Latest

แค้มป์พลิกผันโรคด้วยตนเอง (RDBY-20)

เงียบหายไปตั้งแต่ก่อนปีใหม่ตามนโบบายโควิดของลุงตู่ ตอนนี้โควิดดูอ่อนแรงและใกล้ทำสัญญาสงบศึกกันเต็มทีแล้ว ผมหมายถึงว่ายอมรับโควิดเป็นโรคประจำถิ่นแล้วเลิกควบคุมเสียอย่างสิ้นเชิง จังหวะนี้ผมขอแจ้งกลับมาเปิดแค้มป์พลิกผันโรคด้วยตนเอง (Reverse Disease By Yourself – RDBY) ครั้งใหม่ (RDBY-20 (วันที่ 10-14 มีค. 65) ซึ่งจะเป็นแค้มป์สุดท้ายที่จะจัดในรูปแบบเดิม ต่อจากแค้มป์นี้จะไม่มี RDBY camp อีกแล้ว แต่จะทดลองไปทำในรูปแบบใหม่ซึ่งเริ่มด้วยการให้คำแนะนำในการพลิกผันโรคเฉพาะคนผ่านคลินิกออนไลน์ก่อน (ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เปิด) เมื่อมีผู้ป่วยที่พลิกผันโรคด้วยตนเองไม่ได้เพราะขาดทักษะเฉพาะเรื่องจึงจะนัดมาเข้าแค้มป์พัฒนาทักษะเฉพาะด้าน ที่อาจจะเจาะลึกลงไปแค้มป์ละโรค เช่น เบาหวาน หัวใจ ความดัน เป็นต้น แค้มป์ RDBY20 นี้ผมจึงกะจะเก็บตกผู้ที่ตั้งใจจะมาเข้าแต่เดิมแต่สมัครไม่ได้เสียให้หมดในคราวนี้

     1. โครงสร้างของ RDBY-20

1.1 ใช้เวลามากินมานอนที่เวลเนสวีแคร์ 5 วัน 4 คืน
1.2 มาเข้าแค้มป์เหลือครั้งเดียว แล้วติดตามอย่างต่อเนื่องผ่าน We Care app บนอินเตอร์เน็ท
1.3 แยกลงทะเบียนระหว่างผู้ป่วยกับผู้ดูแล โดยผู้ดูแลจะได้ที่พัก กิน นอน เรียน ทำกิจกรรมเช่นเดียวกับผู้ป่วย แต่จะไม่ได้เข้าพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและประเมินปัญหาสุขภาพรายคน และจะไม่มีคำสรุปสุขภาพของแพทย์ใน We Care app dashboard

     2. ความเป็นมาของ RDBY

มันเริ่มจากตัวผมเองเคยป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ความที่อยากหนีจากแนวทางการรักษาแบบโรงพยาบาล (กินยา สวนหัวใจ บอลลูน ผ่าตัดบายพาส) จึงทบทวนงานวิจัยเพื่อหาทางออกอื่นและได้พบว่าการจัดการปัจจัยเสี่ยงของโรคโดยตัวผู้ป่วยเอง ทั้งในเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด การเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ทำให้โรคดีขึ้นกว่าการรักษาในโรงพยาบาลเสียอีก จึงลงมือทำกับตัวเอง เมื่อเห็นว่าได้ผลดีจนสามารถพลิกผันโรคให้หายจากเจ็บหน้าอกและเลิกกินยาความดันยาไขมันได้หมด จึงตัดสินใจเลิกอาชีพหมอผ่าตัดหัวใจเปลี่ยนอาชีพมาเป็นหมอส่งเสริมสุขภาพ แต่เมื่อได้นั่งตรวจและสอนคนไข้ทีละคนอยู่ที่โรงพยาบาลก็พบว่ามันใช้เวลามากและช่วยคนไข้ได้เป็นจำนวนน้อย และวิธีนั่งตรวจมันยังแก้ปัญหาสำคัญที่คนไข้ต้องการไม่ได้ นั่นคือการขาดทักษะปฏิบัติการ ผมจึงเปลี่ยนแนวทางมาให้ความรู้กับคนป่วยคราวละหลายๆคน ทั้งในรูปแบบเขียนบล็อกตอบคำถาม และในรูปแบบแค้มป์กินนอนเพื่อเรียนรู้ทักษะในการป้องกันและพลิกผันโรคด้วยตัวเอง (RDBY) ซึ่งก็ทำมาได้เกือบสี่ปี ทำไปสิบกว่ารุ่นแล้ว

