Latest

นพ. คิม วิลเลียม บรรยายเรื่องอาหารพืชเป็นหลักกับโรคหัวใจ

(ภาพวันนี้: กระเทียมเถา)

(นพ. คิม วิลเลียม เป็นแพทย์รุ่นหลังที่รู้จักกันกับผมแบบห่างๆ ต่อมาเขาได้เป็นประธานของวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจอเมริกัน (ACC) วันที่ผมไปบรรยายในการประชุม APNHC เมื่อสองเดือนก่อนนั้นเขาก็มาบรรยายเรื่องอาหารพืชเป็นหลักกับโรคหัวใจ ผมเห็นว่าคำบรรยายของเขาละเอียด อ้างถึงข้อมูลวิจัยได้ลึกซึ้ง จึงแปลมาให้อ่าน ผมแปลแบบประโยคต่อประโยคจึงอาจจะเข้าใจยากนิดหนึ่งเพราะภาษาของเขาขอบใช้ประโยคเล็กหลายประโยคมัดรวมไว้ในประโยคใหญ่ ท่านที่ไม่ชอบอ่่านอะไรยากๆก็ข้ามไปก่อนได้ครับ)

ขอบคุณมากสำหรับการแนะนำและคำเชิญให้พูด นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจจริงๆ อย่างที่ทุกคนทราบ และผมยินดีที่จะพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพและโภชนาการอย่างแท้จริง โดยผ่านเลนส์ของการระบาดใหญ่สองโรคควบที่เราเจออยู่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่า COVID-19 นั้นยากสำหรับพวกเราทุกคนในหลายๆ ด้าน มันส่งผลกระทบต่อสังคมและสุขภาพและครอบครัวและอื่น ๆ แต่เราก็รู้มากขึ้น [00:00:30 น.] ในแง่ความรู้ของเราเกี่ยวกับโรคนี้แบบที่ทำให้เราอยู่กับมันได้แทนที่จะให้มันเป็นโรคที่คุกคามชีวิตอย่างรุนแรง เชื่อหรือไม่ครับว่าในการตลุมบอนมากมายที่ผ่านมามีไม่น้อยที่เป็นเรื่องของโภชนาการ  ต้องทำอย่างไรกับการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และเราจะพูดถึงประเด็นนี้โดยเฉพาะ โดยเฉพาะประเด็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และ [00:01:00] โควิด-19 ที่ได้รับผลกระทบจากโรคหัวใจ

                             แต่เราต้องพูดถึงเรื่องนี้ในสหรัฐอเมริกา ที่ซึ่งเรามีชื่อเสียงระดับโลก ณ จุดนี้ ความเท่าเทียมกันทางเชื้อชาติและชาติพันธุ์ทางสังคมที่ ส่งผลและทำให้เกิดความแตกต่าง ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ในชุมชนใด การที่คนจะป่วยจะตายโควิด-19 จริงๆ กี่ราย เราไม่เห็นว่าจะเกี่ยวข้องกับถิ่นที่อยู่หรือชาติพันธ์ [00:01:30] ถ้าเป็นทั่วโลกที่ประชากรมีความเป็นเนื้อเดียวกันมากกว่า แต่มันมีปัจจัยอยู่เบื้องหลังที่เชื่อมโยงความเหลื่อมล้ำทางชาติพันธุ์ที่เรามีในสหรัฐอเมริกาเข้ากับการตายจากโควิด ซึ่งความเชื่อมโยงแบบนี้แท้จริงแล้วมันมีอยู่ทั่วโลก

                             ผมต้องให้เครดิตกับ Physicians Committee for Responsible Medicine ที่ออกมาพร้อมกับสไลด์นี้ ถ้าคุณดูที่ มุมซ้ายมือด้านบน นั่นเป็นประมาณหนึ่งเดือนหลังจากการระบาดใหญ่ พวกเขาก็พูดถึงโภชนาการว่านี่เป็นเวลา [00:02:00] ที่จะแก้ไขโภชนาการกันจริงจังแล้ว เพราะโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดโดยรวมเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้าย

                             ตอนนี้ ถ้าผมเปลี่ยนไปพูดเรื่องหลังก่อน คือภาระอันหนักอึ้งของโรคหัวใจและหลอดเลือดในสหรัฐอเมริกาที่ยังคงไม่หยุดยั้ง ผมยังไม่ได้ตัวเลขล่าสุด แต่ผมเดาเอาจากการมองย้อนไป มันจะกลับไปเหมือนปี 1918 เมื่อมีโรคระบาดไข้หวัดใหญ่สเปน โรคหัวใจตอนนี้ [00:02:30 น.] จะกลายเป็นฆาตกรอันดับสองของชาวอเมริกัน โดยที่ COVID-19 แซงขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง มันไม่ได้แซงขึ้นมาแทนที่โรคหัวใจในปี 2020 แต่น่าจะแซงได้ในปี 2021

                             ดูเหมือนว่าคนกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโควิดมากที่สุดจะเป็นคนกลุ่มเดียวกันกับที่มีความเสี่ยงต่อโรคโรคหลอดเลือดหัวใจสูงกว่าเชื้อชาติหรือชาติพันธ์อื่น ดังนั้น เมื่อคุณดูที่โรคหลอดเลือดหัวใจในเอเชีย [00:03:00] สิ่งหนึ่งที่คุณสามารถพูดได้เสมอเกี่ยวกับเอเชียก็คือ มันไม่ใช่โรคอันดับหนึ่ง คุณมีเอเชียตะวันตกที่มีอัตราเป็นโรคนี้สูงมาก เอเชียกลาง พอทำเนา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจจะไม่เลวร้ายนัก ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่อัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดออกไปทางต่ำ

                             แต่เมื่อผมดูข้อมูลในเอเชียอย่างพินิจพิเคราะห์ มีบางสิ่งที่ [00:03:30] แตกต่างกันอย่างจริงจัง หนึ่งคือความแตกต่างทางเพศ ซึ่งถ้าคุณดูสไลด์ทางขวา อัตราการตายของหัวใจและหลอดเลือดเมื่ออายุเท่ากัน ผู้หญิงตายต่ำกว่าผู้ชายเกือบ 40% ทุกครั้งที่ผมไปเอเชีย ทุกประเทศ ทุกวัฒนธรรมแตกต่างกันมาก ไม่ต้องสงสัยเลย คุณไม่สามารถเอาแปรงอันเดียวป้ายสีพรืดเดียวว่าเหมือนกันหมดได้เหมือนตอนวิเคราะห์ประชากรในสหรัฐอเมริกา

                             อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผม เห็น [00:04:00] คือผู้ชายจำนวนมากสูบบุหรี่และผู้หญิงส่วนมากไม่สูบบุหรี่ และคุณอาจมีนิสัยทางโภชนาการที่คล้ายคลึงกันมาก แต่คุณมีปัจจัยเสี่ยงที่สร้างความเสียหายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ตัวเอ้ คุณก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่ดีเอาจริงๆ ประเด็นสำคัญที่แท้จริงอีกประการหนึ่งคือ มีหลายพื้นที่ ดังที่คุณเห็นด้านล่าง เอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่โรคหัวใจและหลอดเลือดมีน้อย [00:04:30] ขณะที่อัมพาตเฉียบพลันมีมากกว่า

                             ดังนั้น พูดถึงโรคหลอดเลือดสมอง ก็อย่างที่คุณทราบ มันมีได้สองแบบที่แตกต่างกัน แบบหนึ่งเป็นอัมพาตจากเลือดออกในสมอง อีกแบบหนึ่งเป็นอัมพาตจากหลอดเลือดสมองตีบ เมื่อเอามารวมกัน ในบางประเทศโรคหลอดเลือดสมองสูงกว่าหลอดเลือดหัวใจ มันเป็นโรคหลอดเลือดที่มีพื้นฐานร่วมกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดที่สมอง หรือหลอดเลือดที่หัวใจ และนั่นคือถ้าเราสามารถลดความดันโลหิตและลดคอเลสเตอรอล [00:05:00] ลงได้เราก็จะลดอัตราตายของโรคอัมพาตจากหลอดเลือดสมองตีบได้ โรคนี้พบน้อยมากในกลุ่มประชากรที่มีคอเลสเตอรอลต่ำ แต่ก็ต้องระวังด้วยว่าในกลุ่มที่โคเลสเตอรอลต่ำมากเกินไป อุบัติการณ์ของอัมพาตจะสูงขึ้น ดังนั้นต้องแน่ใจว่าเราไม่ได้ให้ยารักษาจนมากเกินไป

                             คู่ขนานไปกับทั้งโลก นี่เป็นสไลด์ที่ดีที่พูดถึงพัฒนาการทั้งหมดของการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ [00:05:30] เราทำมาในช่วง 40 ถึง 50 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดบายพาส การใส่ขดลวด และในเอเชีย เรามีประชากรหลายประเภท คุณมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ถูกใส่ขดลวด อินเดีย จีน มีการผ่าตัดบายพาสมากมายในปากีสถาน และทุกประเทศมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ทุกคนได้รับประโยชน์จากยาจากการพัฒนาเทคโนโลยีในระดับหนึ่ง

                             [00:06:00] และเราภาคภูมิใจจริงๆ กับสิ่งที่เราสามารถทำได้สำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่ท้ายที่สุด นี่เรากำลังมัวแต่ม็อบพื้น แทนที่จะปิดก๊อกน้ำที่ไหลไม่หยุดอยู่หรือเปล่า และเมื่อถึงจุดหนึ่ง เราต้องใช้เวลามากขึ้นในการพูดคุยเกี่ยวกับการป้องกัน ถ้าคุณมองไปทั่วโลก คุณจะพบว่าไม่ใช่แค่สหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่เรามีความเสี่ยงด้านอาหารฝังแฝงอยู่ในแผนโภชนาการของเรา

                             และนี่คือผลการวิจัย Global burden of disease ที่ตีพิมพ์เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา [00:06:30 น.] มีผู้เสียชีวิตประมาณ 11 ล้านคนและสูญเสียเวลาดีๆในชีวิตที่หักช่วงทุพลภาพแล้วอีก 255 ล้านปี-คนด้วยเหตุเพราะโภนาการที่ผิด ผู้คนควร งดโซเดียม ควรบริโภคธัญพืชไม่ขัดสี ผลไม้ ผัก มากขึ้น และถ้าเราทำเช่นนี้ เราสามารถยืดอายุขัยคนทั่วโลกได้จริงๆเพียงแค่การปรับปรุงโภชนาการ

