้ฟ้าทะลายโจรผงบดจากใบแก่ (ที่ตากแห้งแล้วบดเป็นผงเก็บไว้) ครั้งละ 1 กรัม ชงในน้ำอุ่น  150 ml    ดื่มก่อนอาหาร 3 เวลา  เช้า กลางวัน  เย็น นาน 5 วัน (โดยจะต้องกินผงยาให้หมด)
  2. ใช้ฟ้าทะลายโจรผงบดแห้งจากใบแก่ 2 ช้อนโต๊ะ (13 กรัม) )  ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน ปั้นเป็นเม็ดยาลูกกลอน ถ้าปั้นยังไม่ได้ก็เติมน้ำผึ้งอีกได้ จะปั้นได้ประมาณ 40 เม็ด (มีผงบด 325 mg/เม็ด มีแอนโดรกราฟโฟไลด์ 16.6 มก./เม็ด) ทานครั้งละ 3 เม็ดวันละ  3 เวลา  ก่อน อาหาร เช้า กลางวัน  เย็น นาน 5 วัน
  3. ใช้ใบสดที่กำลังโตเต็มที่ จะเป็นใบแก่หรือใบอ่อนก็ได้ ครั้งละ 33 ใบ  ตำหรือปั่น ให้ละเอียด  ชงในน้ำอุ่น  150 ml ดื่มก่อนอาหาร 3 เวลา  เช้า กลางวัน  เย็น นาน 5 วัน โดยต้องดื่มทั้งตะกอนและกากด้วยให้หมด 

    หากท่านใดทานแล้วขมติดปากมาก สามารถทานมะนาว น้ำผึ้ง แทรกเกลือ ตามได้นะคะ 

หมอสันต์สรุป

วันนี้เราได้คุยกันถึงผลวิจัยของทีมงานของเราซึ่งวิเคราะห์ปริมาณแอนโดรกราฟโฟไลด์ในส่วนต่างๆของฟ้าทลายโจร สรุปได้ว่าฟ้าทลายโจรที่กำลังออกดอกมีเนื้อยาแอนโดรกราฟโฟไลด์มากกว่าช่วงก่อนออกดอก ส่วนของใบพืชมีเนื้อยามากกว่าส่วนต้นและกิ่ง โดยที่หนึ่งใบแก่ที่กำลังออกดอกจะมีแอนโดรกราฟโฟไลด์ 1.48 มก. ขณะที่หนึ่งใบอ่อนก่อนออกดอกจะมีใบละ 1.53 มก.เพราะขนาดใบอ่อนมีขนาดใบใหญ่กว่า การใช้ฟ้าทลายโจรรักษาโรคโควิดนั้นสามารถทำได้ด้วยตนเองโดยใช้ใบพืชสด หากจะกินให้ได้ขนาดต่ำสุดที่ได้ผล (144 มก.ของแอนโดรกราฟโฟไลด์ต่อวัน) ให้กินแบบจำได้ง่ายๆว่า วันละ 99 ใบไม่ว่าจะเป็นใบแก่หรือใบอ่อนก็ได้ แบ่งเป็นสามมื้อ มื้อละ 33 ใบ นาน 5 วัน ส่วนวิธีทำกินจะทำอย่างไรได้บ้างนั้นมีวิธีอยู่สามวิธีซึ่งแพทย์แผนไทยเพิ่งเล่าไปเมื่อตะกี้นี้เอง ผมคงไม่ต้องพูดซ้ำ

วันนี้เราคุยกันแค่นี้ ผมคงต้องลาไปก่อน ท่านผู้ชมอย่าลืมปลูกฟ้าทลายโจรไว้หลังบ้านบ้าง เผื่อยามยากโควิดระบาดหนักหนา หายาไม่ได้เลย โรงพยาบาลก็เข้าไม่ได้ ก็จะยังพึ่งตัวเองได้ สวัสดีนะครับ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

https://youtu.be/qj8QBZKzoOQ