     3. แค้มป์ RDBY เหมาะสำหรับใครบ้าง

แค้มป์ RDBY จัดขึ้นสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังทุกโรค โดยเน้นที่ (1) โรคหลอดเลือด ทั้งโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง (อัมพาต) และโรคสืบเนื่องจากโรคหลอดเลือดเช่นโรคไตเรื้อรัง เป็นต้น (2) โรคเบาหวาน (4) โรคความดันสูง (4) โรคไขมันในเลือดสูง (5) โรคอ้วน (6) ผู้ต้องการป้องกันและดูแลตัวเองจากโรคสมองเสื่อม

แต่ในกรณีที่เป็นโรคมะเร็ง จะได้ประโยชน์จากแค้มป์นี้น้อย ผมไม่แนะนำให้มาแค้มป์นี้ ตัวผมเองยังไม่มีแค้มป์แนะนำสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เพราะผมเองเคยทำรีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็ง (CR) ไปแล้วสี่ครั้ง โดยตั้งธงความสำเร็จไว้ตรงที่ให้ผู้ป่วยยอมรับโรคมะเร็งได้และให้สามารถใช้ชีวิตอยู่กับโรคนี้ได้อย่างมีคุณภาพ แต่ประเมินผลแล้วทั้งสี่ครั้งพบว่าผมไม่ประสบความสำเร็จตามธงที่ตั้งๆไว้เลย จึงตัดสินใจหยุดทำ CR ไว้ดื้อๆแบบไม่มีกำหนด

         4. ภาพรวมของแค้มป์ RDBY

4.1 หลักสูตรนี้เป็นการใช้วิธีการแพทย์แผนปัจจุบัน (modern medicine) ในรูปแบบการแพทย์แบบอิงหลักฐาน (evidence based medicine) มีแพทย์เป็นผู้กำกับดูแล (medically directed) โดยใช้วิธีมองปัญหาของผู้ป่วยแบบองค์รวม (holistic care)

4.2 หลักสูตรนี้จัดสำหรับผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เน้นที่โรคหลอดเลือดทั้งหลอดเลือดหัวใจและสมอง เบาหวาน ความดันสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน และภาวะสมองเสื่อม

4.3 ในกรณีที่ผู้สมัครเข้าร่วมโปรแกรมนี้มีแพทย์เฉพาะทางเจ้าประจำอยู่แล้ว ป่วยไม่ต้องเลิกการรักษากับแพทย์เฉพาะทางที่ดูแลกันมาแต่เดิม เพราะแพทย์ประจำตัวของท่านที่เวลเนสวีแคร์จะทำหน้าที่เป็นแพทย์ประจำครอบครัว (family physician) ของท่านและเป็นพี่เลี้ยงให้ท่านดูแลตัวเองให้เป็น ส่วนการปรึกษาและใช้บริการของแพทย์เฉพาะทางเฉพาะโรคที่ทำมาแต่เดิมนั้นก็ยังทำต่อไปเหมือนเดิม

4.4 ผู้สมัครเข้าร่วมโปรแกรมนี้ไม่จำเป็นต้องยกเลิกยาหรือการรักษาที่ตนเองได้มาแต่เดิมในขณะที่เริ่มหันมาใช้วิธีดูแลตนเอง เพราะการรักษาโรคตามโปรแกรมนี้ใช้หลักวิชาการแพทย์แผนปัจจุบันเช่นเดียวกันกับการรักษาในโรงพยาบาล เพียงแต่มุ่งโฟกัสที่การเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลตนเองของผู้ป่วยในเรื่องการกินการออกกำลังกายและการใช้ชีวิตจนถึงระดับที่ผู้ป่วยดูแลตัวเองได้ด้วยตนเอง จึงสามารถทำคู่ขนานไปกับการรักษาในโรงพยาบาลได้ เมื่อผู้ป่วยดูแลตนเองได้ดีขึ้นแล้ว ตัวชี้วัดสุขภาพต่างๆจะค่อยๆบ่งชี้ว่าความจำเป็นที่จะต้องพึ่งการรักษาด้วยยาในโรงพยาบาลจะค่อยๆลดลงไปเองโดยอัตโนมัติจนสามารถเลิกยาได้เองในที่สุด