                             ตอนนี้ สไลด์นี้ เมื่อผมเคยฉายในการประชุมนานาชาติ เห็นได้ชัดว่า [00:07:00] ผมรู้สึกเขินอายที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของระบบที่คุณเห็นตรงเส้นสีแดงนี้ ระบบที่มีค่าใช้จ่ายสูงอย่างไม่น่าเชื่อ โดยที่ผลที่ได้กลับมาในรูปของอายุขัยกลับไม่ดีนักในส่วนของสหรัฐอเมริกา แต่บางประเทศในเอเชียของเราทำได้ดีมาก และเราควรจะถือเป็นแบบอย่างตามหลังผู้คนที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ ในญี่ปุ่น ซึ่งจริงๆ แล้วผู้คนมีความกระตือรือร้นมากขึ้นและกินอาหารที่มีไขมันสูงน้อยลง [00:07:30] กินผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้อยลง ในระดับหนึ่ง แต่แน่นอนว่าต้องออกกำลังกายมากขึ้นและมีสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัวมากขึ้นด้วย คุณรวมสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันแล้วคุณจะมีอายุขัยที่ดีขึ้นมาก เราทุกคนสามารถทำได้ดีกว่านี้ แต่เรามีประเทศที่ทำได้ดีแล้ว ในเอเชียซึ่งเราสามารถใช้เป็นแบบอย่างได้

                             ตอนนี้ ในสหรัฐอเมริกา เรามีปัญหากับการบาดของโรคอ้วนจริงๆ ผมไม่ต้องใช้เวลามากในการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะไม่มีปัญหา [00:08:00] นี้ในเอเชีย มันนำไปสู่การเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันตั้งแต่อายุน้อย  และไม่ใช่แค่นั้น เบาหวานและความดันโลหิตสูงที่เป็นสาเหตุร่วมสำคัญก็มีโรคอ้วนเป็นปัจจัยหนุนอยู่ข้างล่าง และมีไขมันในเลือดสูงเป็นปัจจัยฉาบอยู่ข้างบน

                             ตอนนี้ เราได้เผยแพร่แนวทางเวชปฏิบัติใหม่จากสมาคมหัวใจอเมริกันและวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจอเมริกันซึ่งพยายามอย่างมากที่จะเปลี่ยนแปลง [00 :08:30] พลวัตในภาพใหญ่ทั้งหมด ลดการสูบบุหรี่ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ออกกำลังกายมากขึ้น ใช้แอสไพรินเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น ซึ่งในกรณีนี้เราได้นิยามเสี่ยงสูงว่าคือตรวจได้ Calcium score เกิน 100 แล้วก็แน่นอนว่าถ้ามีความเสี่ยงเป็นโรคต่ำ การป้องกันปฐมภูมิด้วยแอสไพรินจะไม่ได้ช่วยอะไรคุณ เพราะแอสไพรินมีผลเสียบางอย่าง มีผลข้างเคียงจากการตกเลือด ไม่ว่าจะเป็นในกะโหลกศีรษะหรือในกระเพาะอาหาร หรือทางเดินอาหาร

                             [00:09:00] ควบคู่กันไป การควบคุมโรคเบาหวานด้วยการกินอาหารและการออกกำลังกาย และการใช้ยานั้นก็เป็นที่ทราบกันดีว่าช่วยลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ แต่รากฐานที่สำคัญแท้จริงคือโภชนาการ และแนวทางเวชปฏิบัตินี้ก็ได้วางมาตรฐานไว้สูงเชียว คือให้กินผักและผลไม้มากขึ้น กินผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้อยลง กินผักและผลไม้ ถั่ว พืชตระกูลถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี มากขึ้น ไม่ดื่มเครื่องดื่มรสหวานหรือใส่น้ำตาลและไม่กินไขมันทรานส์ [00:09:30 น.] หากเราทำได้ เราจะทำให้สุขภาพของประชากรดีขึ้นและลดค่ารักษาพยาบาลลงได้ในทุกที่

                             กลับมาที่ COVID-19 เรามีข้อมูลมากมายในขณะนี้ มันเกิดขึ้นเป็นเวลาสองปีแล้ว เรารู้ว่าการสูบบุหรี่ที่เราเห็นมากในผู้ชายเอเชียเป็นปัจจัยเสี่ยงในการป่วยด้วยโรคโควิด-19 ที่รุนแรง เช่นเดียวกับการมีดัชนีมวลกายสูงอย่างที่คุณเห็นในสหรัฐอเมริกา เราจำเป็นต้องมีวิถีชีวิตที่ทำให้สุขภาพดี แล้วก็ปรากฎชัดด้วยว่าการมีระดับวิตามินดีสูง [00:10:00] เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งแน่นอนว่าคุณจะกินวิตามินเสริมก็ได้ แต่คุณสามารถออกไปเดินเล่นกลางแดดได้ และนั่นจะดียิ่งขึ้น เพราะไม่ใช่แค่ระดับวิตามินดีเท่านั้น แต่ผลดียังจะรวมไปถึงระดับน้ำตาลในเลือดและดัชนีมวลกายด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำนายการติดเชื้อ COVID- 19 แบบรุนแรงได้

                             ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตจริง ๆ เพื่อพยายามลดอัตราตายในช่วงการระบาดใหญ่นี้ สำหรับการระบาดของโรคอ้วน เราจำเป็นต้องทำการแทรกแซงหลายครั้ง เนื่องจากผู้ที่มีน้ำหนักเกินและเป็นโรคอ้วน [00:10:30] มีอัตราตายในอัตราที่สูงกว่ามาก ถ้าดู hazard ratio ที่คุณเห็นในสไลด์นี้ ที่ 3.68 นั่นหมายความว่าอัตราการเจ็บป่วยและการตายเพิ่มขึ้น 368% และเรามีกลไกที่อธิบายได้หลายอย่างซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดได้จากด้านข้างได้ หากคุณสนใจในประเด็นภูมิคุ้มกันวิทยา แต่ภาพรวมก็คือเห็นได้ชัดว่าโรคอ้วนเป็นโรคที่สัมพันธ์กับผลลัพธ์เลวร้ายยิ่งขึ้น

                             นี่หมายความว่าโภชนาการต้องมามีบทบาทตรงนี้ [00:11:00 ] อย่างไม่ต้องสงสัยเลย เพราะเราสามารถลดจำนวนโรคเบาหวานได้ ป้องกันโรคอ้วนได้ และถ้าเราลงมือทำอย่างนั้นและถึงแม้เราจะเริ่มต้นวันนี้ เราก็จะสามารถลดความเสี่ยงของผลลัทพ์อันร้ายแรงจาก COVID ได้

                             ตอนนี้ มันเป็นปัญหาใหญ่ใน สหรัฐอเมริกา และอย่างที่ทุกคนรู้ แนวทางเวชปฏิบัติของเราที่ไม่เพียงแต่ออกโดยสมาคมหัวใจอเมริกัน แต่แนวทางเวชปฏิบัติจากรัฐบาลกลาง [00:11:30 น.] ก็เช่นกัน คือล้วนไม่มีใครทำตามเสีย 90% ของชาวอเมริกันทั้งหมด และเราเต็มไปด้วยอาหารฟาสต์ฟู้ดเรียบร้อยแล้วขณะนั้น ผมจะทิ้งสไลด์นี้คาไว้ก่อน  เพราะเราได้ส่งออกอาหารแบบนี้ไปยังทุกประเทศ โดยพื้นฐานแล้ว ทั่วโลก และด้วยการเพิ่มขึ้นของโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเกือบ 100% ของ ประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางทั้งหมดโรคหัวใจได้เลื่อนอันดับขึ้นมาเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งเคียงคู่กับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีรายได้สูงเพียงประเทศเดียว [00:12:00] ที่ยังคงระดับนี้ไว้

                             อาหารจะทำให้โรคนี้ดีขึ้นได้หรือไม่? ทุกคนรู้คำตอบดีอยู่แล้ว คำถามคือมันทำให้ดีขึ้นได้มากแค่ไหนและอาหารแบบไหนได้ผลดีที่สุด และถ้าคุณดูการวิจัยแบบสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบ ผลวิจัยบ่งชี้หนักแน่นว่าอาหารที่จะลดน้ำหนักได้ยั่งยืนที่สุดนั้นคืออาหารที่มีพืชเป็นหลัก อาหารวีแกน และอาหารมังสวิรัติ ทุกวันนี้คุณอาจจะลองลดแคลอรีได้หลายวิธี เช่น การจำกัดพลังงานในอาหาร หรือการอดอาหารแบบวันเว้นวัน [00:12:30] แต่คำถามคือ มัน ยั่งยืนจริงหรือ? เนื้อแท้คือคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวอาหารนอกเหนือไปจากการเปลี่ยนเวลากินอาหารด้วย

                             ทีนี้ ถ้าเราพูดถึงปัจจัยเสี่ยงอีก 2 ประการของการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจซึ่งส่งผลที่ไม่ดีต่อโรค COVID เรามีข้อมูลมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าการจะลดโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ต้องใช้โภชนาการจากพืช ข้อมูลนี้ได้มาจาก 30 ปีที่สามของผลวิจัย Adventist Health Studies ซึ่งทำวิจัยอาหารประเภทต่างๆ และจัดหมวดหมู่ [00:13:00] อาหารแล้วพบว่าโรคอ้วน หมายถึงดัชนีมวลกาย มากกว่า 30 หรือน้ำหนักเกินซึ่งหมายถึงดัชนีมวลกายเกิน 25 และการเป็นโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงสัมพันธ์กับอาหารที่กิน

                             และสิ่งที่คุณเห็นก็คือกลุ่มที่เป็นเบาหวานและความดันโลหิตสูงน้อยสุด และกลุ่มเดียวที่ไม่มีน้ำหนักเกินโดยเฉลี่ย ล้วนเป็นกลุ่มที่ไม่กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลย

