Latest

คุณหมอผู้หญิงเล่าเรื่องชีวิตที่ต้องเปลี่ยนกะทันหัน

     จดหมายของคุณหมอท่านนี้เขียนมาแชร์ประสบการณ์เฉยๆ ผมลงให้อ่านทั้งฉบับโดยไม่ได้ตอบ แต่ขอนิยามศัพท์เสียก่อน

practice แปลว่าการทำเวชปฏิบัติ ซึ่งก็คือการทำงานรักษาคนไข้ของแพทย์นั่นเอง
antiaging แปลว่าชะลอวัย หรือต้านความชรา ซึ่งเป็นเพียงแต่ชื่อ แต่วิธีต้านความชราจริงๆยังไม่มีดอก
cosmetic แปลว่าความงาม ซึ่งไม่ใช่กิจของสงฆ์ เอ๊ย..ไม่ใช่ กิจของแพทย์ แต่แพทย์เราชอบทำกิจหลายอย่าง จึงมีแพทย์จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อย เข้าไปทำงานด้านนี้ด้วย
OPD ย่อมาจาก out patient department แปลว่าแผนกผู้ป่วยนอก
Cardio คำเต็มคือ cardiology แปลว่าอายุรกรรมสาขาโรคหัวใจ
Med ย่อมาจาก medicine แปลว่าสาขาอายุรกรรม ซึ่งคนต้องมาเรียนก่อนจะไปเรียนหัวใจ
CPR ย่อมาจาก cardiopulmonary resuscitation แปลว่าการปั๊มหน้าอกช่วยฟื้นคืนชีพ
ER ย่อจาก emergency room แปลว่าห้องฉุกเฉิน
voltaren เป็นชื่อยาแก้ปวดแก้อักเสบ
muscle spasm  ภาวะกล้ามเนื้อเกร็งตัว
scoliosis กระดูกสันหลังคดเป็นแบบงูเลื้อย
admit รับไว้รักษาในโรงพยาบาล
MRI ย่อจาก magnetic resonance imaging การตรวจภาพร่างกายด้วยอุโมงคลื่นแม่เหล็ก 
Ruptured disc herniation แปลว่าหมอนรองกระดูกสันหลังแตก
Ortho คำเต็มคือ orthopedist แปลว่าหมอศัลยกรรมกระดูกแลข้อ
off training แปลว่าเลิกฝึกอบรมเป็นผู้เชี่ยวชาญกลางคัน
recurrent แปลว่าการที่โรคกลับเป็นอีกซ้ำซาก
poor prognosis การมีพยากรณ์โรคแย่ คือหายยาก ตายง่าย
ENT ย่อมาจาก eye nose throat แปลว่าเรียนแพทย์เฉพาะทางสาขาหูคอจมูก
Aesthetic แปลว่าเรื่องความงาม เป็นชื่อเรียกสาขาวิชาที่หมอไปหากินกับความงามเพื่อให้ฟังดูขลังขึ้น 
prevention แปลว่าการป้องกันโรค
homeopathy เป็นการแพทย์แบบดั้งเดิมของยุโรปและอินเดีย คล้ายแพทย์แผนโบราณของไทยแต่มีหลักวิชาที่พิศดารพันลึกกว่า
life style แปลว่าวิถีชีวิต หมายถึงวิธีที่เราใช้ชีวิตในแต่ละวันทั้งการกินการอยู่

…………………………………………….

เรียนอ.สันต์ที่เคารพค่ะ

     หนูขอแนะนำตัวค่ะ  หนูชื่อ …. ค่ะ   ตอนนี้ practice ด้าน antiaging กับcosmetic ค่ะ
   
     อาจารย์คะ หนูแค่อยากเล่า อยากแชร์ประสบการณ์เฉยๆ  เพราะคิดว่า อ่านบทความของอาจารย์แล้วชอบใจน่ะค่ะ   อาจารย์ไว้อ่านเล่นวันว่างๆนะคะ

