Latest

โรคพิมพ์นิยมของชายไทยวัยสามสิบ+

 สวัสดีค่ะคุณหมอ ขอรบกวนขอคำแนะนำเลยนะคะ แฟนหนูอายุ 32 ปี ความดันสูงมาก ตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาลเพื่อรอการรักษาและวินิจฉัยโรค เข้าโรงพยาบาลประมาณ  9 โมงเช้า วันที่ 10 ธ.ค.อาการที่เป็นก่อนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลคือ มีอาการเกร็งและกระตุกเล็กน้อยก่อนจะเป็นลมหมดสติไป
(ฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะทำงานค่ะ มีคนเห็นและช่วยปฐมพยาบาลก่อนนำส่งโรงพยาบาลค่ะ) ถูกส่งตัวเข้าที่โรงพยาบาลใกล้ที่ทำงานและถูกส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาล…..ค่ะ
(ประกันสังคมค่ะ) ด้วยการรักษาและการวินิจฉัยของแพทย์ที่นี่ค่อนข้างจะน่าตกใจและน่ากังวลมาก หนูตกใจมากแต่ก็ตั้งสติและพยายามรวบรวมข้อมูลที่ได้จากแพทย์ห้องฉุกเฉินทั้งหมดมาหาคำตอบจากกูเกิ้ล และช่างโชคดีเหลือเกินที่เจอบล็อกของคุณหมอที่มีคนส่งเรื่องที่เป็นความดันสูงตั้งแต่อายุ 29 หนูได้อ่านรายละเอียดคำตอบของคุณหมอแล้ว มีประโยชน์กับคนป่วยและครอบครัวมากเลยค่ะผลการวินิจฉัยของแพทย์ที่หน้าห้องฉุกเฉินครั้งแรกคือ ความดันสูงมาก มีภาวะไต ตอมไร้ท่อแล้วก็อะไรอีกก็ไม่รู้ค่ะ แต่แพทย์ก็ยังระบุว่ามีความน่ากังวลด้านสมอง ตอนนั้นหนูตกใจมากเลย เพราะหนูกับแฟนอยู่กทม.แค่ 2 คน (บ้านเกิดแฟนอยู่หาดใหญ่ค่ะ) หนูก็พยายามตั้งสติและถามรายละเอียดของอาการป่วยของแฟน ว่ามีอะไรบ้าง อะไรน่าจะเป็นสาเหตุบ้าง และมีแนวทางไหนที่จะตรวจได้ละเอียดและชัดเจนกว่านี้ เพราะแฟนหนูไม่เที่ยวและไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขอะไรเลย ไม่ได้เป็นคนทานอาหารมันหรือรสจัดอะไรเลย แต่สาเหตุที่น่าสงสัยคือพักผ่อนน้อย ใช้สายตาเยอะ ความเครียดจากงาน และชอบทานขนมของหวานค่ะ นอกนั้นก็ไม่มีนะคะหนูก็ได้บอกรายละเอียดพวกนี้กับแพทย์ไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีการชี้แจงว่าจะต้องรอตรวจหรือวินิจฉัยอะไรบ้าง แฟนหนูเป็นคนใจอ่อนและขี้กลัวมาก หนูสงสารเขา อยากจะย้ายไปโรงพยาบาลที่เร็วกว่านี้ก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่ามันจะเป็นอันตรายต่อการเจ็บป่วยของแฟน (แฟนหนูรู้สึกสึกตัวดีตั้งแต่ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลแรกแล้วค่ะ) หนูพยายามที่จะไปบอกกับแพทย์และพยาบาลว่า ถ้าต้องการตรวจให้ชัดเจนรวดเร็วและดีกว่านี้ มีรายละเอียดค่าใช้จ่ายอะไรก็แจ้งมาได้เลย หนูจะได้เอาเงินมาจ่ายก่อนก็ได้ เพราะหนูพอจะเข้าใจระบบโรงพยาบาลที่มีประกันสังคมอยู่บ้าง และกว่าที่แฟนหนูจะได้ทำ MRI ก็สี่โมงเย็นแล้วค่ะ และกว่าอาจารย์หมอของโรงพยาบาลมาอ่านผลก็ดึกมากแล้วค่ะ แต่เบื้องต้นมีแพทย์อีกท่านมาบอกรายละเอียดผลจากที่ทำ MRI ว่าไม่มีอาการทางสมองและเนื้องอก เลยโล่งใจมาก มีแต่ความดันสูงมากในคนอายุแค่นี้ หนูเลยลองมาหาข้อมูลในกูเกิ้ลและได้พบบล็อกของคุณหมอ มันมีประโยชน์มากจริงๆนะคะ แต่ที่หนูต้องส่งเมล์มารบกวนขอคำแนะนำจากคุณหมอ ก็เพราะว่าตอนนี้ แฟนหนูยังไม่ได้รับการตรวจหรือวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงสักทีเลยค่ะ ทั้งที่ตอนแรกแจ้งอาการว่ามีเรื่องไต ต่อมไร้ท่อ สมอง ความดัน สรุปว่าหนูกลัวแฟนเครียดตายก่อนค่ะ เพราะเค้ากังวลมาก ว่าป่วยเป็นอะไรกันแน่ คุณหมอช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมคะ ว่าแม่ของแฟนจะย้ายแฟนหนูไปตรวจและรักษาที่หาดใหญ่ค่ะเพราะมันน่าจะสะดวกและอุ่นใจสำหรับคนไข้และครอบครัวค่ะ ขอความกรุณาส่งคำแนะนำมาเร็วๆนะคะ และต้องขอโทษคุณหมออย่างมากๆเลยนะคะ ที่หนูเขียนเมล์ไร้สาระมาเยอะไปหน่อย มันกดดันนะคะ ขอบคุณนะคะที่คุณหมอเป็นที่พึ่งให้แก่คนอย่างเราๆ ขอบคุณจริงๆค่ะ และสิ่งที่หนูและแฟนจะตอบแทนให้คุณหมอได้ ก็คือมีน้ำใจเมตตา ให้ความช่วยเหลือกับคนอื่น สุดท้ายนี้ ขอคุณอำนาจพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้คุณหมอและครอบครัวพบความสุข ความเจริญยิ่งๆขึ้นไปนะคะ