                             ทีนี้ นั่นมันช่วยให้ตายน้อยลงหรือเปล่า มันช่วยนะ [00:13:30] เหตุที่คนอายุสั้นลง 30% นั้นเป็นเพราะโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคเดียว และนี่เป็นหนึ่งในสไลด์ที่น่าสนใจกว่าของพวกเขาซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมื่อผู้คนอายุมากขึ้น อาหารของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างไร และการที่อาหารแบบ Standard American Diet ซึ่งไม่จำกัดการกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์จำนวนมาก พออายุมากขึ้นคนที่กินแบบนี้เหลือน้อยลง น้อยจนหลุดตกขอบสไลด์ไปเลยเพราะพวกเขาตายไปแล้ว [00:14:00] เมื่อเทียบกับโภชนาแบบกินพืชเป็นหลักที่จำนวนคนกินยิ่งมากขึ้นเมื่อผู้คนมีอายุมากขึ้น โรคบางโรคน้อยลง อายุขัยยาวขึ้น

                             อายุขัยยาวกว่ากันเกือบ 10 ปี แต่มันเป็นอะไรที่มากกว่าการมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นอีก 10 ปี มันเป็นการมีชีวิตแบบที่มีชีวิตชีวามากขึ้น และนั่นคือสิ่งที่สำคัญจริงๆ และน้ำหนักเฉลี่ยน้อยกว่ากัน 30 ปอนด์ หมายความว่าคุณยังวิ่งขึ้นและลงบันไดได้และสนุกกับชีวิตและไม่เป็นภาระให้กับลูกหลาน มันดีแน่นอนอยู่แล้ว

                             ทีนี้ ถ้าเราจาะจงดูที่ [00:14:30] ความดันโลหิต อาหารพืชเป็นหลักไม่เพียงแต่จะทำให้มีอายุยืนยาวเท่านั้น แต่ยังลดความดันโลหิตได้ชัดเจนมาก เป็นหลักฐานที่หนักแน่นมาก เช่นเดียวกับการวิจัยให้กินอาหาร DASH diet ควบกับการลดลดไขมันและคอเลสเตอรอล ซึ่งก็เหมือนกับการกินอาหารมังสวิรัติ มันจะลดความดันโลหิตลงได้อย่างมาก แต่โซเดียมก็มีความสำคัญ แต่ไขมันและโคเลสเตอรอล และอะไรก็ตามที่เป็นตัวให้ไขมันและคอเลสเตอรอลแก่คุณก็มีความสำคัญ [00:15:00] ด้วย

                             นั่นนำมาสู่การออกคำแนะนำเวชปฏิบัติเรื่องความดันโลหิตสูงของเรา เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ผมได้ร่วมในคณะนี้ด้วย  เรากำหนดเป้าหมายความดันโลหิตตัวบนให้ลดจาก 140 เหลือ 130 ไม่ใช่เป็นการเตะหมูเข้าปากหมาอุตสาหกรรมยานะ ไม่ใช่เลย เราแนะนำให้ลดด้วยการเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิต การออกกำลังกายประเภทต่างๆ พยายาม [00:15:30 น.] ออกกำลังกายให้ได้ 300 นาทีต่อสัปดาห์ ลดปริมาณแอลกอฮอล์ลง รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ตัดโซเดียมให้เหลือน้อยกว่า 1,500 มก.ต่อวัน และเพิ่มโพแทสเซียมให้ได้มากกว่า 3,500 มก. ต่อวัน คุณจะทำทั้งสองอย่างพร้อมกันได้อย่างไร ก็ด้วยการกินอาหารพืชเป็นหลักไง ที่เห็นเป็นสีเขียวนี่ และนั่นมีผลมากที่สุดต่อความดันโลหิตเมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการเปลี่ยนอาหาร

                             พูดถึงน้ำตาลแล้ว [00:16:00 น.] คงจะต้องพูดกันให้มากๆ สักหน่อย เพราะเรื่องมันซับซ้อนมาก และมีความเข้าใจผิดมากมาย และมันอาจจะหวาน แต่มันมีผลเสียจริงๆ ที่คุณเห็นอยู่นี่คือภาวะอินซูลินพุ่งขึ้นพรวดพราด ปริมาณที่เพิ่มสัมพันธ์กับโด้สหรือขนาดของตัวกระตุ้น ซึ่งไม่สำคัญดอกว่าจะเป็นกลูโคส หรือซูโครสซึ่งเป็นน้ำตาลทราย หรือฟรุกโตสซึ่งเป็นน้ำตาลในผลไม้ หรือขนมปังขาวซึ่งเป็นธัญพืชที่ผ่านการขัดสี โดยพื้นฐานแล้ว[00:16:30] เมื่อคุณกินแป้งขัดขาวคุณจะต้องเจอการสนองตอบของอินสุลินแบบพรวดพราด

                             อินซูลินไม่ใช่มิตรของคนเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดดอก มันพาอาหารให้พลังงานทุกอย่าง เข้าสู่เซลล์ เอาไขมันเข้าไปสะสม เอาน้ำตาลเข้าไปสะสม ผลก็คือเซลไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้น ขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนขึ้น และสุดท้ายคุณกลายเป็นโรคเบาหวานระดับมีอาการทางคลินิกเนื่องจากการที่เซลดื้อต่ออินซูลิน หลอดเลือดมีความต้านทานต่อการไหลของเลือดมากขึ้น  [00:17:00] โรคความดันโลหิตสูงก็ตามมา และโรคไขมันในเลือดสูงที่กลไกของมันยังไม่เป็นที่รู้จักดีก็ตามมา

                             คนไม่คิดว่า … พวกเขารู้แต่ว่าถ้าพวกเขากินไอศกรีม คอเลสเตอรอลของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น แต่พวกเขาคิดว่ามันเป็นเพราะไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล ซึ่งก็เป็นความจริง แต่ถ้าคุณกินไอศกรีมวีแกนและคุณได้รับน้ำตาลในปริมาณมาก นั่นก็จะทำให้คอเลสเตอรอลของคุณเพิ่มขึ้นเช่นกันนะ เพราะน้ำตาลที่ใส่เพิ่มเข้าไปในอาหาร [00:17:30 น.] จะเพิ่มน้ำตาลในเลือดแบบเส้นกราฟนี้และเพิ่มอัตราการตาย และเรามีข้อมูลที่ดี ข้อมูลผลวิจัยที่ดีจากงานวิจัย Nurses’ Health Study ว่าแน่นอนอัตราตายของพยาบาลเพิ่มขึ้นถ้าพวกเธอเป็นเบาหวาน ถ้าพวกเธอสูบบุหรี่

                             แต่ถ้าผมชี้มุมขวาบนโน่น คุณจะเห็นได้อย่างน่าสนใจว่าอาหารเส้นใยพืชลดอัตราการตายลง ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ซึ่งเพิ่มโคเลสเตอรอลจะเพิ่มอัตราการตายให้สูงขึ้น แต่ปริมาณน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้นหรือ glycemic load อย่างเดียวเลยจริงๆก็เพิ่ม [00:18:00] อัตราตายคิดเป็นตัวเลขแล้วมากกว่าเสียอีก ดังนั้นโดนัทเคลือบน้ำตาลเลื่อมมับอาจสร้างความเสียหายมากกว่าแฮมเบอร์เกอร์และฮอทดอกเสียอีกนะ เราจึงไม่ควรดื่มเสริมแคลอรีเพราะมัน มันเพิ่มระดับตัวชี้วัดการอักเสบด้วยและเพิ่มโคเลสเตอรอลด้วย และมันไปเพิ่มความโน้มเอียงที่จะทำให้ไขมันเลว LDL ในเลือดของคุณไปทำให้เลือดก่อตัวเป็นลิ่มได้ง่ายขึ้น

                             เมื่อเอาข้อมูลเหล่านี้มารวมกันเข้า น้ำตาลทรายคือสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยงจริงๆ [00:18:30] คุณกินน้ำตาลที่มันอยู่ของมันในอาหารตามธรรมชาติมันค่อนข้างปลอดภัย เพราะกากเส้นใยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลไม้จะทำให้การดูดซึมน้ำตาลช้าลง ดังนั้นคุณจึงไม่ได้กระตุ้นการตอบสนองของอินซูลินมากนัก นอกจากนี้ยังมีสารทดแทนน้ำตาลทายหลายชนิด มีน้ำตาลธรรมชาติบางชนิดที่ไม่เพิ่มอินซูลินมากนัก เช่น Erythritol Yacon Syrup ตัวหนึ่งละ และ Stevetol ก็เป็นอีกตัวหนึ่ง ผมอยากชวนให้คนที่ [00:19:00] ชอบพูดว่า “ผมต้องหาอะไรหวานๆกิน” ลองเปลี่ยนประเภทของน้ำตาลที่คุณกำลังกินอยู่ เพื่อไม่การสนองตอบของอินซูลินไม่มากเกินไป

                             พูดถึงตัวการกระตุ้นการตอบสนองของอินซูลิน คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าเครื่องดื่มรสหวานที่ใช้น้ำตาลเทียมก็เป็นสาเหตุกระตุ้นการสนองตอบของอินสุลินด้วย งานวิจัยหลายรายสรุปว่า “โอ้ น้ำตาลทรายเพิ่มอัตราการตายของคุณ 31% แต่สารให้ความหวานเทียมเพิ่มอัตราตายเพียง 13%” แต่แล้วคุณก็จะได้รับผลจากงานวิจัยอีกชุดหนึ่งที่บอกว่า “ไม่ [00:19:30] นั่นไม่จริง เพราะเมื่อมีการใช้สารทดแทนความหวานใส่เครื่องดื่ม ทำให้อัตราการดื่มเครื่องดื่มใส่น้ำตาลเพิ่มขึ้นอีก 32%

                             ประเด็นคือคุณไม่ได้ทำดีให้ตัวเองเลยหากคุณใช้สารทดแทนความหวาน มันมีแต่เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง มันทำให้คนเป็นเบาหวานมากขึ้น ต่างจากยิ่งคุณหันมากินอาหารพืชเป็นหลัก โอกาสที่คุณจะเป็นโรคเบาหวานก็จะยิ่งลดน้อยลง มีชุดข้อมูลมากมายที่คุณสามารถรวบรวมได้ และคุณจะได้ [00:20:00] ผลดีเป้นเชิงเส้นแบบนี้ ยิ่งหันมาหาอาหารพืชเป็นหลักมากขึ้น ยิ่งเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 น้อยลง

