Latest

ขอให้หมอสันต์แนะนำวิธีที่ง่ายกว่านี้

(ภาพวันนี้: ต้อยติ่ง)

กราบเรียนคุณหมอสันต์

เพิ่งกลับจากเข้าปฏิบัติธรรม 7 วันที่สถาน …. จังหวัด … กลับมาแล้วมีคำถามมากกว่าคำตอบ มีความตึงเครียดเพราะความสงสัย หรืออาจเป็นเพราะพยายามมากเกินไปในการที่จะไม่คิด โดยภาพรวมแล้วรู้สึกว่าวิธีนี้ไม่ใช่ นี่เพิ่งจะไขกุญแจเข้าบ้าน คุณหมอช่วยดิฉันหน่อย ช่วยแนะนำวิธีที่ง่ายกว่าที่ดิฉันไปปฏิบัติมานี้มีไหม

………………………………………….

ตอบครับ

โอเค. ไขกุญแจเข้าบ้านมาแล้วใช่ไหม เอาละ นั่งลงก่อน เอนหลังพิงพนัก ผ่อนคลาย ยังไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ทิ้งทุกอย่างไว้ก่อน ผ่อนคลาย Relax…x ทิ้งสิ่งที่ผ่านมาพบเจออะไรทิ้งไปก่อน ทิ้งสิ่งที่กำลังค้นหาไปข้างหน้าซึ่งหาไม่เจอสักทีเสียด้วย ปล่อยทิ้งไว้งั้นแหละ

ผ่อนคลาย

Relax..x ยิ้มที่มุมปากนิดๆ

ถ้ายังรู้สึกว่าว่างเกินไป อยู่ว่างไม่ได้ ก็แค่สังเกต Observe สังเกตไปรอบๆตัว สังเกตภาพที่เห็น เสียงที่ได้ยิน

สังเกต

Observe

สังเกตแม้กระทั่งเสียงในหัวหรือความคิดของเราเอง มันที่คอยที่จี้จิก ชี้แนะ แนะนำ ค่อนขอด วิจารณ์ แค่สังเกตว่ามันโผล่ขึ้นมา ปล่อยให้มันผ่านเข้ามา เฝ้ามองดูมันอยู่ห่างๆ ไม่ไล่ ไม่อวย แค่สังเกตรับรู้

สังเกตความรู้สึกท้อถอย ผิดหวังที่กำลังประดังเข้ามาด้วย ปล่อยให้มันประดังเข้ามา รับรู้มัน ยอมรับมัน แต่อยู่ห่างมันนิดหนึ่งนะ ไม่เข้าไปเม้าท์ด้วย

ผ่อนคลาย และสังเกต แค่เครื่องมือสองชิ้นนี้ก็เหลือเฟือแล้วที่จะพาคุณหลุดพ้นจากความย้ำคิดของคุณเอง ซึ่งเป็นเหตุแห่งทุกข์ของคุณ ผมหมายความรวมถึงความย้ำคิดเรื่องอยากจะบรรลุธรรม หรือความข้องใจว่าทำไมไม่บรรลุธรรมสักทีด้วย

ทุกวัน ทุกที่ ทุกเวลา ทำแค่นี้แหละ ไม่ต้องรีไซเคิลอดีต ไม่ต้องห่วงอนาคต ชีวิตที่นี่เดี๋ยวนี้คือความมหัศจรรย์ คุณรู้หรือว่าชีวิตนี้อีกหนึ่งนาทีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยคุณก็ไม่รู้หรอกว่าความคิดถัดไปที่จะโผล่ขึ้นมาในหัวของคุณจะเป็นความคิดเรื่องอะไร คุณผ่อนคลาย และสังเกตดูมัน แค่นี่ก็เป็นความตื่นเต้นเร้าใจในการใช้ชีวิตแล้ว ความคิดถัดไปที่จะโผล่ขึ้นมาในหัวจะเป็นความคิดเรื่องอะไร มันเดาไม่ได้จริงๆ มันจึงน่าลุ้นว่ามันจะเป็นเรื่องอะไร และไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไร คุณก็แค่ผ่อนคลาย สังเกต ปล่อยให้มันโผล่ขึ้นมา ยอมรับมัน ปล่อยให้มันฝ่อหายไปของมันเอง คุณแค่ดำรงสถานะของผู้สังเกตไว้หนักแน่น ไม่เผลอไปผสมโรงเล่นด้วยกับความคิด

