Latest

ขอความรักบ้างได้ไหม?

สวัสดีค่ะคุณหมอ
หนูเป็นแฟนเพจในเฟสบุ้คของคุณหมอและติดตามอ่านเป็นประจำค่ะ
หนูเปิดเจอคลิปท่านพุทธทาสโดยบังเอิญเมื่อปีที่แล้วค่ะ เนื่องจากวุ่นวายใจจากความรัก เมื่อได้มีโอกาสฟัง หนูคิดว่าชีวิตของตนสงบขึ้นและมองเห็นธรรมชาติที่เป็นมิตรกับตัวเองค่ะ หนูดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาฟังจนหมด รวมทั้งเริ่มอ่านหนังสือด้วยค่ะ บ่อยครั้งที่หนูได้อ่านข้อเขียนจากคุณหมอ และหนูรู้สึกว่าแก่นของข้อเขียนนั้นมาจากความจริงเหมือนที่หนูได้เข้าใจจากท่านพุทธทาส หนูรู้สึกดีใจมากค่ะ
หนูพอใจในชีวิตตัวเองทุกอย่างค่ะ แม้มีความไม่สมบูรณ์แบบบ้าง แต่ก็ไม่มีทุกข์ ยกเว้นเรื่องความรักค่ะ หนูไม่เคยมีความรักที่ผูกมัดเลยค่ะ ไม่เคยมีใครมามอบรักให้แบบคนรัก จะมีก็แต่แบบผ่านมาผ่านไป หนูอายุ 29 ปี ค่ะ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย กำลังจะเรียนต่อปริญญาเอกค่ะ หนูเคยคิดว่าการได้รับความรักจากผู้ชายสักคนเป็นสิ่งที่หนูต้องได้รับ เหมือนการรับปริญญา แต่บ่อยครั้งที่หนูผิดหวัง เพราะไม่ได้รับความรักและใส่ใจจากผู้ชายที่คบหาดูใจ ทุกครั้งที่ผิดหวัง หนูจะเป็นทุกข์มากค่ะ ร้องไห้ฟูมฟาย แต่คนรอบตัว ทั้งครอบครัวและเพื่อนก็เป็นกำลังใจให้หนููเสมอ
หนูยังไขปริศนานี้ไม่ได้ค่ะ ทำไมหนูจึงไม่ได้เจอผู้ชายที่รักหนู ทำไมบางคนจึงเจอ หนูจะจัดการกับความกระวนกระวายใจเรื่อง “การไม่ได้เจอ” นี้อย่างไรดีคะ หนูอยากค้นหาความต้องการของตัวเองให้เจอ เผื่อหนูจะเข้าใจความจริงอีกข้อของชีวิตค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
(ชื่อ) ……………………
ปล.
คุณพ่อคุณแม่หนูหย่าขาด คุณพ่อเจ้าชู้ค่ะ สองปีมานี้หนูนัดพบสานสัมพันธ์จากแอปพลิเคชันหาคู่ ได้ศึกษาคุณหมอ 3 คนค่ะ ล้มเหลวไป 2 ส่วนคนปัจจุบันยังไม่แน่ใจค่ะ หนูเจ้าอารมณ์มาก กำลังพยายามปรับปรุง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคุณหมอรายนี้จะไปกันได้นานแค่ไหนค่ะ

……………………………………………………

ตอบครับ

     1. ถามว่าทำไมหนูจึงไม่ได้เจอผู้ชายที่รักหนู ทำไมบางคนจึงเจอ ตอบว่าคนที่จะได้พบกับความรัก หรือเป็นความรัก หรือถูกรักได้ จะต้องเป็นคนที่ไม่กลัวจะสูญเสีย หรือมีความพร้อม 100% ที่จะสูญเสีย “ตัวตน” หรือความเป็นบุคคลของตัวเองไป เพราะเมื่อหมดความหวงห่วงในตัวตนหรือความเป็นบุคคลของตัวเองไปจนหมดเกลี้ยงแล้วเท่านั้นแหละ สิ่งที่เรียกว่าความรักจึงจะปรากฎตัวให้เห็น