                             ในแง่ของการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การเปลี่ยนมากินอาหารพืชเป็นหลักสัมพันธ์กับการลดน้ำตาลสะสมในเม็ดเลือดหรือ A1C ลง ซึ่งบ่งชี้ว่าคุณสามารถรักษาโรคเบาหวานให้ทุเลาได้โดยการเปลี่ยนอาหาร นั่นเป็นผลจากการลดการสนองตอบของอินซูลิน ซึ่งนำไปสู่การลดการดื้อต่ออินสุลินลง และการลดน้ำหนักได้มากขึ้นใช่หรือไม่? ก็อาจจะใช่ แต่นี่เป็นภาพสำคัญ[00:20:30 น.] ที่ต้องจำไว้

                             ดังนั้น เบาหวานชนิดที่ 2 เกี่ยวข้อง กับการบริโภคคาร์โบไฮเดรตขัดสี การบริโภคไขมัน การดื้อต่ออินซูลิน จริงๆ แล้ว เนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็มีผลต่อโรคเบาหวานประเภท 2 ซึ่งผมจะพูดถึงในภายหลัง นั่นอาจเป็นเพราะผลกระทบแบบลูกโซ่จากจุลขีวิตหรือไมโครไบโอมในลำไส้ แต่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งที่คุณจะทำได้สำเร็จหากหลีกเลี่ยงอาหารในภาพนี้เสียทั้งหมดของ [00:21:00] ซึ่งมันเป็นอาหารประเภทที่แย่ที่สุดอยู่แล้ว

                             หันมาพูดถึงเรื่องไขมันกันสักหน่อยก็ดี เพราะมีคนมักพูดว่า “ได้ข่าวว่าไขมันอิ่มตัวกลายมาเป็นของดีแล้ว ดีจัง” ไม่จริงเลย ยิ่งคุณกินไขมันอิ่มตัวมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีอัตราการเสียชีวิตมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งทำให้ระดับไขมันเลว LDL ของคุณเพิ่มขึ้น หลายประเทศไม่มีกฎหมายห้ามไขมันทรานส์เหมือนที่สหรัฐอเมริกามี  ดังนั้นจึงต้องระวังน้ำมันพืชที่ใส่ไฮโดรเจนให้กลายเป็นไขมันทรานส์

                             ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดียวและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน [00:21:30 น.] ก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายคุณได้หากคุณมีน้ำหนักเกินอยู่แล้ว เพราะคุณจะยิ่งเก็บสะสมไขมันไว้มากขึ้นอีก แต่ในอีกด้านหนึ่งไขมันไม่อิ่มตัวสัมพันธ์กับการลดคอเลสเตอรอลในหลายๆ คน แต่ไม่ใช่ทุกคน อย่างไรก็ตามในภาพรวมการแทนที่ไขมันอิ่มตัวด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนจะลดอัตราการตายลงได้

ตัวผมจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับงานวิจัยที่บ่งชี้ว่าไขมันดีกว่าคาร์โบไฮเดรต ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง [00:22:00] เผยแพร่กันทั่วไปแล้ว แต่

                             สิ่งที่ขาดหายไปในงานวิจัยนั้นซึ่งมีชื่อว่างานวิจัย PURE คือความจริงซึ่งพวกกเขาตามแก้ไขใส่เพิ่มเข้าไปในภายหลัง ตามที่ผมจะแสดงให้คุณเห็นนี่ คือ จริงๆแล้วในงานวิจัยนั้นคำว่าคาร์โบไฮเดรตที่คุณคงไม่อยากกินนัก คือข้าวขาวของทางเอเซีย น้ำตาล ขนมปังทำจากแป้งขัดขาว ถ้าคุณนำสิ่งเหล่านี้มารวมกันคาร์โบไฮเดรตเหล่านี้แย่กว่าไขมันหรือโคเลสเตอรอลแน่ ดังนั้น [00:22:30] หากพูดว่าการเอาอะไรก็ได้มากินแทนคาร์โบไฮเดรดที่ผ่านการขัดสี จะช่วยลดอัตราตายลง อันนี้สิจริง เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาการทบทวนงานวิจัยโดย American Heart Association ก็ได้ผลสรุปออกมาเป็นคำพูดคล้ายๆกันว่าหากแทนที่ไขมันอิ่มตัวของคุณด้วยไขมันไม่อิ่มตัวผลลัพธ์ด้านสุขภาพของคุณจะดีขึ้น

 เรามาเปลี่ยนเรื่องและพูดถึงคอเลสเตอรอลและการอักเสบกันดีกว่า ที่จริงแล้ว เรามีข้อมูลจำนวนมากที่บ่งชี้ว่าหากลดโคเลสเตอรอลในอาหารที่กิน จะสัมพันธ์กับการลดการเสียชีวิตจาก-19 [00:23:00]ลงได้

                             ผู้คนกำลังกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่ามีคอเลสเตอรอลอยู่มากแค่ไหน แต่ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์เกือบทั้งหมดมีโคเลสเตอรอลมากบ้างน้อยบ้าง แม้แต่ปลาแซลมอน นี่คือตัวเลขเฉลี่ย แต่มีปลาแซลมอนอยู่ประมาณ 30 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน และบางชนิดก็มีโคเลสเตอรอลสูงกว่าเนื้อไก่มาก และบางชนิดก็ต่ำกว่ามาก แต่คุณจะเห็นว่ามีพืชจำนวนมากมาย [00:23:30] ที่ให้โปรตีนมากพอๆกับกับผลิตภัณฑ์จากสัตว์โดยที่ไม่ต้องได้รับผลเสียจากคอเลสเตอรอลใดๆเลย

                             ไข่ขาวเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ไม่มีโคเลสเตอรอล เจลาตินและน้ำผึ้งก็เช่นกันที่ไม่มีคอเลสเตอรอล ปัญหาคือคนส่วนใหญ่กินไข่ขาวพร้อมกับไข่แดงซึ่งมีคอเลสเตอรอลมากเกินไป และผมจะพูดถึงเรื่องนี้ในอีกสักครู่

                             งานวิจัยทดลองให้กินอาหารเพื่อ [00:24:00 น.] ลดคอเลสเตอรอลและการอักเสบ เรารู้แล้วว่า c-reactive protein เป็นตัวชี้วัดการอักเสบที่ดีมาก นี่เป็นงานวิจัยแรก 2546 จากมหาวิทยาลัยโตรอนโต โดยกลุ่ม David Jenkins ซึ่งสรุปผลได้ว่าหากคุณกินไขมันจากพืชชนิด plant sterol โปรตีนจากถั่วเหลือง กากชนิดยางเหนียวซึ่งละลายน้ำได้ และถั่วอัลมอนด์ กินแค่นี้ คุณจะลดไขมันเลง LDL ของคุณลง 30% ซึ่งเท่ากับยาสแตตินขนาดต่ำๆ และคุณจะลดระดับ c-reactive protein ของคุณลงได้เช่นกัน

                             [00:24:30] นี่เป็นการทำวิจัยซ้ำและตีพิมพ์เมื่อสองสามปีก่อนโดย Binita Shah ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลวิจัยสรุปว่าหากคุณกินอาหารมังสวิรัติซึ่งไม่มีจุลชีวิตที่พึงได้หากกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ท้ายที่สุดคุณจะมีดุลยภาพของจุลชีวิตในลำไส้ดีขึ้น มีการอักเสบน้อยลง ได้ผลดีอื่นๆจากเส้นใย และเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ American Heart Association Journal ได้ตีพิมพ์ผลวิจัยที่ว่าอาหารที่แนะนำโดยสมาคมหัวใจอเมริกันเองนั้นเป้นอาหารที่ไม่ค่อยดีนักในการลดการอักเสบ

                             หากเราพิจารณาผลกระทบงนวิจัยเปลี่ยนอาหารต่อระดับคอเลสเตอรอล คุณคงเคยได้ยินว่ามันไม่ได้ผล โดยมีงานวิจัยสองสามงานสนับสนุนข้อสรุปอย่างนี้ แต่วิจัยส่วนใหญ่กลับสรุปตรงกันข้าม ว่ายิ่งคุณกินอาหารมาทางวีแกนหรือมังสวิรัติมากเท่าใด คุณก็ยิ่งจะมีโอกาสลดโคเลสเตอรอลงได้มากเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไขมันเลว LDL

                             เอาละคราวนี้ผมขอเปลี่ยนจากการพูดถึงแต่ปัจจัยเสี่ยง [00:25:30] มาพูดถึงอัตราตายกับรูปแบบของการกินอาหาร หนึ่งในรูปแบบที่ผมหวังว่าประเทศอื่นจะไม่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาคืออาหาร Southern diet ซึ่งสัมพันธ์กับการเพิ่มอัตราตายขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รูปแบบนี้มีเอกลักษณ์ว่าอาหารส่วนใหญ่ปรุงด้วยการผัดทอดด้วยน้ำมัน ผักทุกชนิดที่กินต้องมีเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ร่วมอยู่ด้วย เครื่องดื่มทุกแก้วที่ดื่มต้องมีน้ำตาลเป็นตัวสร้างรสหวาน และว่าผลที่ตามมาคืออัตราป่วยเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อัมพาต และโรคไตเรื้อรัง เพิ่มสูงขึ้นอย่างสำคัญ      มีรูปแบบการกินแบบอื่นๆ ที่ควรรู้จักไว้ด้วย [00:26:00 น.] คือที่มีเอกลักษณ์ว่ากินเกลือเยอะ กินเนื้อสัตว์ที่แปรรูปเยอะ และ เครื่องก็ต้องมีรสหวานจัดจากน้ำตาล ซึ่งทั้งหมดนี้ก็สัมพันธ์กับอัตราตายที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่ปริมาณผักและผลไม้ที่กินก็ไม่เพียงพอ กลายเป็นว่าคนที่กินอาหารแบบกินพืชเป็นหลักในสหรัฐอเมริกาจำนวนมากไม่ได้กินอาหารสุขภาพ เนื่องจากพวกเขากำลังนำสิ่งที่ดีต่อสุขภาพเช่นมันฝรั่งมาทอดด้วยน้ำมัน เพื่อเปลี่ยน [00:26:30] ให้เป็นเฟรนช์ฟราย ซึ่งไม่ใช่ของดีต่อสุขภาพ

                             ผลที่ได้จึงกลายเป็นว่าหากคุณกินอาหารแบบเน้นพืชเป็นหลักแต่เป็นพืชที่เตรียมหรือปรุงแบบไม่ดีต่อสุขภาพ ดูภาพที่ทางด้านขวา เส้นประนั่น โอกาสเกิดเหตุเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจกลับมากกว่าการกินอาหารทั่วๆไปที่ไม่ต้องระมัดระวังอะไรเสียอีก

