คุณหมอสันต์ที่เคารพ หนูทำงานแบบเหมือนอยู่ในที่มืด ทุกวันนี้อาศัยได้อ่านบล็อกของคุณหมอเป็นทั้งแหล่งความรู้และเป็นสถานที่พักใจ หนูอายุ 53 ปี เรียกตัวเองว่าหนูได้นะคะ เพราะยังไงก็อ่อนกว่าคุณหมอหลายปี ออกจากงานมาดูแลคุณพ่ออายุ 78 ปีซึ่งเป็นโรคอัลไซเมอร์ด้วย ตัดสินใจออกจากงานมาทั้งๆที่พี่ๆเขาก็ท้วง พอออกมาจริงแล้วจึงรู้สึกว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ การดูแลคุณพ่อไม่ได้ง่าย พ่อไม่เหมือนเดิม พ่อออกจะโหดกับคนที่อยู่ใกล้ ส่วนคนที่อยู่ไกลเขาก็ไม่ต้องเดือดร้อน แต่เราเหมือนจะถูกแกล้งให้หดหู่ลงทุกวัน บางครั้งพ่อก็แกล้งดื้อเพื่อให้หนูต้องลำบาก เหมือนกับว่าเพื่อจะทดสอบอะไรหนู
อ่านต่อความนิยมกินวิตามินแร่ธาตุเป็นอาหารเสริมนั้นนิยมกันมากแน่นอน การวิเคราะห์ผลสำรวจโภชนาการแห่งชาติของอเมริกา (NHANES) พบว่า49% ของคนอเมริกันทุกอายุกินวิตามินแร่ธาตุเสริมทุกวัน โดย 33% เป็นการกินแบบวิตามินรวม ที่เหลือก็เจาะจงกินสารพัดตามความเชื่อของตน เช่นวิตามิน เอ. บี. ซี. อี. (28%) บ้างก็กินแร่ธาตุเช่นเหล็ก เซเลเนียม โครเมียม
อ่านต่อเรียน นพ.สันต์ ที่เคารพ วันนี้มีคนFwd.เมล์หัวข้อ ความจริงเรื่อง Cholesterol มาให้ ทำให้คนที่ไม่อยู่ในวงการแพทย์/นักวิจัย อย่างดิฉันสับสนว่า แท้จริงแล้วสำหรับคนที่LDL / Triglyceride สูงควรกินยา หรือไม่ คงจะคล้ายเรื่องกินไข่นะคะ จึงขอส่งบทความมาให้คุณหมออ่านเล่น และหากจะกรุณาช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ (ตอนนี้ดิฉันเริ่มออกกำลังกายมากขึ้น และลดการบริโภคแป้ง ทานผลไม้มากขึ้น อีก 3 เดือน จะเจาะเลือด
อ่านต่อขอรบกวนเวลาคุณหมอนะคะ ขอคุณหมอทนอ่านด้วยนะคะ และโปรดให้ความเมตตากับหนูด้วย หนูทุกข์ใจแสนสาหัสมาตั้งแต่จำความได้ แต่หนูไม่เคยบอกใคร หนูอาย ขอใช้คำแทนตัวว่าหนูนะคะ เพราะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเหมือนได้คุยกับญาติผู้ใหญ่คนนึง หนูเคยรักษาอาการที่ รพ.ศรีธัญญาอยู่ 2 ปี หมอให้กินแต่ยา
อ่านต่อสวัสดีค่ะ คุณหมอ ขณะที่เราต้องตัดสินใจบนทางเลือกที่ไม่รู้จุดหมายปลายทางจะทำอย่างไรดีคะ ขออนุญาตเล่าเหตุการณ์ พ่อตรวจพบมะเร็งที่ปลายลำไส้ใหญ่เมื่อ 7 ปีที่แล้ว (2548) รักษาโดยการผ่าตัดลำไส้ออก 1 ฟุตและสังเกตุอาการมาเรื่อยๆ ไม่ได้รักษาวิธีการใดๆ ต่อ ปัจจุบันอายุ 81 ปี 8 เดือน ตรวจพบมะเร็งที่ปอดขนาดประมาณ
อ่านต่อวันนี้เป็นวันที่มีคนเปิดอ่าน (page view) ของบล็อกนี้ครบ 1,000,000 ครั้ง พอดี ปัจจุบันนี้อัตราการเปิดอ่านบล็อกนี้อยู่ที่เดือนละ 94,152 ครั้ง หรือเฉลี่ยวันละสามพันครั้ง นับว่ามีคนเปิดอ่านมากพอควรทั้งๆที่เป็นบล็อกที่พูดแต่เรื่องที่น่าเซ็งซื่อบื้อและไร้ความตื่นเต้นที่สุด นั่นคือเรื่องการดูแลสุขภาพ ผมมีความใฝ่ฝันจะเผยแพร่ความรู้ให้คนรู้จักดูแลสุขภาพตัวเองมาตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียนแพทย์ จำได้ว่าครั้งหนึ่งอาจารย์ให้ไปฝึกงานด้านจิตเวช ด้วยการไปสอนนักเรียนในโรงเรียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสุขภาพจิตด้วยตัวเอง ผมรู้สึกว่าการพูดในชั้นเรียนของนักเรียน
อ่านต่อคำนำ ในชั้นเรียนออกกำลังกายที่ผมสอนให้ผู้ป่วยอยู่ประจำ พบว่าผู้เรียนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุแล้วมักจะลืมหลักลืมท่าเมื่อกลับไปถึงบ้าน ทำให้การออกกำลังกายที่บ้านทำได้ไม่ต่อเนื่อง การทำคู่มือนี้ขึ้นมาผมหวังว่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ อีกอย่างหนึ่ง ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะคนป่วยและคนสูงอายุ ก็มักจะนึกไปถึงการออกไปเดินเล่นเบาๆนอกบ้านเท่านั้น ทั้งๆที่งานวิจัยทางการแพทย์ล้วนสรุปพ้องกันว่าการออกกำลังกายที่จะมีผลดีต่อสุขภาพนั้นต้องมีทั้งส่วนที่เป็นแอโรบิก คือออกกำลังกายต่อเนื่องหนักพอควรให้ระบบหัวใจหลอดเลือดแข็งแรง และส่วนที่เป็นการฝึกกล้ามเนื้อหรือเล่นกล้าม ซึ่งมีหลักฐานว่าช่วยป้องกันและรักษาโรคได้จำนวนมาก แต่กลับปรากฏว่าประเด็นสำคัญสองประเด็นนี้ คือ (1) การออกกำลังกายแบบต่อเนื่องต้องให้ถึงระดับหนักพอควร
อ่านต่อ