     หนูโตมาในครอบครัวแพทย์ค่ะ  คุณพ่อจบจาก … คุณแม่เป็นพยาบาลค่ะ  หนูมีพี่น้อง 3 คน เป็นคนโตค่ะ  ตอนเด็กๆ ก็เรียนเก่ง เรียบร้อย เป็นหัวหน้าห้อง ตามประสาเด็กทั่วไปค่ะ   ชอบอ่านหนังสือมากค่ะ ชอบเขียน ชอบวาด  โตมากับหนังสือเลยล่ะค่ะ ข้ามไปจนถึงเรียนหมอเลยนะคะ  หนูไม่เคยนึกเลยว่าอยากเป็นอะไร มันคงซึมซับจากการติดสอยห้อยตามคุณพ่อคุณแม่ไปทำงาน  เลิกเรียนก็อยู่คลินิก ช่วยหาOPD เทยาใส่ขวด เลยชินกับบรรยากาศ แล้วที่บ้านก็สอนให้หนูช่วยเหลือคนอื่นมาตลอด เวลาคนไข้หาย เราก็ดีใจกับเค้าด้วยค่ะ  สมัยนั้น ที่คลินิกเรา คิดค่ารักษาคนไข้ 60-70บาทเองค่ะ คุณพ่อคุณแม่ใจดีมากค่ะ

     ตอนม.5 หนู entrance ติดคณะวิทยาศาสตร์ มหิดลค่ะ  ทีนี้คุณแม่ชวนให้ไปสมัครแพทย์ ม. …. เพราะมีลูกเพื่อนเรียนอยู่  หนูก็ไป แล้วก็ได้เรียนจนจบค่ะ จบปี พ.ศ. 2542ค่ะ  ( จบนานแล้วค่ะ ตอนนี้อายุ 40 ปีแล้วค่ะ)

     ตอนเรียน ก็เริ่มคิดว่าอยากเป็นหมออะไร ตอนนั้น อยากเป็นจิตแพทย์ค่ะ  แค่ชอบนะคะ หาเหตุผลไม่เจอ มันเป็นความจำลางๆค่ะ  พอเรียนไปๆ ด้วยความที่เรา hyperactive ก็เริ่มอยากเรียน cardio ค่ะ
พอใช้ทุน ก็กลับมาเรียน med ค่ะ  ชีวิตช่วงนั้น ใช้ร่างกายหนักหนาสาหัสมากค่ะ อยู่เวรในเยอะแล้ว ยังอยู่เวรเอกชนอีก เพราะรู้สึกว่าเราจบแล้ว เราควรพึ่งตัวเอง ไม่อยากรบกวนคุณพ่อคุณแม่ค่ะ
พอเรียนถึงปี 3 ค่ะ วิกฤติชีวิตมาเยือนค่ะ    ร่างกายที่เราใช้เค้ามาหนักหน่วง เริ่มแสดงอาการค่ะ  หนูปวดหลังจนตัวเบี้ยว เป็นๆหายๆ  แต่คิดว่าคงเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ  ยังคงกระโดด CPR คนไข้เป็นว่าเล่นค่ะ

     วันนั้นเป็นวันที่มีประชุม MED ที่โคราชค่ะ  พอกลับมาถึงรพ. หนูลงรถตามปกติ พอเดินไปซักพัก หนูโทรหาเพื่อนว่ามาถึงแล้ว อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรระเบิดกลางหลัง  แล้วหนูก็ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น แล้วขยับตัวไม่ได้อีกเลย ซักพัก ก็มีคนมาช่วย เอาเปลตัก มารับหนูไป ER ค่ะ  ไปถึงเพื่อนก็สั่ง voltaren ฉีด แต่อาการไม่ดีขึ้นค่ะ นั่งไม่ได้ film กระดูกเป็นรูปตัว S เลยค่ะ เหมือน muscle spasm เป็น scoliosis เลยค่ะ

     ก็ต้อง admit ตามระเบียบค่ะ ไปMRI วันรุ่งขึ้น เป็น  Ruptured disc herniation ค่ะ หมอ ortho แนะนำให้ผ่าตัดค่ะ  (ปล. วันนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ปัสสาวะใส่ bed panค่ะ ขยับตัวแค่นั้น ก็น้ำตาเล็ดเลยค่ะ) โดนยาแก้ปวดไปถึง morphine เลยล่ะค่ะ  ได้ประสบการณ์หลายอย่างเลยนะเนี่ย นอนไป 10 วันค่ะ  เริ่มขยับตัวได้บ้างเล็กน้อย ผอมแห้งหัวโตเลยค่ะ ลุกเข้าห้องน้ำไม่ได้ แถมต้องนอนทานข้าว พอนั่งแล้วมันกดทับจะปวดมาก อ่านหนังสือได้อย่างเดียว เพราะไม่ชอบดูทีวี  ปวดแขนมากค่ะ เพราะต้องนอนหงายถือหนังสืออ่าน เล่มเล็กๆก็อ่านแป๊บเดียวจบ น่าสงสารมั้ยคะ