      แต่ถ้าคุณแสวงหาความรักแบบเข้าตลาดค้าขายแลกเปลี่ยน แบบที่เขาเรียกว่า barter trading สิ่งที่คุณจะพบก็คือการได้อย่างเสียอย่างทุกครั้งไป ถ้าคุณจะเอาแต่ได้ไม่ยอมเสีย ก็จะไม่มีใครยอมซื้อขายแลกเปลี่ยนกับคุณ นี่มันเป็นธรรมดา

     2. ถามว่าหนูจะจัดการกับความกระวนกระวายใจเรื่อง “การไม่ได้เจอรัก” นี้อย่างไรดีคะ ตอบว่าตราบใดที่ความสุขของคุณไปขึ้นกับสิ่งภายนอกตัวคุณ ตราบนั้นชีวิตคุณก็แขวนอยู่กับสถานะการณ์ข้างนอกไม่มีเลิกจนแผ่นดินกลบหน้า คุณก็จะมัวแต่หวั่นไหวกับสิ่งภายนอกซึ่งคุณคุมไม่ได้ แล้วชีวิตคุณจะสุขได้อย่างไร คุณต้องเลิกพึ่งพาสิ่งนอกตัวก่อน สิ่งที่เรียกว่าความรักหรือความงามซึ่งมีอยู่ข้างในอยู่แล้วจึงจะฉายแสงออกมาให้คุณสัมผัสได้ ถ้าคุณสนใจชีวิต ชีวิตก็จะเบ่งบานในตัวคุณ แต่ถ้าคุณไม่สนใจชีวิต คราวนี้ชีวิตคุณจะไปทางไหนก็ไม่มีใครรู้ได้แล้ว เมื่อคุณหันเหความสนใจออกไปจากเดี๋ยวนี้คุณพลาดความงามที่เบ่งบานรอบตัวคุณไปเสียแล้ว แล้วชีวิตคุณจะเต็มอิ่มได้อย่างไร
 
    คุณกลัวขึ้นคานหาคู่ไม่ได้ ความกลัวเกิดขึ้นเพราะคุณมีชีวิตอยู่ในความคิด คุณไม่ได้มีชีวิตอยู่ในชีวิตซึ่งปรากฎตัวทีละขณะๆที่เดี๋ยวนี้ ถ้าคุณอยู่กับประสบการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นที่ตรงหน้าเดี๋ยวนี้ ความคิดทั้งหลายจะไม่มีที่อยู่ ความกลัวซึ่งก็คือจินตนาการถึงอนาคตที่ไม่มีอยู่จริงก็จะหายไปเอง

     ผมจะบอกความลับให้นะ ทุกคนสามารถมีชีวิตที่เบิกบานร้อยเปอร์เซ็นต์ในตัวเองด้วยตัวเอง แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จึงไปเสาะหาความเบิกบาน สมใจ หรือสะใจ ที่ข้างนอก คือไปสำคัญผิด (identify) ว่าความคิดเป็นตัวเอง จึงหมดโอกาสที่จะได้พบกับความเบิกบานซึ่งจะเกิดเมื่อได้ถอยความสนใจออกมาจากความคิดมาอยู่กับความรู้ตัวซึ่งเป็นตัวเองที่แท้จริง แต่นี่คุณคอยสร้างความคิดขึ้นมาแล้วพยายามคิดแยกแยะในสิ่งที่คุณก็ไม่เคยมีประสบการณ์จริงกับมัน คุณกำลังลอกเลียนสิ่งรอบตัวคุณ คุณลอกจากคนนี้นิด จากคนโน้นหน่อย เอามาปั้นเป็นตัวคุณเอง ดังนั้นคุณคือผลผลิตของสิ่งแวดล้อมรอบตัวคุณ ทำไมคุณไม่เลิกสร้างความคิดเสีย แล้วมีประสบการณ์กับของจริงที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าทุกโมเมนต์อย่างเปิดใจยอมรับมัน