                             คราวนี้ ย้อนกลับไปคุยกันถึงความสำคัญของการทำให้แน่ใจว่าคุณไม่ควรกินธัญพืชแบบขัดสี นี่เป็นงานวิจัย PURE study รอบที่สอง [00:27:00] ซึ่งสรุปผลว่าธัญพืชขัดสีทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น อัตราตายมากขึ้น และถ้าผู้คนกิยอาหารจากพืชเป็นหลักในแบบที่เตรียมมาและปรุงแบบดีต่อสุขภาพ ผลลัพธ์ก็จะดีขึ้น ถ้ากินในแบบที่เตรียมมาและปรุงแบบไม่ดีต่อสุขภาพ คุณก็จะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี นั่นคือเหตุผลที่คุณจะเห็นบทความแบบนี้ที่ตีพิมพ์เมื่อต้นปีที่แล้วที่สรุปว่าอาหารมังสวิรัติไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเสอมไป ก็เพราะว่าอาหารมังสวิรัติ [00:27:30 น.] มีทั้งแบบที่ดีและไม่ดีต่อสุขภาพนั่นเอง

                             ดังนั้นการวิจัยคุณภาพสูงซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิจัยเรียกร้องหา ในใจของผมมันต้องเป็นการวิจัยที่ดีไม่ว่าจะทำกับอาหารแบบกินพืชเป็นหลักเพื่อสุขภาพ หรือการกินอาหารเพื่อเลิกทำร้ายสัตว์ หรือเพื่ออนุรักษ์โลก หรืออะไรก็ตาม ตอนนี้ก็เริ่มมีข้อมูลบางส่วนนั้นกำลังได้รับการเผยแพร่ออกมาแล้ว ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีงานหนึ่งพูดถึงอัมพาตจากเลือดออกในสมองและจากหลอดเลือดในสมองตีบ ซึ่งได้ผลว่าหากคุณกินอาหารพืชเป็นหลัก [00:28:00] คุณจะเห็นจำนวนโรคหลอดเลือดสมองลดลงอย่างมาก ดังนั้น การลดลงประมาณ 10% เมื่อกินอาหารพืชเป็นหลักเทียบกับการเพิ่มขึ้นอีก 5% หากคุณกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

                             ผมต้องพูดเกี่ยวกับอาหารคีโตสักหน่อย เพียงเพราะมันเป็นอะไรที่กวนใจนิดหน่อย และผู้คนคิดว่ามันเป็นทางลัด [00:28:30 น.] ในการลดน้ำหนักและพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับการลดน้ำหนักแบบอัทกินส์ว่าประสบความความสำเร็จในการลดน้ำหนักดี  แต่มีคำเตือนที่ดีจากกรีซเกี่ยวกับการกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำด้วยผลิตภัณฑ์จากสัตว์จำนวนมาก ซึ่งทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นประมาณ 22%

                             แล้วก็มีข้อมูลจากญี่ปุ่นในกลุ่มประชากรเอเชียที่กล่าวโดยพื้นฐานแล้วเป็นเรื่องเดียวกัน เมื่อพวกเขารวบรวมข้อมูลร่วมกับการศึกษาอื่นๆ [00:29:00] ที่เผยแพร่ในขณะนั้น พบว่าอาหารแบบนี้มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 31% เมื่อคุณดูที่สหรัฐอเมริกา จะเห็นได้ชัดว่าถ้าคุณกินสัตว์ในอาหารลดน้ำหนักแบบคีโต การตายจะเพิ่มสูงขึ้น หากคุณกินพืชเป็นหลัก เช่น เนยถั่ว และถั่วต่างๆ และผัก คาร์โบไฮเดรตต่ำ ขนมปังโฮลเกรน คุณจะลดการตายลงได้จริงด้วยในขณะที่กำลังลดน้ำหนักได้ด้วย และทั้งสองทางหากกินเนื้อสัตว์อัตราตายก็เพิ่มขึ้นประมาณ 18% [00:29:30] หากกินพืชเป็นหลักอัตราตายก็ลดลง 18%

                             นี่คือเส้นกราฟของพวกเขาที่แสดงว่าทำไมเป็นอย่างนั้น การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงอัตราการตายที่เพิ่มขึ้นเมื่อปริมาณของตัวแปรเพิ่มขึ้น มันขึ้นอยู่กับว่าคุณกินคีโตจริงจังมากแค่ไหน หากคุณแค่ลดคาร์โบไฮเดรตลงบ้าง คุณจะตายเพิ่มเพียงเล็กน้อย หากคุณกินคีโตแบบสุดลิ่ม คุณก็จะมีอัตราการตายที่สูงขึ้นอย่างมาก

                             โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เคยมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน [00:30:00] อัตตราตายจะสูงขึ้นเมื่อคุณกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์มากขึ้นซึ่งต่างจากการกินโปรตีนจากพืช คุณยังเพิ่มการอักเสบ และเพิ่มโคเลสเตอรอล อย่างที่ผมได้แสดงให้คุณเห็น ดังนั้นคุณรวมสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันในผู้ที่มีกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันมาก่อน การกินคีโตจะเพิ่มอัตราการเสียชีวิตประมาณ 53%

                             มีข้อมูลที่ดีจริงๆ ผมรู้ว่าผมใช้เวลากับเรื่องนี้มากขึ้นเพราะมีข้อโต้แย้งมากมาย เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั่วโลก แต่ข้อมูลเป็นวิทยาศาสตร์ ชัดเจนมากว่าการเพิ่มคอเลสเตอรอล [00:30:30] การที่ตัวชี้วัดการอักเสบเพิ่มขึ้น  การวิจัยตามดูกลุ่มคนแบบไปข้างหน้า หลายงาน ทั้งหมดได้ผลเหมือนกัน ว่าน้ำหนักของคุณอาจดีขึ้น ซึ่งหมายความว่าโรคเบาหวานของคุณอาจจะดีขึ้น แต่คุณยังคงเสี่ยงต่อคอเลสเตอรอล LDLสูง และการอักเสบในร่างกายเพิ่มขึ้น

                             เรามีคำกล่าวที่ดีจาก National Lipid Association ว่า “จริงอยู่ ตัวชี้วัดทางชีวะเคมีและน้ำหนักของคุณอาจจะดีขึ้น  แต่สุดท้ายแล้ว หากคุณกินอาหารอย่างเช่นไข่และเนื้อสัตว์ คุณจะมีอัตราตายสูงขึ้นจาก [00:31:00] อาหารเหล่านั้น” ผมรู้ว่าผู้คนจะโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่การกินอาหารที่สัมพันธ์กับอัตราตายสูงขึ้น เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาหารคีโตไม่ได้ผล

                             นี่เป็นความสัมพันธ์เชิงเส้นตรงระหว่างการกินไข่กับอัตราตาย ย่านที่ปลอดภัยคือกินไข่วันละครึ่งฟอง แต่ก็ไม่แน่ หากกลุ่มตัวอย่างใหญ่ขึ้นก็อาจพบนัยสำคัญทางสถิติว่าอัตราตายอาจเพิ่มขึ้นแม้จะกินไข่น้อยกว่าครึ่งฟองต่อวันก็เป็นได้ [00:31:30] ข้อมูลนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์โต้แย้งจากหลายด้าน โดยเฉพาะจากคณะกรรมการค้าขายไข่  แต่เมื่อคุณดูงานวิจัยในกลุ่มประชากรอื่นๆ ผลสรุปก็ไม่ต่างกัน

                             ยิ่งคุณกินไข่มากเท่าไหร่ อัตราการเสียชีวิตก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จากโรคมะเร็งและโรคหัวใจด้วย และเป็นความจริง ไม่ใช่แค่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่เพิ่งได้รับการตีพิมพ์ในอิตาลีเช่นกัน และพวกเขาก็มาถึงข้อสรุปเดียวกัน มากกว่ากินไข่มากกว่าสี่ฟองต่อสัปดาห์ นั่นคือประมาณครึ่งฟองต่อวัน มีความเกี่ยวข้องกับ [00:32:00] กับอัตราการตายที่เพิ่มขึ้น

                             เนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งของอาหารคีโตก็เป็นผู้ฆ่าอีกเหมือนกัน เนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ผ่านการแปรรูปยิ่งเพิ่มอัตราตายไม่ใช่แค่จากโรคหลอดเลือด แต่จากมะเร็งและอัตราตายรวมด้วย แล้วมันสัมพันธ์กับปริมาณเนื้อที่กิน ยิ่งกินมาก ยิ่งแย่ และมันเกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะในผู้ชาย และหากคุณกินอะไรอย่างอื่นแทน เช่น ถั่วเหลือง หรือถั่วอื่นๆ อัตราตายก็ลดลง

                             แล้วอาหารเมดิเตอร์เรเนียนล่ะ? คุณจะหลบพ้นโดยได้กินปลา [00:32:30] แทนได้ไหม นั่นเป็นผลสรุปจากหลายๆงานวิจัย แต่ไม่ใช่งานวิจัย PREDIMED ซึ่งงานวิจัย PREDIMED นี้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวผลักดันอาหารเมดิเตอร์เรเนียนให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา น่าเสียดาย นั่นหมายถึงผมต้องตั้งคำถามจริงๆ ว่าพวกเขาอ่านผลวิจัยกันลึกซึ้งแค่ไหน ผมจะเฉลยให้คุณเห็นเดี๋ยวนี้เลย งานวิจัย PREDIMED นั้นชัดเจนมาก วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ผู้ตีพิมพ์ก็ชัดเจนมาก ว่าอาหารเมดิเตอเรเนียนลดโรคและการตายจากโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจลง 30% แต่อัตราตายรวม [00:33:00] ไม่ได้ลดลงจากอาหารเมดิเตอร์เรเนียน

                             และถ้าคุณดูทางด้านขวาของตาราง คุณจะเห็นว่าอัมพาตลดลงอย่างมากโดยการเปลี่ยนจากเนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นปลา ไม่ว่าคุณจะกินนัทหรือน้ำมันมะกอกหรือไม่ก็ตาม แต่อัตราเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันไม่ลด อัตราตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดก็ไม่ลด อัตราตายรวมก็ไม่ลด นี่จึงไม่ใช่สิ่งที่เราควรส่งเสริม หากเราต้องการส่งเสริมอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ควรเป็นอาหารเมดิเตอร์เรเนียนแบบมังสวิรัติ

                             นี่เป็นผลงานของคณะผู้วิจัยชุดเดียวกัน [00:33:30 น.] โดยใช้ผู้ป่วยทั้งหมด 7,000 คน และแบ่งออกเป็นห้ากลุ่มตามปริมาณการบริโภคผักซึ่งแบ่งเป็นสี่เสี้ยว กลุ่มที่สี่ซึ่งหมายถึงกลุ่มที่กินอาหารพืชเป็นหลัก และกลุ่มที่ห้าซึ่งเป็นวีแกน โดยพื้นฐาน จะมีอัตราการเสียชีวิตลดลงประมาณ 42% เมื่อเทียบกับกลุ่มแรกซึ่งกินสัตว์มากและกินพืชน้อย  ข้อมูลนี้สอดคล้องกับข้อมูลการทดแทนโปรตีนจากสัตว์โดย [00:34:00] โปรตีนจากพืชที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Medical Association หลายครั้ง จากงานวิจัยสุขภาพพยาบาลบ้าง งานวิจัยสุขภาพบุคลากรทางการแพทย์บ้าง.

