Latest

Thought เกิดขึ้นจาก Consciousness ดำรงอยู่ใน Consciousness และดับหายไปใน Consciousness

(ภาพวันนี้ / ดนตรีคลาสสิกที่บ้านโกรฟเฮ้าส์วันมี Camp For Coach เมื่อ 3 สค. 66)

อาจารย์คะ

วิชาแพทย์เราแบ่ง mind เป็น conscious mind และ subconscious mind หนูเข้าใจว่า ความคิดเป็น conscious mind ใช่ไหมคะ
แล้วตัวสติที่มาตามรู้ทันความคิด เป็นอะไรคะ เป็น subconscious mind หรือเปล่าคะ
พอตามรู้ทันความคิดแล้ว เมื่อความคิดนั้นหายไปกลายเป็นความว่างอยู่ ไม่มีความคิดอะไรเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง เพราะอะไรคะ
เคารพ
…………………………………………….

ตอบครับ

1. Conscious mind และ subconscious mind เป็นการแบ่งตามคอนเซ็พท์จิตวิเคราะห์ ซึ่งย้อนยุคไปสมัยฟรอยด์โน่นเลย ผมเข้าใจว่านักเรียนแพทย์สมัยนี้ไม่ต้องเรียนฟรอยด์กันแล้วนะ โดยนัยของฟรอยด์นี้ conscious คือความคิด (thought) ขณะที่ subconscious คือความจำ (memory) ซึ่งสะสมฝังแฝงซุกซ่อนไว้ ทั้งหมดนี้เป็นประเด็นสารัตถะหรือเนื้อหา (content) ของสิ่งที่อยู่ในใจเรา

2. ส่วน “สติ (awareness)” นั้นในวิชาแพทย์มันเป็นคอนเซ็พท์ทางวิสัญญีวิทยา เป็นประเด็นระดับความตื่นหรือความสามารถรับรู้ หรือ level of consciousness เป็นคนละประเด็นกับเนื้อหาสาระของสิ่งที่อยู่ในใจหรือ content of mind

3. ส่วนคอนเซ็พท์ในทางจิตวิญญาณ (spirituality) หรือทางศาสนา ความรู้ตัวหรือ consciousness คือพื้นที่ว่างเปล่ากว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ดำรงอยู่อย่างเป็นอิสระจากสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เรารู้ได้เห็นได้(รวมทั้งความคิดด้วย) เปรียบเหมือนท้องฟ้าที่ดำรงอยู่ก่อนที่จะมีก้อนเมฆ และดำรงอยู่อย่างเป็นอิสระต่อการมีหรือไม่มีก้อนเมฆ

เอ้า..ตอนนี้คุณฟังให้ดีนะ ความคิด (thought) นั้นเกิดจากความรู้ตัว (consciousness) นั่นแหละ เกิดแล้วก็ดำรงอยู่ในความรู้ตัว แล้วก็ดับหายไปในความรู้ตัว หมายความว่าความรู้ตัวนั่นแหละเป็นแบ้คกราวด์หรือเป็นวัตถุดิบร่วมผสมกับวัตถุดิบอื่นๆปั้นเป็นความคิดขึ้นมา พอความคิดเกิดขึ้นแล้วมันดำรงอยู่ได้สักพัก พอเหตุเกื้อหนุนให้เกิดความคิดนั้นขึ้นมาหมดไป ความคิดนั้นก็จะฝ่อหายไป หายไปในความรู้ตัวนั่นเอง

4. ถามว่าพอตามรู้ทันความคิดแล้ว เมื่อความคิดนั้นหายไปกลายเป็นความว่างอยู่ ไม่มีความคิดอะไรเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง เพราะอะไรคะ ตอบว่าทุกความคิดล้วนเกิดขึ้นบนแบ้คกราวด์เดียวกันคือความรู้ตัว (consciousness) ซึ่งมีธรรมชาติเป็นความว่างเปล่าที่มีความตื่นและมีความสามารถรับรู้ได้ เมื่อความคิดฝ่อหายไป ก็เหลือแต่แบ้คกราวด์คือความรู้ตัวเจ้าเก่า ยิ้มเผล่ อยู่นั่นเอง ตรงความรู้ตัวขณะปลอดความคิดนี้เป็นโอกาสดีนะที่คุณจะได้คุ้นเคยกับธรรมชาติของมัน มันมีธรรมชาติเป็นความสงบเย็นแต่ก็มีความสร้างสรรค์อยู่ในที สงบเย็นเพราะมันปลอดอีโก้ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักของความคิด สร้างสรรค์เพราะในความว่างเปล่านั้นมันมี “พลังปัญญา” ที่คอยเปิดเผยอะไรดีๆหนุกๆต่อคุณได้

ความรู้ตัวที่ปลอดความคิดนี่แหละ ที่นอกจากคำเรียกง่ายๆดกดื่นเช่นความรู้ตัว (consciousness) แล้ว ยังมีคนพยายามตั้งชื่อเรียกกันไปต่างๆนาๆ เช่น เต๋า (Tao) บ้าง พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ (Holy spirit) บ้าง พระเจ้า (God) บ้าง นิพพาน (Nirvana) บ้าง ปรมาตมัน (Prmatman) บ้าง แต่ผมแนะนำให้คุณเรียกมันแบบบ้านๆว่า “ความรู้ตัวขณะปลอดความคิด” นะดีแล้ว

คุณเอ่ยถึงตรงนี้ก็ดีนะ ผมแนะนำคุณให้ฝึกถอยเข้ามาอยู่ตรง “ความรู้ตัวขณะปลอดความคิด” นี้บ่อยๆ มาแต่ละครั้งให้อยู่ให้ได้นานๆ คุณฝึกได้ทุกที่ทุกเวลาไม่ว่าจะตื่นหรือหลับ เครื่องมือหลักก็คือ “การสังเกต” ดูความคิดแบบที่คุณใช้อยู่นั่นแหละ แล้วชีวิตของคุณจะสงบเย็นและสร้างสรรค์ แล้วในชีวิตนี้คุณจะไม่กลัวอะไรอีกต่อไป เพราะตรงความรู้ตัวที่ปลอดความคิดนี้ อีโก้ ซึ่งเป็น..ขอโทษ อีปอดแหก เธอไม่ได้มาอยู่ด้วย

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์