………………………………………..
ตอบครับ
ผมชอบคำพูดของคุณที่ว่า
 “..สิ่งที่หนูและแฟนจะตอบแทนให้คุณหมอได้ ก็คือมีน้ำใจเมตตาให้ความช่วยเหลือกับคนอื่น..”
     มันทำให้ผมนึกถึงสมัยผมอายุประมาณสิบ 12 ปี เป็นเด็กวัดอยู่ที่วัดป่าซาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย วัดของผมเป็นวัดบ้านนอกก็จริง แต่ความที่เคยเป็นวัดเก่าของท่านเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดมาก่อน นานๆท่านเจ้าคุณซึ่งอายุเจ็ดสิบกว่าแล้วก็จะแวะมาค้างทีหนึ่ง มาแต่ละทีก็จะเรียกหา “ไอ้สันต์” ซึ่งเป็นเด็กวัดคนเดียวที่รู้หนังสือดีกว่าเขาเพื่อนมาทำหน้าที่อาลักษณ์ คือท่านเป็นคน dictate ด้วยปากเปล่า ส่วนผมเป็นคนเขียน มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านเขียนจดหมายไปถึงสมเด็จพระสังฆราช มีใจความว่าขอบคุณที่พระสังฆราชได้ให้ความเอื้อเฟื้อตอนที่ท่านป่วยแล้วลงไปรักษาตัวที่กรุงเทพจนหาย จดหมายนั้นมีความตอนหนึ่งว่า
“… พระคุณของท่านครั้งนี้ ผมจะจดจำและตั้งใจทดแทน ด้วยการตั้งหน้าบำเพ็ญศาสนกิจเพื่อประโยชน์สุขของชาวบ้านทั้งหลายให้ยิ่งๆขึ้นไป..”
     สำนวนเหมือนคุณเด๊ะเลย คือมีเนื้อหาขอบคุณแบบประหยัดเงิน แต่ฟังแล้วชื่นใจ.. เข้าท่าดีนะ
     เอาละ มาตอบคำถามของคุณดีกว่า