                             ดังนั้น แพทย์และพยาบาลส่วนใหญ่ ทุกๆ 3% ที่คุณเปลี่ยนแหล่งโปรตีนจากสัตว์เป็นจากพืชจะช่วยลดอัตราการตายของคุณลงได้ หากจะเปลี่ยนจากปลาและสัตว์ปีกต้องเปลี่ยนประมาณ 6% จึงจะลดอัตราตายได้ หากจะเปลี่ยนจากผลิตภัณฑ์นมต้องเปลี่ยนประมาณ 8% แต่ที่เหลือคือเนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม [00:34:30] และไข่ การเปลี่ยนแค่ 3% ก็ลดอัตราตายลงได้แล้ว และคุณสามารถคาดการณ์ได้ว่าคุณสามารถปรับปรุงผลลัพธ์ได้อย่างมากจากแค่การเปลี่ยนจากผลิตภัณฑ์โปรตีนจากสัตว์เหล่านี้ไปเป็นพืช

                             แล้วเป็นเรื่องที่น่าสนใจนะที่จะเห็นการศึกษาแบบชิ้นนี้ที่สรุปว่า “กินฮอทดอกอันเดียว นั่นคือ [00:35:00] เนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแปรรูป อาจทำให้ชีวิตคุณหายไปได้ 36 นาที” ดูเหมือนว่าผมกำลังโชว์งานวิจัยเดิมซ้ำหรือเปล่า แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น แท้จริงแล้วเป็นงานวิจัยอีกชิ้นจากญี่ปุ่น ดังนั้นแม้แต่ในประชากรเอเชีย เมื่อคุณเปลี่ยนจากโปรตีนจากสัตว์เป็นโปรตีนจากพืช เพียง 3% นั้น คุณจะเห็นรูปแบบที่คล้ายกันมาก คือคุณสามารถลดอัตราการตายได้อย่างมาก

                             และจุดที่อยู่ทางด้านซ้ายนี้เป็นเรื่องของโรคหัวใจและหลอดเลือด มันเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยไหน [00:35:30] ว่าทุกอย่างจะดีขึ้นถ้าคุณกำจัดผลิตภัณฑ์จากสัตว์แล้วกินพืชเป็นหลักแทน ราวกับว่าเราย้ายห้วงเวลากันเลย นี่เป็นการศึกษาครั้งที่สามของงานวิจัยเดิมซึ่งตีพิมพ์หนึ่งปีหลังจากการวิจัยในญี่ปุ่น นี่คือประชากรชาวอเมริกันอีกกลุ่มหนึ่งที่แสดงผลลัพท์แบบเดียวกัน ว

                             ว่าอัตราตายจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมากเมื่อคุณกำจัดโปรตีนจากสัตว์แม้แต่เพียง 3% [00:36:00] แล้วใช้ผลิตภัณฑ์จากพืช แทน มันดีขึ้นทั้ง มะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน โรคหลอดเลือดสมอง โรคระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อแดง ไข่ แทบทุกอย่างที่คุณเปลี่ยนจะดีขึ้นถ้าคุณกำจัดโปรตีนจากสัตว์

                             เรามีโอกาสที่จะเปลี่ยนอาหารเพื่อลดโรคหลอดเลือดหัวใจได้จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนหนุ่มสาว ผม [00:36:30] อยากจะบอกว่าเรามีข้อมูลมากกว่าที่ผมสามารถแสดงให้คุณเห็นในการบรรยายครั้งเดียว ยิ่งคุณกินอาหารมีคุณภาพมากเท่าไร ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

                             คุณควรได้รับโปรตีนจากที่ไหนละ? ชัดเจนมาก. เราควรจะได้รับมันจากที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่จากสัตว์ หากคุณกำลังจะใช้ ถั่วเหลือง ถั่วอื่นเป็นแหล่งโปรตีนทดแทน นั่นก็ดีมากนะ มันลดการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันได้ ลดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ [00:37:00] เมื่อคุณทานอาหารมังสวิรัติ เจ้าเต้าหู้อ้วนในการ์ตูนดูไม่ดึงดูดเท่าไหร่ แต่คุณจะแปลกใจที่พืชก็มีโปรตีนมากมาย คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าเนื้อวัวและถั่วลิสงมีโปรตีนในปริมาณเท่ากัน คีนัวนั้นมีโปรตีนมากกว่าไข่ขาว และที่สำคัญกว่านั้น ถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลูกไก่ ถั่วเลนทิล จริงๆ แล้วมีโปรตีนต่อ 100 กรัมมากกว่าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ใดๆเสียอีก

                             แต่สิ่งที่พวกพืชไม่มีคือ [00:37:30] นี่ Trimethylamine   N   oxide (TMAO) นี่เป็นประเด็นสำคัญที่ทุกคนต้องรู้ โปรดจดอักษรสี่ตัวนี้ไว้แล้วอ่านวิจัยทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ฉบับนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ เรามีข้อมูลเพิ่มเติมมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นผมจะแสดงสไลด์ที่ทันสมัยกว่าหนึ่งสไลด์ให้คุณดู แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาพูดแบบเดียวกัน คุณกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ คุณเพิ่มสารตั้งต้นของไตรเมทิลลามีน

                             แล้ว [00:38:00] ถ้าคุณมีไมโครไบโอมแบบหนึ่ง ซึ่งหมายถึงกลุ่มของจุลชีวิตในทางเดินอาหารของคุณที่สามารถแปลง TMA เป็น TMAO ได้ ขอโทษ..ที่ผลิตไตรเมทิลลามีน ซึ่งมันจะไปที่ตับของคุณ ตับจะออกซิไดซ์มันให้กลายเป็นไตรเมทิลลามีน เอ็น ออกไซด์ นั่นคือสาเหตุที่คุณจบลงด้วยอาการหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และการเสียชีวิตด้วยโรคต่างๆ ที่เราไม่เคยเข้าใจมาก่อน

                             มีความเกี่ยวข้องระหว่างอุบัติการณ์ทางหัวใจและหลอดเลือด [00:38:30 น.] กับปริมาณ TMAO ในกระแสเลือด ซึ่งสัมพันธ์กับอาหาร นี่เป็นสไลด์ที่ดูซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วง่ายมาก สาระมีว่าเกล็ดเลือดเหล่านี้ซึ่งเป็นเม็ดเล็กๆมีหน้าที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว มันจะเหนียวหนึบและเกาะกลุ่มกันมากขึ้นเมื่อคุณกินเนื้อสัตว์เพราะระดับ TMAO ของคุณสูงขึ้น แต่จะไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อคุณกินพืช  

                             ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่การกินเนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจขาดเลือด และถ้าคุณจะกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง [00:39:00] เนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกแปรรูป ซึ่งแย่กว่าเนื้อที่ยังไม่ถูกแปรรูปถึงสองเท่า ทั้งหมดนี้อาจเกี่ยวกับสมมติฐานที่ว่าจุลชีวิตในลำไส้ของคนชอบกินเนื้อสัตว์มามีส่วนในเรื่องนี้ด้วย

คงไม่เหมาะที่จะไม่พูดถึงภาวะหัวใจล้มเหลวเลยเพราะว่ามันเป็นโรคระบาดที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ และมีความสัมพันธ์กับระดับของ TMAO ในแง่ของอัตราการตาย       ชัดเจนมากว่าทั้ง [00:39:30 น.] เนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกแปรรูปแล้วและยังไม่ได้แปรรูปล้วนเพิ่มอัตราการเกิดหัวใจล้มเหลว และการเสียชีวิต และเหตุการณ์อื่นๆ ตามมา ดังนั้นทุกคนที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลวควรเปลี่ยนไปกินอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก และเมื่อคุณทำเช่นนั้น คุณจะเห็นความเสี่ยงที่จะเกิดหัวใจล้มเหลวลดลงประมาณ 41% หากคุณกินอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก

                             เราควร พูดให้มากขึ้นเกี่ยวกับไตรเมทิลลามีน เอ็น ออกไซด์ เพราะจริงๆ แล้ว มันเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ สำหรับโรคหัวใจและการเสียชีวิตจากโควิด-19 [00:40:00] และเพิ่มภาวะใกล้จะเป็นเบาหวานเมื่อคุณมี TMAO สูง และนั่นจะนำไปสู่การพูดคุยเกี่ยวกับไมโครไบโอมโดยเฉพาะ ซึ่งผมอยากจะพูดถึงในช่วงสองสามนาทีสุดท้ายของการพูดคุยของเรา

                             ไมโครไบโอมเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยสนใจมาก่อน ก่อนที่กลุ่มของ Stan Hazen ที่คลีฟแลนด์คลินิกจะเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ และ ไมโครไบโอมถูกผูกทิ้งไว้บนจอเรดาร์ของเรา แต่ด้วยโรคโควิดมันเพิ่มความรู้เรื่องนี้ขึ้นมาอย่างล้นหลาม ส่วนนี้ผมขอถือสิทธิ์ [00:40:30 น.] ของผู้มีลำไส้ของคนกินมังสวิรัติ นี่เป็นประเด็นสำคัญที่ทุกคนควรรู้ ดังนั้นผมจะพูดถึงว่า ไมโครไบโอมคืออะไร มีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงอย่างไร มีผลกับ TMAO อย่างไร คุณได้รับมาอย่างไร และ TMAO สนองตอบต่อการเปลี่ยนอาหารอย่างไร