     สรุปว่ากลับบ้านมานอนต่อที่บ้านค่ะ นอนมาในรถค่ะ กว่าจะเริ่มนั่งได้น่าจะเกือบเดือนค่ะ  เป็นคนป่วยเต็มขั้น ต้อง off training ค่ะ ตอนนั้นต้องเปลี่ยนชีวิตใหม่หมดค่ะ  เพราะนั่งได้ไม่เกิน 5-10 นาทีค่ะ ขับรถไม่ได้ ไปไหนไม่ไหว นอนอย่างเดียวค่ะ  อยากลองสู้ ไม่อยากผ่า เพราะคุณพ่อบอกเจอคนไข้ recurrent บ่อย ( แหะๆ แต่หมอ ortho บอกว่าเคสนี้ poor prognosis ค่ะ)

     ตั้งต้นชีวิตใหม่ค่ะ ผ่านไปหลายเดือน เริ่มนั่งได้นานขึ้นนิดหน่อย เริ่มอยากเรียนต่อ แต่เรียนอะไรก็ต้องนั่งนาน จะเรียน eye, ENT ก็ต้องก้มผ่าตัด เผอิญเพื่อนบอกให้ลองไปดูคลินิก skin ใกล้บ้าน เลยลองไปดู ก็ขอ observe ขออยู่สาขาใกล้ๆ คนน้อยๆ ทำงานตามสภาพร่างกายค่ะ  ถามว่าชอบมั้ย ไม่ชอบเลยค่ะ เรื่องความงาม แต่ทำได้ค่ะ เป็นหมอที่ train ฉีด botox ทำ laser รุ่นแรกๆเลยค่ะ ตอนหลังก็ไป train ด้าน Aesthetic จริงจังขึ้น  แต่จริงๆก็ไม่ได้ชอบค่ะ ทำมา 8 ปี มีการเรียน antiaging รู้สึกว่าอันนี้แหละ ตอบโจทย์มาก เราคิดว่า เรื่อง prevention มันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด สำคัญกว่าการรักษาด้วยซ้ำ  ( ในฐานะที่เป็นคนป่วยมาก่อน)

     ชีวิตที่ต้องเปลี่ยนกะทันหัน ต้องขอบคุณร่างกายที่มาเตือนให้เราคิดใหม่ทำใหม่  หนูใช้ชีวิตช้าลง ดูแลตัวเองมากขึ้น เริ่มให้เวลากับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น   ค่อยๆทบทวน ว่าเราชอบอะไร อยากทำอะไร หลังจากคุณแม่เสียไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อ 8 ปีก่อน  ความเศร้าเสียใจที่สุดในชีวิต ทำให้หนูได้มีโอกาสศึกษาธรรมะได้ลึกซึ้งมากขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น  ใช้ชีวิตให้คุ้มค่ามากขึ้น ตอนนี้ หนูเลือกที่จะดูแลสุขภาพตัวเองและครอบครัว ไปซื้อเครื่องปั่นตาม อ. เลยนะคะ fan club ตัวยงเลยค่ะ   นอกจากนี้ ตามประสา คน Hyperactive ที่ยังแก้ไม่หาย ก็ไปเรียนอะไรที่สนใจมากมายค่ะ เรียน homeopathy กับอาจารย์อินเดีย  ได้ประสบการณ์แปลกๆเยอะดีค่ะ    แล้วก็มีเรียนเปียโน  โยคะ วาดรูปสีน้ำ  และพยายามเจริญสติ ภาวนาด้วยค่ะ

    อยากเป็นกำลังใจให้คนที่ป่วยทุกคนค่ะ ว่าบางอย่างมันก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นได้ และอยากให้เห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยน life style ทั้งทางร่างกายและจิตใจค่ะ ขอบพระคุณครอบครัวที่สร้างให้หนูเป็นคนมองโลกในแง่ดี และเป็นกำลังใจให้เราฝ่าฟันมาถึงจุดนี้ได้ ดีใจที่ได้อ่านบทความดีๆของอาจารย์ และทราบว่าอาจารย์ต้องทุ่มเทกับการหาข้อมูลมากค่ะ  อาจารย์เป็น idol ของหนูเลยค่ะ ว่างๆจะเขียนหาอาจารย์อีกนะคะ แต่หนูพิมพ์ไม่ค่อยเก่งค่ะ อันนี้ถือว่ายาวมากเลยค่ะ

     ขอบพระคุณที่อาจารย์ทนอ่านนะคะ  ไม่มีคำถามให้ตอบด้วยค่ะ แค่อยากเล่าจริงๆค่ะ

                               รักและเคารพ
                                  …………..