1.. สิ่งที่สามีคุณเป็นนั้น หมอเขาเรียกว่า Hypertensive encephalopathy แปลว่า “ภาวะความดันเลือดสูงที่ถึงขั้นทำให้ระบบประสาทและสมองเสียการทำงานชั่วคราว” ซึ่งเมื่อเอาความดันเลือดลงมาทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ และยิ่งได้ทำ MRI ยืนยันแล้วว่าในสมองไม่มีเนื้องอก ไม่มีเลือดออก ไม่มีเนื้อสมองตาย ก็ยิ่งยืนยันว่าการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ถูกต้องแล้ว

2.. การที่แฟนคุณฟื้นขึ้นมา และความดันก็ลงมาแล้ว เป็นการสิ้นสุดของภาวะ hypertensive encephalopathy แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการเริ่มต้นหนังเรื่องยาว คือการสืบค้นสาเหตุของความดันเลือดสูงในคนอายุน้อย ซึ่งนอกจากการตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้ว ควรจะต้องตรวจคัดกรอง

2.1  โรคอ้วน  (ด้วยการดูดัชนีมวลกาย ซึ่งคำนวณจากน้ำหนักและส่วนสูง)
2.2  โรคหลอดเลือดคอดกลางตัว (coarctation of aorta) ด้วยการวัดความดันแขนเทียบกับขา
2.3  โรคไตอักเสบชนิดต่างๆ (ด้วยการตรวจปัสสาวะและตรวจเลือดดูการทำงานของไตหรือ GFR และดูระดับโปตัสเซียมในเลือด ถ้าผิดปกติก็ต้องตรวจต่อไปด้วยการดูภาพของไตและ/หรือตัดชิ้นเนื้อไตมาตรวจ
2.4  โรคเนื้องอกคาร์ซินอยด์ ด้วยการตรวจหาสาร 5-HIAA ในปัสสาวะ
2.5  โรคเนื้องอกต่อมหมวกไต (pheochromocytoma) ด้วยการตรวจปัสสาวะหาสาร VMA และ  HVA หรือทำ MRA ดูภาพของต่อมหมวกไต
2.6  โรคฮอร์โมนต่อมพาราไทรอยด์สูง (hyperparathyroidism) ด้วยการตรวจเลือดดูระดับแคลเซียม และดูตัวฮอร์โมนเอง
2.7  โรคความผิดปกติของฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ไม่ว่าจะเป็น ไฮเปอร์ หรือ ไฮโป ล้วนมีผลให้เกิดความดันเลือดสูงได้การตรวจก็ง่ายเพียงแค่ตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ (FT4) และฮอร์โมนกระตุ้นต่อมไทรอยด์ (TSH)
2.8  โรคต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ โดยการตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนสะเตียรอยด์ที่ต่อมหมวกไตผลิตออกมา ร่วมกับฮอร์โมนกระตุ้นต่อมหมวกไต (ACTH)
2.9  โรคเบาหวานลงไต   (diabetic nephropathy) ด้วยการตรวจเลือดดูระดับน้ำตาลหลังอดอาหาร (FBS) หรือน้ำตาลสะสมในเม็ดเลือด (HbA1c) ว่าเป็นเบาหวานหรือเปล่า
2.10          โรคไขมันในเลือดสูง โดยการตรวจเลือดดูระดับไขมันทั้งไขมันดี (HDL) ไขมันเลว (LDL) ไตรกลีเซอไรด์ แม้คุณจะบอกว่าแฟนไม่ชอบกินของมันก็ตาม เพราะคนไทยวัยนี้ที่เดินบนถนน ถ้าจับมาเจาะเลือดก็จะพบว่าประมาณครึ่งหนึ่งเป็นโรคไขมันในเลือดสูง
2.11          โรคหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไตตีบ (renovascular disease) ด้วยการตรวจช่องท้องด้วยภาพ ซึ่งสมัยนี้การตรวจที่ดีที่สุดคือตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กควบการฉีดสารทึบรังสี (MRA) ซึ่งนอกจากจะให้ภาพเนื้องอกที่อวัยวะในช่องท้องที่ทำให้ความดันขึ้นได้ รวมเนื้องอกทั้งที่ไตและที่ต่อมหมวกไตแล้ว ยังให้รายละเอียดของหลอดเลือดที่ไตด้วย