ทำสองอย่างแค่เนี้ยะ Relax and Observe

แล้วคุณจะค่อยๆเห็นว่าระยะห่างระหว่างคุณในฐานะผู้สังเกต กับความคิดในฐานะสิ่งที่ถูกสังเกต กว้างขึ้นๆ จนคุณรู้สึกชัดเจนด้วยตัวเองว่าคุณในฐานะผู้สังเกต กับความคิดในฐานะสิ่งที่ถูกสังเกต เป็นคนละอันกัน ความคิดไม่ใช่เรา และเราก็ไม่ใช่ความคิด

เมื่อนั่งอยู่ในฐานะเราที่ไม่ใช่ความคิดคุณจะสงบเย็น นี่สิ่งที่คุณตามหาพบอย่างหนึ่งแล้ว ก็คือความสงบเย็นนี่ไง

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนั่งอยู่ตรงที่คุณเป็นผู้สังเกต ความคิดเป็นสิ่งที่ถูกสังเกตนี้ วิสัยทัศน์ของคุณจะกว้างไกลมากขึ้นๆจนคุณเองเซอร์ไพร้ส์ ต่อจากนั้นคุณจะทำยังไงกับชีวิตต่อไป ยามที่ปลอดความคิดและนั่งสังเกตอยู่ สาระพัดทางเลือกมันจะโผล่มาเอง คุณจะร้องอ๋อด้วยตัวคุณเอง ไม่ต้องไปคาดการณ์หรือคาดหวังอะไรล่วงหน้า แล้วชีวิตมันก็จะ creative หรือสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง

ผมให้เครื่องมือจำเป็นสองชิ้นแก่คุณเสร็จแล้วนะ คราวนี้ขอพูดต่อเรื่องอื่น คุณไม่ได้บอกเล่ามา แต่ผมเดาเอาจากระหว่างบรรทัดที่คุณเขียนว่าคุณมีปัญหาอยู่ในใจ ผมจะบอกคุณว่าปัญหาชีวิตทุกปัญหาสอนให้เรารู้ว่ามีหนามอะไรฝังอยู่ในใจเรา พอมีคนมาเขย่าหนามนั้นเข้าจะโดยตั้งใจหรือโดยบังเอิญก็ตาม เราก็เจ็บ วิธีแก้ปัญหาความเจ็บจากหนามนั้นก็คืออย่าไปยุ่งกับเหตุที่ข้างนอก แต่ให้สนใจข้างใน พอมันเจ็บคุณก็แค่ผ่อนคลาย..ผ่อนคลาย ยิ้มที่มุมปาก ถอยหลังเอนพิงพนัก และสังเกต รับรู้ ยอมรับ ยอมแพ้ ดูความเจ็บนั้นไปโดยไม่ต้องไปปฏิเสธหรือรีบกลบเกลื่อน ถ้าคุณผ่อนคลายและเฝ้าดูอย่างใจเย็นได้จริงๆ มันจะมีพลังจากส่วนลึกเกิดขึ้นมาค่อยๆสลายหนามนั้นจนหมดไปจากใจคุณได้เองแบบอัตโนมัติ ช้าบ้างเร็วบ้างแต่หมดได้เองแน่นอน แค่ใจเย็นๆ ปล่อยให้พลังนั้นทำงาน พลังนั้นมาจากไหนหนอ..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

ทั้งหมดนี้ไม่ได้บอกให้คุณเพิกเฉยไม่ใส่ใจแก้ปัญหาในชีวิตนะ แต่ผมบอกให้คุณผ่อนคลาย ถอยกลับไปข้างในซึ่งเป็นที่ที่คุณสงบเย็นก่อน ณ ที่ตรงนั้นมันเป็นฐานที่มั่นที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาใดๆของชีวิต ดีกว่าที่จะแก้ปัญหาชีวิตไปแบบไก่สาวขี้ตกใจ กระต๊าก กระต๊าก หรือแบบ reactive หรือแบบ compulsive คือเคยคิดเคยทำอย่างไรก็คิดก็ทำซ้ำซากอยู่อย่างนั้นเหมือนหุ่นยนต์รุ่นโบราณ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ช่วยให้คุณแก้ปัญหาที่ลึกซึ้งได้ดอก

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์