Latest

จดหมายจั่วหัวว่า “เจ็บปวดและปวดใจ”

เจ็บปวดและปวดใจ
เรียน หมอสันต์ที่เคารพ
    Sent from my iPhone
    ผมอายุ74ปี สูง165 นน.68 ไม่มีโรคความดัน เบาหวาน ไขมัน โรคหัวใจตับไตอะไร   เป็นข้าราชการบำนาญ   ผมไม่เคยเป็นโรคอะไรที่จะต้องเข้ารพ.มาก่อน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19ตุลาคมนี้ ผมปวดท้องอย่างรุนแรงและปวดมากขึ้นตลอด ไม่มีอาการคลื่นใส้อาเจียน มีใข้สูงตลอดคืนตนรุ่งเช้าจึงตัดสินใจไปเข้าโรงพยาบาลชื่อดังย่านถนนศรีนครินทร์ ไม่ยอมไปเข้าโรงพยาบาลของรัฐย่านราชประสงค์ ถึงแม้ว่าผมไม่ค่อยจะมีเงินและหักจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากกรมบัญชีกลางได้ แต่ผมมีความฝังใจอันเจ็บปวดและขมขื่นที่ข้าราชการชั้นผู้น้อยแบบผมประสบมาจนฝังใจมาตลอดว่าถ้ายังรู้สึกตัวและพอมีเงินเสียค่าหมอรพ.เอกชนบ้างก็ยอมเพราะว่าเราแก่แล้ว ใกล้ตายแล้ว  คือเมื่อปีพศ.2536 คุณพ่อผมเป็นโรคหัวใจ รพ.จากจังหวัดจันทบุรีส่งตัวเข้ามารักษาต่อ ต้องรอคิวอยู่นานกว่าจะได้หัองพักเดี่ยวเก่าๆท้ายตึกรอดูอาการไปก่อน ไม่มีการรักษาผ่าตัด บายพาสอะไร วันนึงพ่อทรุดหนักมากต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ พยาบาลมาแจ้งผมว่าเครื่องช่วยหายใจของตึกเราหมดเลย  เหลืออยู่เครื่องเดียวบนตึกของผู้ป่วยชั้นนายพล เราเป็นแค่พันโท(ยศตอนนั้น) เอาของเขามาใช้ไม่ได้ มันมีเครื่องชำรุดอยู่เอามาให้ผมใช้  ผมต้องใช้มือของผมนั่งปั๊มยืนปั๊มเครื่องมือช่วยหายใจให้พ่อผมอยู่จนถึงเที่ยงคืนจนพ่อผมตายไปต่อหน้าผมและแม่ผม มันเป็นความรู้สึกโกรธแค้น เจ็บปวด กับชีวิตข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ได้รับ ฝังใจจนมาถึงทุกวันนี้