     ไม่ว่าจะไปรักษาที่ไหน จะต้องสืบค้นจนได้คำตอบแน่ใจว่าไม่ได้เป็น 12 โรคนี้ หากยังไม่ได้คำตอบก็เสาะหาไปจนได้คำตอบ อย่าอยู่กับความดันเลือดสูงไปโดยไม่ได้หาสาเหตุ เพราะครึ่งหนึ่งของโรคความดันเลือดสูงในคนอายุน้อย มักมีสาเหตุที่แก้ไข้ได้

3.. ถามว่าจะย้ายจากรพ.เอกชนในกรุงเทพกลับไปรักษาต่อที่หาดใหญ่ซึ่งใกล้บ้านดีไหม ตอบว่าดีครับ ไม่มีที่ไหนดีกว่าที่ใกล้บ้าน ที่โรงพยาบาล มอ. เขาก็เจ๋งดีนะครับ
4.. ข้อนี้ไม่ได้เกี่ยวกับคำถามของคุณนะ แต่ผมอยากอาศัยกรณีของแฟนคุณพูดกับท่านผู้อ่านทุกท่าน ว่าแฟนของคุณนี้ เป็นพิมพ์นิยมของชายไทยวัยสามสิบบวก คือใช้ชีวิตแบบกินอยู่หลับนอนตามสมัยนิยมเรื่อยมาซึ่งเผอิญเป็นวิถีชีวิตที่กินอาหารแคลอรี่สูงและขาดการออกกำลังกาย แล้วก็เกิดโรคเรื้อรังขึ้นกับระบบหลอดเลือดของร่างกายอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่ชีวิตกำลังขึ้น ขึ้น ขึ้น เหมือนจะไม่มีวันลง ก็เกิด…ป๊อก ต้องหามเข้าโรงพยาบาล แล้วก็เพิ่งจะพบว่าโรคเรื้อรังของระบบหลอดเลือดได้ดำเนินมายาวนานจนถึงระยะสุกงอมแล้ว บ้างก็เป็นความดันสูง บ้างก็เป็นไตพัง บ้างก็เป็นหัวใจขาดเลือด บ้างก็เป็นอัมพาต (ใช่..ทั้งๆที่อายุไม่ถึง 40 เนี่ยแหละ) ประเด็นของผมคือวิถีชีวิตของคนไทยวัยสามสิบบวกทุกวันนี้ เป็นวิถีชีวิตที่ผิดพลาดและบ่มเพาะโรคซึ่งจะทำให้ตัวเองไม่ได้ตายดี ทางแก้คือจะต้องตั้งหลักประเมินปัจจัยเสี่ยงสุขภาพของตัวเอง ปัจจัยง่ายๆเนี่ยแหละ อย่างเช่นดัชนีมวลกาย ความดัน ไขมันในเลือด น้ำตาลในเลือด ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงก็รีบลงมือแก้ไขปัจจัยเสี่ยง ด้วยการปรับวิถีชีวิตไปเสียอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีประเด็นสำคัญสามสี่ประเด็นเท่านั้นคือ (1) การออกกำลังกายให้ได้ระดับมาตรฐาน กล่าวคือออกกำลังกายแบบแอโรบิกให้ถึงระดับหนักพอควร คือหอบแฮ่กๆจนร้องเพลงไม่ได้ ครั้งละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 ครั้ง ควบกับการเล่นกล้ามสัปดาห์ละอย่างน้อย 2 ครั้ง (2) ปรับโภชนาการไปสู่อาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ มีผักและผลไม้มากๆ อย่างน้อยวันละห้าเสริฟวิ่ง (3) จัดการความเครียดให้ดีและพักผ่อนให้พอ (4) ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงสุขภาพตัวใดโผล่มาเป็นพิเศษ ก็จัดการปัจจัยเสี่ยงตัวนั้นเสียให้อยู่หมัด ทำแค่นี้ก็จะเป็นการสร้างชีวิตใหม่ให้ตัวเอง จะได้ไม่พาตัวเองไปสู่วัยชราที่เต็มไปด้วยโรคเรื้อรังสะง็อกสะแง็กแบบมีชีวิตไร้คุณภาพและเป็นภาระแก่สังคม พูดอย่างนี้ชายไทยวัยพิมพ์นิยมเก๊ทไหม.. ถ้าเก๊ท ก็ลงมือทำเสียสิครับ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