                             ถ้าคุณดูวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับไมโครไบโอม สิ่งที่คุณพบก็คือร่างกายมนุษย์ ส่วนใหญ่ไม่ใช่มนุษย์ แท้จริงแล้วมันเป็นมนุษย์เพียงประมาณ 43% [00:41:00] เท่านั้น จำนวนเซลล์ที่เหลือทั้งหมดประกอบด้วยจุลินทรีย์จริง ในแง่ของยีน เรามียีนมนุษย์ประมาณ 20,000 ยีน แต่ร่างกายของเรามี 20 ล้านยีน และมาจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทั้งแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส โปรโตซัว และพวกนี้เปลี่ยนได้ทุกอย่าง พวกมันเปลี่ยนระบบภูมิคุ้มกันของคุณ พวกมันช่วยหรือทำร้ายคุณในแง่ของการย่อยอาหาร พวกมันเปลี่ยนระบบต่อมไร้ท่อของคุณ เช่นเดียวกับ [00:41:30] การเปลี่ยนวิธีรับส่งสัญญาณทางระบบประสาทของคุณ มันเปลี่ยนวิธีการเผาผลาญยา เปลี่ยนวิธีกำจัดสารพิษ

                             โดยพื้นฐานแล้วการเปลี่ยนแปลงที่นำมาสู่ความเจ็บป่วยทั้งหมด ความเจ็บป่วยมากมายที่เราพยายามจะรับมือมานานหลายทศวรรษ ผมรู้ว่าผมกำลังบรรยายเรื่องโรคหัวใจอยู่ แต่คงไม่ยุติธรรมที่จะพูดถึงไมโครไบโอมและไม่ได้พูดถึง ว่าไมโครไบโอมที่เป็นอันตรายหรือ ผิดปกตินั้นเกี่ยวข้องกับโรคภูมิต้านตนเอง [ 00:42:00 ] จำนวนมาก แต่ที่สำคัญกว่านั้น , โรคทางระบบประสาททั้งหมดที่เราพบ ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ป่วยโรคหัวใจของเรา, โรคอัลไซเมอร์, โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง, โรคพาร์กินสัน นี่เป็นปัญหาของไมโครไบโอม

                             เมื่อคุณเปลี่ยนอาหาร คุณสามารถเปลี่ยนไมโครไบโอมของคุณได้ นี่คือสิ่งที่คุณจะได้รับ หากคุณเปลี่ยนจากกินเนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไปกินเนื้อขาว สุขภาพของคุณจะดีขึ้น ถ้าคุณกินเนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมากขึ้น สุขภาพคุณกฌแย่ลง  ไม่น่าแปลกใจเลย [00:42:30] คุณเห็นความสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างโรคกับเนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมากกว่าอาหารอื่น  มาวันนี้ ปรากฏว่าไมโครไบโอมในลำไส้เปลี่ยนแปลงการตอบสนองของภูมิคุ้มกันได้จริงๆ และมีส่วนร่วมทำให้เกิด cytokine storm ในโรคโควิด-19

                             ดังนั้น นี่เป็นปัญหาของลำไส้จริง ๆ และหากเราเปลี่ยนไมโครไบโอม คุณจะเปลี่ยนผลลัพธ์ของคุณจากโควิด-19 ได้ในเวลานานแค่ไหน? [00:43:00] อาหารมังสวิรัติหรือวีแกนจะเปลี่ยนไมโครไบโอมในเวลาตั้งแต่ 4-14 วัน ผู้ที่กินเจและมังสวิรัติจะมีจุลชีวิตสายพันธุ์ที่ดีซึ่งจะช่วยบรรเทาผลลัพธ์ของโรคโควิดให้เบาลง

                             และนั่นเป็นพื้นฐานสำหรับงานวิจัยนี้โดยเฉพาะ เป็นอย่างนั้นแล้วมากกว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น งานวิจัยแบบสำรวจนี้ทำในหกประเทศ ให้ผลบ่งชี้ว่าหากคุณกำลังลดน้ำหนักได้ คุณจะลดผลร้ายจากโควิด-19 ได้ [00:43:30] ที่จริงแล้ว ในแวดวงวีแก้น เรากำลังพูดว่า “มีใครรู้จักคนกินมังสวิรัติที่เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 บ้างไหม” และผมไม่เคยพบใครที่ผมรู้จักในแวดวงนี้ที่ตายเพราะโควิด [00:43:41] ใครที่มีข้อมูลว่ามีก็ขอให้สะดวกใจที่จะส่งข้อความตรงหาผมได้เลย แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่อัตราตายเท่านั้น ความรุนแรงของโรคละเป็นอย่างไร?

                             ปรากฎว่าคนกินพืชเป็นหลักมีความเสี่ยงเกิดโรคร้ายแรงลง 73% [00:44:00] จาก COVID-19 ตรงข้ามกับอาหารคีโตที่เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลลัพธ์ร้ายแรงหรือเสียชีวิตมากขึ้น

                             ไมโครไบโอมมีความสำคัญในความดันโลหิตสูง คุณเห็นผลวิจัยมากมายแล้ว และคุณจะเห็นเพิ่มเติม และใช่ ความดันโลหิตสูงสัมพันธ์กับปัจจัยสิ่งแวดล้อม และเกลือโซเดียม เป็นต้น แต่ขณะเดียวกันความดันเลือดสูงก็สัมพันธ์กับชุมชนจุลชีวิตในทางเดินอาหารด้วย และ [00:44:30] คุณ มีแบคทีเรียบางชนิดที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นอยู่ในนั้น เช่น Klebsiella และอื่น ๆ

                             แล้วคอเลสเตอรอลละเป็นอย่างไรบ้าง? คุณ เคยได้ยินเกี่ยวกับ ยีน IsmA กี่คน ? มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับการเปลี่ยนโคเลสเตอรอลเป็น coprostanol ไหม คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยิน ผมแสดงให้คุณเห็นที่ด้านข้างนี่ เหตุผลที่คุณไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ โคโพรสตานอลก็เพราะมันไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ มันแค่เป็นผลพลอยได้จากการกินโคเลสเตอรอลในภาวะที่มีดุลยของจุลชีวิตที่ดีในลำไส้ แบคทีเรียจะเปลี่ยนโคเลสเตอรอลไปเป็นโคโพรสตานอลเพื่อให้มันถูกขับออกมากับอุจจาระแทนที่จะถูกดูดซึมเข้าไปจบที่ในหลอดเลือดแดง

                             เอาละ การลดคอเลสเตอรอลในอาหารฟังดูดี การกินยาก็ฟังดูดี แล้วการเปลี่ยนไมโครไบโอมเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือลดโรคเบาหวานละ ทำได้ไหม? เรามีงานวิจัยขนาดใหญ่หลายชิ้น มีงานวิจัย 42 ชิ้นที่พูดถึงไมโครไบโอม [00:45:30] ที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานประเภท 2 จนเดี๋ญววนี้เรารู้แล้วว่าแบคทีเรียชนิดใดดี เรารู้ว่าแบคทีเรียชนิดใดไม่ดี

                             นี่เป็นอีกงานวิจัยที่ดูซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มันแค่แสดงให้คุณเห็นว่ามีเครื่องเทศบางชนิดที่มีป้ายสีน้ำเงินกำกับว่าช่วยลดโรคเบาหวานได้ และมีเครื่องเทศบางชนิดที่ เป็นสีแดงซึ่งทำให้ความเสี่ยงเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้น แล้วโรคอ้วนละเป็นไง? จริงไหม [00:46:00] ที่วาคุณสามารถเอาอุจจาระของคนผอมไปปลูกถ่ายให้คนอ้วนเพื่อให้เขาผอม และทำแบบเดียวกันในทิศทางกลับกันได้

                             มันจริงทีเดียวนะครับ ไมโครไบโอมสามารถเปลี่ยนแปลงการเผาผลาญกรดไขมันและเปลี่ยนแปลง adipose factors ซึ่งไวต่อการอดอาหารและซึ่งมีฤทธิ์ก่อให้เกิดการสะสมไขมัน ยิ่งไมโครไบโอมของคุณดีขึ้นเท่าใด โอกาสที่คุณเป็นโรคอ้วนและกักตุนไขมันไว้มากก็ยิ่งมีน้อยลงเท่านั้น ในทำนองเดียวกันกับการที่โรคหัวใจและหลอดเลือด [00:46:30] ความสัมพันธ์กับระดับ TMAO ที่สูง กับโรคไตเรื้อรังก็เช่นกัน ในช่วงสองสามปีที่ผ่านสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังของเราทุกคน ซึ่งเราจะเห็นพวกเขาบ่อยที่คลินิกโรคหัวใจ อยู่ๆก็มีผลวิจัยว่าโปรตีนจากสัตว์เพิ่มโรคไตเรื้อรัง และโปรตีนจากพืชสามารถลดความรุนแรงได้จริง ความสัมพันธ์ผกผันระหว่างโรคกับอาหารพืช

                             ผมสามารถจูงคนไข้ที่เป็นโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3 ระยะที่ 4 ให้หลบพ้นจากการต้องฟองไตได้ [00:47:00 น.] หากยอมหลีกเลี่ยงโปรตีนจากสัตว์ งานวิจัยบางงานเช่นชิ้นนี้ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร American Society of Nephrology ไปมุ่งตำหนิความเป็นกรดของเนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่มันอาจจะไม่ใช่แค่กรดก็ได้ แท้จริงแล้วอาจเป็นเพราะอาหารเนื้อสัตว์ทำให้ไมโครไบโอมในลำไส้เปลี่ยนไปในลักษณะที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคไต [00:47:30]และการเสื่อมของเนื้อไตมากขึ้น

                             ทำไมแพทย์โรคหัวใจถึงพูดถึงเรื่องนี้? เพราะในประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ผู้ ป่วยโรคไตไม่เสียชีวิตด้วยโรคไต พวกเขาตายด้วยโรคหัวใจ ดังนั้นเราจึงต้องหยุดกระแสโรคไตเรื้อรังที่เราเห็นอยู่ทุกหนทุกแห่ง และอาหารพืชเป็นหลักเป็นโอกาสสำคัญในการทำเช่นนี้ เพราะข้อมูลหลักฐานมีความชัดเจนมาก โปรตีนจากสัตว์ทำให้แย่ลง โปรตีนจากพืชทำให้ดีขึ้น

