Latest

สิ่งที่เรียกว่า “นิมิต” ขณะที่คุณนั่งสมาธิ มันล้วนเป็นความคิดนะ

(ภาพวันนี้: ฟิก หรือมะเดื่อฝรั่ง)

สวัสดีค่ะคุณหมอ

ที่ผ่านมาบางคืนก็ได้รับความเมตตาจากใครซักคน หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยค่ะ.. เมื่อคืนเหมือนมาจากคุณหมอค่ะ ขอบพระคุณมากนะคะ
เมื่อคืนก่อนประมาณ 4-5 ทุ่ม รู้สึกถึงการช่วยเหลือนะคะ แต่เที่ยงคืนครึ่ง เอ็นสะโพก เข่าและหน้าแข้ง เรียกว่า ทั้งขาซ้ายเริ่มถูกบีบใหม่ แรงขึ้นพักนึง ..หายใจ รู้สึกตัว นิ่งๆ พักใหญ่ก็ค่อยๆคลายไป หลับได้ดีกว่าเดิมค่ะ
ตื่นเองตี 4  ตี 4.30 เหมือนถูกบีบขาที่เจ็บให้ลุกขึ้นภาวนา แต่ไม่ลุก เพราะ ตั้งใจจะเริ่มปฏิบัติ ตี 5.30
พอได้เวลาที่ตัวเองตั้งใจไว้ ก็เริ่มนั่ง ยังมีก้อนเกลียวหมุนๆที่ก้นกบขาหนีบซ้าย ระหว่างนั่ง ได้รับ sense ตามที่ต่างๆ เช่น แมงมุมไต่ตามคอ อก หน้า  มดไต่ตามที่ต่างๆ จี๊ดบนหัวบ้าง นั่งได้นิ่งบ้าง ฟุ้งบ้าง สว่างบ้างมืดบ้างค่ะ

เมื่อคืนนอนไม่ได้ห้อยพระค่ะ ถูกปลุกตื่น ลุกดูเวลาตี 1 เกิด sense ต่างๆ ที่หน้า ที่หัวแรงกว่าทุกคืนค่ะ แล้วเหมือนถูกสะกดถูกตรึงด้วยความรู้สึกแหลมๆที่หัวตาซ้าย ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้  อยู่ๆจิตก็เข้าสมาธิ รู้สึกความดำมากๆอยู่ตรงหน้า แล้วค่อยเป็นความมืด รู้สึกการเคลื่อนไหวบางอย่างภายในร่างกาย อยู่ในความมืดนั้นอยู่นานเริ่มขยับได้ นั่งทบทวนว่าคืออะไร? นอน.. ตี 3 ตื่นเอง ตี 4 ตื่นเอง ไม่มีความรู้สึกถูกให้ตื่นทำสมาธิเหมือนเคย นั่งสมาธิไม่สงบแต่ไม่รู้สึกเกลียวบิดปั่นก้นกบแล้ว ไม่รู้สึกกดบิดที่สะโพกขาที่เจ็บ
รู้สึกเพลียจากนอนหลับๆตื่นๆ แต่โล่ง เหมือนไม่มีอาจารย์กลุ่มนั้นอยู่แล้วค่ะ

ควรจะไปขอขมากลุ่มอาจารย์ที่ … มั้ยคะ? (มีสอนทางการ 2 คน และผู้ช่วยสอน อีก 2-3 คนค่ะ แต่ไม่ได้ประจำค่ะ ท่านเดินทางสอนวนไปทั่วประเทศ) ที่ผ่านมาไม่ได้ไป เพราะกลัวค่ะ คิดว่าครูบาอาจารย์ควรมีเมตตาสูง.. เหมือนคุณหมอที่ให้อภัยคนผิดพลาดได้เสมอ.. แต่พลังต่างๆที่ได้รับจากอาจารย์กลุ่มนั้นมันไม่รู้สึกถึงความเมตตาค่ะ เลยกลัวค่ะ

Thank you very much for being my guiding star.
Thank you for showing me what love is.
ขอบพระคุณนะคะที่สอนให้รู้จักความรัก..รักผู้อื่น ที่ผ่านมามีแต่รักตัวเอง