     อีกอย่างหนึ่ง คุณรู้ไหมขณะที่คุณได้ปลื้มเมื่อคุณพยายาม “เลือก” หรือ making choice คุณคิดว่าคุณมีอิสระเสรีจะเลือกอะไรก็ได้นั้น แท้จริงแล้วความอยากเลือกของคุณนั้นเป็นการถูกบังคับหรือถูกย้ำ (compulsion) ให้คุณจากฝีมือของประสบการณ์ในอดีตของคุณเอง ยกตัวอย่างเช่นคุณบอกตัวเองว่าฉันเลือกที่จะมี ผ. นี่เป็นการใช้ชีวิตเสรีของฉันเอง แต่ความเป็นจริงคือความอยากมี ผ. มันเกิดจากการเรียนรู้ในอดีตที่ผ่านมาแล้วฝังเป็นความคิดเชิงบังคับหรือย้ำให้คุณคอยคิด มันเป็นแค่ conditioned reflex ที่บงการโดยความคิดในอดีตของคุณเอง มันเป็นเพียงการใช้ชีวิตไปตามร่องเก่าบูดๆอับๆเดิมๆ ไม่ใช่การแสวงหาความรักที่เลิศลอยวิลิศมาหราอะไร บางครั้งความอยากมีคู่ครองก็เกิดจากความอยากบันเทิงเพื่อกลบเกลื่อนความบ้าหรือความว้าเหว่ข้างใน ถ้าไม่มีความบ้าข้างใน คนเราก็ไม่ต้องมีความอยากอะไร แค่นั่งมองหน่อไม้โผล่ขึ้นมากลายเป็นกอไผ่ก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องไปเสาะแสวงหาความบันเทิงอะไรอีกทั้งสิ้น

     อนึ่ง ถ้าคุณบอกตัวเองทุกวันว่าวันหนึ่งคุณจะต้องตายนะ คุณก็จะเคลื่อนเข้าไปใกล้การรู้สิ่งรอบตัวในมิติที่ลึกเข้าไปอีกหน่อยหนึ่ง เพราะการตระหนักว่าเราจะต้องตาย ร่างกายนี้วันหนึ่งต้องเน่าไป จะช่วยเปิดชีวิตสู่ปัญญาญาณอีกระดับหนึ่งที่อยู่เหนือความตายและการเน่าเปื่อย นั่นก็คือความรู้ตัว ซึ่งเป็นแหล่งของความสุขสงบเย็นที่แท้จริง

     3. ข้อนี้คุณไม่ได้ถามแต่ผมแถมให้ คือคุณอยากพบเจ้าชายในฝัน อยากมีคู่ คุณลองมีได้ ผมสนับสนุนนะ มันเป็นวิถีโลกิยะ (mundane) เป็นแรงดันของฮอร์โมน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ผมไม่ได้คัดค้าน ผมสนับสนุนให้คุณได้ใช้ชีวิตให้เต็มศักยภาพที่ชีวิตคุณเกิดมามี ซึ่งหากคุณอยากจะลองมีคู่จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก คุณก็ไปในที่ที่คนเขาอยากมี ม. อยู่กันแยะๆสิ เช่นค่ายทหารเป็นต้น (หิ หิ พูดเล่น) แต่ประเด็นสำคัญคือไม่ว่าคุณจะหมกมุ่นกับอะไรจริงจังมากมายแค่ไหนก็ตาม คุณต้องยั้งไว้นิดหนึ่งเสมอว่านั่นเป็นเพียง “ความคิด” หรือความเป็น “บุคคล” ของคุณเท่านั้นนะ ไม่ใช่คุณที่แท้จริง เหมือนคุณเล่นละครในบทบาทเจ้าหญิง เจ้าหญิงนั้นเป็นเพียงเจ้าหญิงในละคร คุณตัวจริงเป็นแค่ผู้รับจ้างเล่นละคร พอละครจบ คุณก็จะผลัดเสื้อผ้าไปจ่ายตลาดเตรียมทำอาหารเย็นแล้ว นั่นคือชีวิตจริงของคุณ เพราะคุณไม่ได้เป็นเจ้าหญิงจริงๆสักหน่อย ถ้าคุณอยากลองมีคู่ คุณต้องลองด้วยโลกทัศน์อย่างนี้คุณจึงจะไม่ต้องทุกข์ร้อนภายหลัง

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์