                             [00:48:00] เป็นอีกหนึ่งในอันตรายใหม่ของการกินเนื้อแดงควบคู่ไปกับโรคหลอดเลือดสมองและโรคหลอดเลือดหัวใจ และภาวะหัวใจล้มเหลว หากเราดูกลไกทั้งหมดแล้ว เราได้เรียนรู้มากมาย ผมไม่ได้คุยกับคุณเกี่ยวกับ TMAO ทางด้านซ้าย คุณคุ้นเคยกับไขมันอิ่มตัว แต่ผมควรชี้ให้เห็นตรงกลางสไลด์ด้วย Heme iron ในเลือดของสัตว์ เพราะสถาบันสุขภาพแห่งชาติของเราชี้ให้เห็นว่า เลือดจากสัตว์นั้นเพิ่ม reactive oxygen species ซึ่งเป็นอนุมูลอิสระมากขึ้นจริง ๆ [00:48:3 0] นั่นก็คือปฏิกิริยาออกซิเดชันซึ่งคุณไม่ได้รับหากคุณกินธาตุเหล็กที่มาจากทางพืชผัก

                             และพวกเขาบอกด้วยว่าการดูดซึมธาตุเหล็กจากผักไม่ค่อยดีนัก นั่นเป็นความจริง แต่ก็เป็นเหล็กที่ปลอดภัยเช่นกัน ดังนั้นการกินให้ถี่ขึ้น ทีละเล็กทีละน้อยแต่เพียงพอย่อมดีกว่ากินทีละมากๆแล้วดูดซึมอย่างรวดเร็วแล้วไปเพิ่มตัวชี้วัดการอักเสบ ไปเพิ่มความไม่เสถียรของตุ่มไขมันที่ผนังหลอดเลือด และเพิ่มอุบัติการณ์หลอดเลือดตีบ

                             ก่อนปิด [00:49:00] ผมต้องการอธิบายให้คุณฟังเกี่ยวกับงานวิจัยเปลี่ยนอาหารเป็นพืชที่เราเคยทำเมื่อสองสามปีก่อน ตอนนั้นเรายังไม่รู้ทั้งหมดนี้ ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับไมโครไบโอม แค่รู้ว่าผลลัพธ์ของมันซึ่งก็คือ TMAO คือสิ่งที่ประชากรอเมริกันของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรแอฟริกันอเมริกันของเราต้องรับผลเสียจากมันเป็นจำนวนมาก

                             สิ่งที่เราอยากทำคือ จะทดลองทำตามคำแนะนำด้านอาหารของสมาคมหัวใจอเมริกันและวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจอเมริกันว่าโปรด [00:49:30] เพิ่มการกินผักและผลไม้ พืชตระกูลถั่ว และถั่วต่างๆ ธัญพืชไม่ขัดสี จริงๆแล้วเราแนะนำปลาให้เป็นทางเลือกสำรองด้วยหากผู้คนอยากจะกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เหตุผลที่เราบอกว่าเป็นทางเลือกสำรองก็เพราะว่าเราแนะนำว่าข้อสาม สำหรับคนที่จะลดโคเลสเตอรอล ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ควรกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลย ในข้อสองสำหรับคนที่อยากลดไขมันอิ่มตัวในอาหาร ซึ่งทำได้เช่นกันด้วยการกินอาหารพืชเป็นหลัก[00:50:00] หากคุณทำสิ่งเหล่านี้ สามสิ่งนี้ คุณจะลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้

                             การลดเนื้อสัตว์แปรรูป คาร์โบไฮเดรตขัดสี และเครื่องดื่มเพิ่มน้ำตาลก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะทุกรรายการล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่นเดียวกับไขมันทรานส์ นั่นคือแนวทางที่เราพิมพ์คำแนะนำเผยแพร่ และเราพยายามทำเช่นนี้เพราะเราต้องการแก้ไขการที่คนกินอาหาร [00:50:30 น.] ตามการโฆษณาทางโทรทัศน์ ก่อนหน้านั้น เราวิเคราะห์ว่ามีอะไรในโทรทัศน์ ผู้คนกำลังได้ยินอะไร และข้อมูลก็น่าทึ่งมากจริงๆ ว่าโฆษณาทางโทรทัศน์ 58% เป็นการ มุ่งเปลี่ยนอาหารฟาสต์ฟู้ดไปในทางที่ไม่ดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้น มี [00:51:00] บางยี่ห้อที่ไม่ถึงกับแย่มาก โฆษณาส่งอาหารถึงบ้านก็ไม่ได้เลวร้ายนัก แต่โดยรวมแล้ว โทรทัศน์เชิงพาณิชย์ในสหรัฐอเมริกามักส่งเสริมการกินอาหารที่ทราบกันว่าไม่ดีต่อสุขภาพและก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจที่เรามีดกดื่นแล้วในสหรัฐอเมริกา

                             ทีนี้ เพื่อพยายามต่อสู้กับสิ่งนั้น เราได้อาสาสมัครจากองค์กรศาสนาในท้องถิ่นของเรา ซึ่ง [00:51:30] มีความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดมาก และขอให้พวกเขาทดลองกินอาหารพืชเป็นหลักทั้งหมดเป็นเวลาห้าสัปดาห์  และมาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น เราทำการตรวจเลือดพื้นฐานและติดตามผลการตรวจเลือด และตัวชี้วัดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดและเมแทบอลิซึมของหัวใจ น้ำหนักตัว ความดันโลหิต ทั้งหมดนี้ดีขึ้นอย่างมาก ดังนั้น พวกเขาจึงจบด้วยมีคอเลสเตอรอลลดลง การอักเสบน้อยลง และแนวโน้มของ TMAO ลดลง

                             [00:52:00] TMAO เป็นหนึ่งใน สองการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง เมื่อคุณหยุดกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ สารเคมีที่สร้างความเสียหายอย่างมากตัวนี้จะหายไปจากกระแสเลือด นอกจากนั้นระดับอินซูลินยังลดลง 43% ซึ่งตัวนี้สัมพันธ์กับการเป็นโรคไขข้อสูง การเปลี่ยนอาหารจากพืชเป็นหลักทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างสูงในการทำให้ผลลัพธ์สุขภาพของผู้ป่วยเหล่านี้ดีขึ้น

                             [00:52:30] เมื่อเราดูข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ จริงๆ แล้วเราสามารถใส่ข้อมูลเหล่านี้ลงในเครื่องคำนวณความเสี่ยงของ วิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจอเมริกันได้ และท้ายที่สุด หากเรานับหัวผู้เข้าร่วมทั้งหมด จริงๆ แล้วมีคนจำนวนมากที่ร่วมโครงการได้จนจบ ความคงเส้นคงวาก็ค่อนข้างดี น้ำหนักลดไป 440 ปอนด์ซึ่งเฉลี่ยประมาณ 10 ปอนด์ต่อคนนั้นก็น่าทึ่งมาก [00:53:00] เช่นเดียวกับตัวชี้วัดด้านหัวใจและการเผาผลาญก็ดีขึ้น

                             และเครื่องคำนวณความเสี่ยง 10 ปีของเราบอกว่าเราขจัดความเสี่ยงออกไปได้ประมาณ 19% จากความเสี่ยงปกติที่เรารู้ว่าจะเพิ่มขึ้นในประชากรแอฟริกันอเมริกันของเราทางตอนใต้ของชิคาโก เรามีแอ๊พที่พวกเขาพัฒนาตำราอาหารที่คุณสามารถดาวน์โหลดได้หากคุณต้องการดูว่าอาหารอเมริกันจริงๆ ควรเป็นอย่างไร มันเป็นอาหรพืชเป็นหลักอย่างสมบูรณ์ จากเว็บไซท์ของ Association of Black Cardiologist ที่ abcardio.org

                             [00:53:30] ในโอกาสที่จะจบการพูดเพื่อเปิดการอภิปราย เราต้องดิ้นรนกับการระบาดใหญ่สองโรคควบ อัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้นพร้อมๆกับที่อัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้น ทั้งสองได้รับแรงผลักดันจากอาหารที่ไม่ดี การขาดการออกกำลังกาย การเลือกวิถีชีวิตที่ไม่ดี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มขึ้นของโรคอ้วนและโรคเบาหวานประเภท 2 และยังรวมถึงความดันโลหิตสูงด้วย [00:54:00] เมื่อคุณดูการกินอาหารแบบกินพืชเป็นหลัก คุณมีโอกาสที่จะจัดการกับปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ในลักษณะที่ผู้คนจะไม่เป็นภาระทางการเงินต่อประเทศของตน ต่อเวลาและต่อภาระทางการเงินของเขาเองและครอบครัว รวมถึงการจะได้เพลิดเพลินกับชีวิตและมีชีวิตที่กระฉับกระเฉงมากขึ้น

                             ผมมักจะถามคนไข้ที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ มีอาหารอะไรที่อร่อยยิ่งไปกว่าการมีสุขภาพดีหรือไม่? และส่วนใหญ่พวกเขาจะตอบว่าไม่มี จะมียกเว้นก็น้อยรายมาก เพราะ [00:54:30 น.] พวกเขารู้ว่าเรากำลังเชื่อมโยงวิถีชีวิตเข้ากับผลลัพธ์ของชีวิต ดังนั้น ผมกำลังบอกพวกเขาตามผลวิจัย Adventis Study ว่ามันไม่ใช่แค่การมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นเท่านั้น แต่มันเกี่ยวกับได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้นไม่เฉพาะแค่มีคุณภาพชีวิตที่ดีเท่านั้น

                             ผมจะสรุปสิ่งนี้เพื่อบอกว่าการระบาดใหญ่สองโรคควบนี้ เราต้องเป็นผู้สนับสนุนการลดปัจจัยเสี่ยง ทุกเมื่อและทุกเมื่อที่ทำได้ เพื่อพยายามลดการตายและ [00:55:00] การเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับโรคที่เกี่ยวข้องกับโภชนาการ และนี่คือสิ่งที่เราทำได้ เราแค่ต้องทำมันอย่างเอาจริงเอาจัง ขอบคุณมากสำหรับความสนใจของคุณ และผมยินดีที่จะตอบคำถามที่จะมีมา

(นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ – แปล)