……………………………………………

ตอบครับ

1.. โห..คุณนี่เป็นตัวอย่างของคนที่จมอยู่ในโลกของความคิดแบบเด้งออกไม่ได้เลยนะ เดี๋ยวมีคนโน้นมาช่วย เดี๋ยวมีผีมาบีบขา เดี๋ยวมีอาจารย์กลุ่มนั้นมาจี้จิก ทั้งหมดนี้มันเป็นความคิดของคุณทั้งนั้นนะ ผมไม่ได้ว่าอะไรที่คนเราย่อมจะมีความคิดป๊อบขึ้นมาในหัวแบบซีรี่ส์เกาหลี แต่ประเด็นคือคุณไปเป็นตุเป็นตะกับความคิด เรียกว่าคุณไปโต๋เต๋หรือ wandering around อยู่ในความคิด ก่อนที่คุณจะถลำลึกไปมากกว่านี้ ขอให้คุณจับหลักการสังเกตความคิดให้ได้ว่าการสังเกตความคิดนั้นเราแค่ grab and go คือเราฉวยเอาแต่หัวเรื่องแล้วรีบถอยออกมาอยู่กับลมหายใจ หรืออยู่กับอะไรก็ได้ที่เกิดขึ้นจริงที่เดี๋ยวนี้ซึ่งคุณกำลังจดจ่ออยู่ จะอยู่กับอาการบนร่างกายเช่นแมงมุมไต่หน้าอกที่คุณเล่าก็ได้ แต่อย่าอยู่ในความคิด

2.. ถามว่าควรจะไปขอขมาอาจารย์กลุ่มโน้นกลุ่มนี้ที่เขาโกรธเราดีไหม ตอบว่าไม่ต้อง การขอโทษ หรือให้อภัย ทำที่ในใจของคุณก็พอเพราะความรู้สึกว่าเป็นโทษมันเกิดขึ้นที่ใจของคุณ ขอโทษในใจแล้วจบ ไม่ต้องเดินทางไปกราบกรานต่อหน้า นั่นมันเป็นการสมยอมเล่นละครให้เรื่องราวในความคิดของคุณเป็นตุเป็นตะมากยิ่งขึ้น อย่าไปทำอะไรเพื่อสร้างความสมจริงให้กับความคิดที่คุณกุขึ้นมา มันจะยิ่งทำให้ความคิดของคุณใหญ่ขึ้นๆและครอบคุณได้นานยิ่งขึ้น ขณะที่ความรู้ตัวของคุณก็จะถูกบีบให้เล็กลงๆ ผมแนะนำให้คุณทำแค่สองอย่างก็พอ คือผ่อนคลาย กับสังเกตอะไรก็ตามที่โผล่มาที่เดี๋ยวนี้ หากความคิดโผล่มาก็สังเกตความคิด ย้ำว่าแค่ grab and go ไม่ใช่เข้าไปผสมโรงคิดต่อ

3.. สิ่งที่เรียกว่า “นิมิต” ขณะที่คุณนั่งสมาธิ มันล้วนเป็นความคิดนะ คุณแค่สังเกต อย่าเข้าไปเล่นด้วย เพราะมัวแต่ไปเล่นด้วยกับความคิดอยู่นั่นแหละแล้วเมื่อไหร่คุณจะสงัดจากความคิดเสียที คุณไม่ใช่คนแรกที่ชอบเขียนมาเล่าว่าเวลานั่งสมาธิแล้วผมไปหา.. บ้า ผมนอนอยู่ที่บ้านมวกเหล็กผมจะลอยไปหาใครที่โน่นที่นี่ได้อย่างไร คุณแค่ใช้สามัญสำนึกคิดดูมันก็ไม่ใช่แล้ว มันเป็นความคิดที่โผล่ขึ้นมาในใจคุณทั้งนั้น ให้คุณแค่ตั้งสติ สังเกต ยอมรับว่ามันโผล่มา ปล่อยให้มันผ่านเข้ามา แล้วปล่อยให้มันผ่านออกไป อย่าไปเล่นด้วย หรืออย่าไปพยายามกำกับความคิด เพราะการกำกับความคิดก็คือการเข้าไปเล่นด้วยหรือ thinking a thought นั่นแหละ เป้าหมายในชั้นนี้คือแค่ให้คุณสงัดจากความคิด แค่มีความสงบเย็นให้ได้ก่อน อย่าหลงทาง ถ้าคุณไม่หลงทาง เมื่อหมดความคิดแล้ว ต่อจากนั้นปัญญาญาณซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความฟุ้งสร้านเวิ่นเว้อ จะค่อยๆโผล่ขึ้นมานำทางพาคุณไปต่อเอง

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์