    เข้าเรื่องครับ……   หมอวินิจฉัยว่าผมมีอาการใส้ติ่งอักเสบ ต้องผ่าตัดเร่งด่วนแบบแผลเปิดด้วยการใช้วิธีบล๊อคหลัง ผ่าเสร็จเข็นเข้าห้องพักฟื้น ครบ 8ชั่วโมงหมอและพยาบาลเข้ามาถามผมว่าปัสสาวะหรือยัง   โธ่ถังครับ ผมยังชาอยู่ครึ่งตัว ชาจนไม่รู้ว่าตัวเองยังมีขาอยู่หรือเปล่า  ท่อปัสสาวะก็ไม่ได้สวมให้ผมมาตั้งแต่ออกจากห้องผ่าตัดมาแล้ว ผมก็ยังชาและเดินไม่ได้ พยาบาลก็จัดการใส่ท่อสวนปัสสาวะให้ผม เสร็จแล้วก็เอาท่อปัสสาวะออกให้ผมนอนต่อไป บอกว่าปวดเมื่อใดก็เดินไปฉี่ในห้องน้ำ  หมอไม่ได้เย็บแผลผ่าตัดให้โดยอ้างว่าใส้ติ่งอักเส้บมากแตกขณะหมอตัดคีบดึงออกมา จึงต้องเปิดแผลไว้4วันรอดูการติดเชื้อ วันที่23 ตุลาคม หมอเย็บปิดแผล กลับบ้านได้ ไม่ได้รับยาอะไรกลับมากินต่อ ผมคิดในใจว่าการแพทย์เดี๋ยวนี้ก้าวหน้าดีจังนะ        วันที่1 พย.ตัดใหมกลับบ้าน ไม่มียาอะไร   พอตกตอนเย็นมีใข้สูงมากจนรุ่งเช้าเข้ารพ.เดิม  หมออายุกรรมรับตัวเข้ารักษาทันทีด้วยอาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ โดยหมออธิบายว่าหลังผ่าตัดใส่ติ่งเจ้าหน้าทีไม่ได้ใส่ท่อสายปัสาวะระบายน้ำจากกระเพราะปัสสาวะทิ้งไว้ ทำให้เริ่มมีอาการติดเชื้อมาตลอด    ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นความผิดของใคร   คราวนี้เอาใหม่ หมอใส่ท่อสายปัสสาคาทิ้งไว้เป็นวันเลย แล้วเริ่มให้ยาฆ่าเชื้อเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ เอ็กเรย์ปอด อัลตราซาวด์ช่องท้องน้อยใหม่ แผลผ่าตัดปกติ แต่พบอาการต่อมลูกหมากโตเล็กน้อยตามอายุขัย      ตกกลางคืนมีหมอเฉพาะทางเรื่องทางเดินปัสสาวะมาตรวจ แจ้งผมว่ามีอาการต่อมลูกหมากโตเล็กน้อย ถามผมเรื่องปัสสาวะก็แจ้งไปว่าเป็นปกติดี หมอขอใช้นิ้วสอดก้นเข้าไปคลำตรวจต่อมลูกมากพบลูกหมากโตนิดหน่อยเท่าที่พบในอัลตราซาวด์ ก็บอกผมว่าไม่เป็นไร     ก่อนนอนพยาบาลเอายา Cardura xl 4mg   มาให้กินบอกว่าช่วยขับถ่ายปัสสาวะ ก็ไม่เป็นไรเพราะยังใส่สายท่อปัสสาวะอยู่  วันรุ่งขึ้นถอดท่อปัสสาวะ ตกกลางคืนพยาบาลเอายา Cardura xl 4 mg มาให้กินก่อนนอนอีก     คราวนี้ทั้งคืนผมไม่ได้นอนเลยต้องลุกไปห้องน้ำทุกครึ่งชั่วโมง แต่ปัสสาวะผมกลั้นไม่อยู่ทุกครั้ง มันราดออกมาลงพื้นห้องก่อนทุกคร้ั้งเพราะผมไปแอบบอ่านรู้มาว่าตัวนี้มันไปขยายหูรูดกระเพราะปัสสาวะ ผมออกจากรพ.วันที่ 4พย หมอเจ้าของใข้ให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย(ยาปฏิชีวนะ)   มากิน10วันแล้วบอกหายแล้วไม่ต้องมารพ.แล้ว แต่พยาบาลเอายาCardura xl 4 mg  มาให้อีก10 เม็ดให้กินหมดอย่าหยุดยาเองโดยพิมพ์ชื่อหมอไว้ที่ซองยาด้วย   แล้วบอกว่าให้กลับมาพบหมอทึ่ให้ยา Cardura ใหม่ในวันที่ 9พย ผมตัดสินใจไม่ยอมกินยา Cardura เพราะกลัวต้องใส่ผ้าอ้อมเด็กไปตลอดชีวิต เนื่องจากกลั้นปัสสาวะไม่อยู่แล้ว  อยากเรียนถามหมอว่า 1 ผมควรกินยา cardura ตามหมอสั่งจนหมดไหม  2 ผมควรไปพบหมอตามใบนัดใหม  เพราะก่อนหน้านี้ ผมมีชีวิตเป็นปกติสุขอยู่ร่วมกับต่อมลูกหมากโตได้อย่างปกติสุข ขับถ่ายปกติ
ลงชื่อ พันตำรวจเอก ….
กรุณาอย่าลงชื่อจริงผม ลูกหลานผมยังอยู่ในราชการตำรวจหลายคน เกรงเขาไม่ได้รับความปลอดภัย

……………………………………………..

ตอบครับ

     1. ถามว่าเป็นต่อมลูกหมากโตเล็กน้อย กินยาคลายกล้ามเนื้อหูรูดท่อปัสสาวะ doxazosin(Cardura) แล้วมีอาการฉี่ราดและฉี่บ่อย จะไม่กินได้ไหม ตอบว่าไม่กินก็ได้ครับ ไม่มีตำรวจที่ไหนจะมาจับท่านด้วยเหตุไม่กินยานี้หรอก

     ยานี้ไม่ใช่ยาที่จะรักษาให้ต่อมลูกหมากโตหายโต มันเป็นแค่ยาบรรเทาอาการฉี่ลำบาก ฉี่ไม่ออก หากคุณไม่กินยาแล้วอาการฉี่ลำบากฉี่ไม่ออกมันไม่รุนแรงและชีวิตคุณดำเนินไปได้ ก็ไม่ต้องกินยานี้หรอกครับ ยิ่งกรณีมีผลข้างเคียงของยามาก ยิ่งสมควรหยุดยาไปเลยครับ

     ผลข้างเคียงของยานี้ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือมันทำให้ความดันตกเมื่อเปลี่ยนท่าร่าง ทำให้ผู้สูงอายุหน้ามืดหัวทิ่มพื้นได้ ดังนั้นใครที่กินยานี้แล้วมีอาการลุกแล้วหน้ามืดต้องระวังการลุกการนั่งให้ช้าๆ และควรกลับไปหาหมอให้ปรับขนาดยาลง
  