……………………………………….

จดหมายจากผู้ป่วย (14 ธค. 55)

 ขอบคุณนะคะคุณหมอ ขอบคุณมากจริงๆ คำตอบและคำแนะนำของคุณหมอมันมีค่ามากเลยนะคะ เพราะแฟนหนูมีกำลังใจที่ดีขึ้นมากเมื่อได้รู้ว่าคุณหมอตอบเมล์หนูแล้ว พรุ่งนี้แฟนหนูจะเดินทางกลับไปรักษาตัวต่อที่หาดใหญ่โดยที่มีคำแนะนำจากเมล์ของคุณหมอเป็นกูรูในการค้นหาโรค เพราะถึงตอนนี้โรงพยาบาลที่แฟนนอนรออยู่ก็ยังไม่ได้ระบุถึงสาเหตุที่ทำให้แฟนหนูมีความดันสูงถึง190 ทั้งๆที่ตอนแรกบอกว่าตรวจเจออาการผิดปกติหลายอย่างแต่วันนี้ตอนบ่ายสองก็มีพยาบาลมาถามว่าแฟนหนูออกจากโรงพยาบาลวันนี้กี่โมง งง เลยค่ะ ความดันยัง190อยู่เลย หนูเลยขอความเห็นใจจากพยาบาลเสียงเข้มว่าขอพักอยู่อีกคืนได้ไหมคะเรายินดีรีบจ่ายเงินส่วนต่างพันห้ากว่าๆให้เลยค่ะเพราะแฟนหนูความดันยังสูงอยู่เลย และเรายังไม่ได้จองตั๋วเครื่องบินกลับบ้านเลย เพราะเรายังไม่รับคำตอบเรื่องโรคและการออกจากโรงพยาบาลที่ชัดเจนเลยค่ะ แต่ที่แน่ คุณพยาบาลเสียงเข้มบอกหนูว่า
คุณหมอเจ้าของไข้บอกว่าความดันสูงของคนไข้เป็นเรื่องปกติค่ะ แต่ก็ไม่เป็นไรนะคะ เพราะอย่างน้อยๆประสบการณ์ที่หนูกับแฟนได้รับในครั้งนี้มันทำให้หนูอยากเป็นคนดียิ่งกว่าเดิมค่ะ หนูกับแฟนไม่ลืมสัญญาที่บอกกับคุณหมอไว้หรอกนะคะ เพราะก่อนหน้านี้หนูกับแฟนก็พยายามให้ความช่วยเหลือคนอื่นมาตลอดนะ แต่หลังจากได้รู้จักคุณหมอจากบล็อกและเมล์แล้วหนูกับแฟนก็อยากจะให้ความช่วยเหลือคนอื่นๆมากขึ้นค่ะ 

จบแล้วนะคะ เพราะง่วงค่ะ แต่ดีใจมากเลยต้องรีบเมล์ขอบคุณ ในความเมตตาของคุณหมอ
(โอกาสต่อไปหนูจะส่งเมล์มาขอความเมตตาจากคุณหมออีกนะคะ)