     2. ถามว่าก่อนหน้านี้ มีชีวิตเป็นปกติสุขอยู่ร่วมกับต่อมลูกหมากโตได้เป็นอย่างดี ตอนนี้หมอจะนัดให้มาหาที่คลินิกศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะทุกบ่อยๆ จะไม่มาตามนัดได้ไหม ตอบว่าได้ครับ จะมาไม่มาเป็นเรื่องของคนไข้ ส่วนการขยันนัดเป็นหน้าที่ของหมอ การนัดหมายของแพทย์ท่านทำไปตามรูทีน หรือตามหลักวิชา คือเมื่อรักษาโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายก็ต้องติดตามดูกันต่อเนื่องไปจนตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้ารักษาแบบทิ้งๆขว้างๆไม่ตามดูก็ถือว่าประกอบโรคศิลป์ผิดวิธี เกิดอะไรขึ้นคนไข้ก็จะมาฟ้องเอาได้ หมอเขาจึงต้องนัดมาหา ไหนๆมาแล้วมันก็ต้องตรวจโน่นตรวจนี่ให้ยาโน่นให้ยานี่เป็นธรรมดา

     ส่วนการที่คนไข้จะมาหรือไม่มาตามนัดเป็นดุลพินิจของคนไข้ ในกรณีของท่านนี้ หากผมเป็นท่าน ผมก็จะไม่ไปหาหมอ เพราะโรคที่เป็น หมอไม่มีปัญญารักษาให้หายดอก หมอจะช่วยผมได้ก็แค่ช่วยบรรเทาอาการให้ชีวิตผมมีคณภาพดีขึ้น ถ้าอาการผมไม่มากและชีวิตผมมีคุณภาพดีอยู่แล้ว ผมจะกลับไปหาหมอทำพรื้อละครับ

     ในกรณีที่จะไม่ไปตามหมอนัด หากท่านช่วยแจ้งให้หน้าห้องหรือทางโรงพยาบาลเขารู้สักหน่อยก็จะเป็นพระคุณ เพราะเวลาเขานัดเขาต้องจัดเวลาไว้ให้ ถ้าเราไม่ไปโดยไม่บอกเขา เวลาที่เขาจัดไว้ก็จะเสียเปล่า ถ้าเราบอกเขาเอาบุญหน่อยว่าเราไม่สะดวกจะไปตามนัด ก็จะเป็นพระคุณแก่เขาอย่างยิ่ง

     3. ที่พิลาปรำพันว่าในอดีตสมัยเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยได้รับการดูแลแบบทิ้งๆขว้างๆนั้น ตอบว่าโถ ท่านผู้กำกับครับ เรื่องมันผ่านไปตั้งกี่ปีแล้ว ท่านยังเก็บความเจ็บใจนั้นไว้อีกหรือ อย่าลืมว่าความตอนหนึ่งของจดหมายท่านบอกผมว่าตัวเองอายุมากแล้ว มีเงินก็ควรใช้ๆไปให้ตัวเองสบายใจ ตรงนี้ผมเข้าใจนะ แปลว่าเราตระหนักว่าเวลาในชีวิตนี้เหลืออยู่ไม่มาก ต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ให้เราเป็นสุข ท่านฟังให้ดีนะ ต้องใช้ชีวิต การใช้ชีวิตเขาใช้กันที่ปัจจุบัน ที่ที่นี่ เดี๋ยวนี้นะ ไม่ใช่ใช้ที่อดีตหรือที่อนาคต และความสุขที่แท้จริงนั้นก็มีอยู่แต่ที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่มีในอดีต หรืออนาคต เมื่อเรารำพึงถึงอดีตอันขมขื่น เรารำพึงถึงมันที่เดี๋ยวนี้นะ แล้วเป็นไง เดี๋ยวนี้เราก็เสียไปฟรีๆให้กับอดีตอันขมขื่นซึ่งไม่มีอะไรเป็นของจริงเหลืออยู่เลย แต่เดี๋ยวนี้ของเราเสียไปเสียแล้ว โอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตของเราเสียไปแล้ว ของดีๆเสียไปฟรีๆ นี่แสดงว่าท่านใช้ชีวิตแบบสับสนวกวนไม่เข้าใจตัวเองสิใช่ไหม ก็ในเมื่อท่านเพิ่งบอกผมหยกๆว่าเราแก่แล้ว ต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้คุ้มแบบไม่เสียดายเงินเอาให้สุขใจไว้ก่อน แต่ท่านกลับเอาเวลาเดี๋ยวนี้ซึ่งเหลืออยู่จำกัดและมีค่าเหลือเกินไปเสียให้กับอดีตอันขมขื่นแต่ไร้สาระ แบบนี้สับสนวกวนไม่เข้าใจตัวเองไหมละ

     4. บรรทัดสุดท้ายของท่านทำให้ผมต้องเผลอหัวเราะก๊ากจนเมียถามว่าอะไรหรือ ก็มันขำไหมละครับ ผมเป็นชาวบ้านธรรมดาผมยังไม่กลัวตำรวจเท่ากับท่านผู้กำกับซึ่งเป็นตำรวจด้วยกันเล้ย..ฮะ ฮะ ฮ่า ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์