4.4 ผู้ป่วยจะต้องมาเข้าแค้มป์ หนึ่งครั้ง นาน 5 วัน 4 คืน

4.5 ในวันแรก ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจร่างกายโดยแพทย์ของเวลเนสวีแคร์ จัดทำฐานข้อมูลสุขภาพ วางแผนสุขภาพ และเก็บรวมรวมผลการตรวจร่างกายและตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษต่างๆไว้บนเฮลท์แดชบอร์ด (Health Dashboard) ซึ่งทั้งทีมแพทย์, ผู้ช่วยแพทย์ของเวลเนสวีแคร์ และตัวผู้ป่วยเองสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้ตลอดเวลาผ่านโทรศัพท์มือถือ

4.6 ในระหว่างที่อยู่ในแค้มป์ ผู้ป่วยจะได้เรียนความรู้สำคัญเกี่ยวกับโรคของตน ได้ฝึกทักษะที่จำเป็นในการจัดการโรคของตน การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด การสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองอย่างต่อเนื่อง การโภชนาการ ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องฝึกทำอาหารแบบกินพืชเป็นหลักในรูปแบบใกล้เคียงธรรมชาติ โดยไม่ใช้น้ำมัน (low fat PBWF) ด้วยตนเองด้วย แต่ทางเวลเนสวีแคร์ได้ทำอาหารสำรองไว้สำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำอาหารด้วยตนเองได้

4.7 เมื่อสิ้นสุดแค้มป์ 5 วันแล้ว ผู้ป่วยจะกลับไปอยู่บ้านโดยนำสิ่งที่เรียนรู้จากแค้มป์ไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน โดยสื่อสารกับทีมแพทย์และพยาบาลของเวลเนสวีแคร์ผ่านเฮลท์ We Care app. ทางอินเตอร์เน็ท ผู้ป่วยสามารถติดต่อสอบถามเรื่องต่างๆรวมทั้งการปรับลดขนาดยาเมื่อตัวชี้วัดเปลี่ยนไปด้วย โดยคาดหมายว่าภายในหนึ่งปีผู้ป่วยจะสามารถดูแลตัวเองต่อไปได้ด้วยตัวเอง

สมาชิกสามารถใช้ We Care app นี้เป็นที่เก็บข้อมูลผลแล็บ รวมทั้งภาพและวิดิโอ.ทางการแพทย์ ของตนเองได้ต่อเนื่อง และสมาชิกสามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง แก้ไข ข้อมูลสุขาพของตนได้ทุกรายการ ยกเว้น Doctor’s Summary ซึ่งต้องเขียนสรุปไว้โดยแพทย์เท่านั้นเพื่อใช้เป็นเอกสารให้ข้อมูลแก่แพทย์กรณีต้องเข้าโรงพยาบาล

อนึ่ง อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง สมาชิกมีหน้าที่ปรับปรุง (update) ข้อมูลดัชนีสุขภาพสำคัญเจ็ดตัวของตนคือ (1) น้ำหนัก (2) ความดัน (3) น้ำตาล (4) ไขมัน (5) จำนวนผักผลไม้ที่กินต่อวัน (6) เวลาที่ใช้ในการออกกำลังกายต่อสัปดาห์ และ (7) การสูบบุหรี่ เพื่อให้แพทย์ประจำตัวหรือทีมงานผู้ช่วยแพทย์ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงสุขภาพและวางแผนสุขภาพให้และบันทึกไว้บนแดชบอร์ดทุกปี

สมาชิกสามารถขอรับคำปรึกษาปัญหาจากแพทย์ประจำตัวของหรือทีมงานผู้ช่วยแพทย์โดยเขียนคำถามผ่านมาทาง We Care app คำถามของสมาชิกจะได้รับการสนองตอบโดยผู้ช่วยแพทย์ที่เฝ้าแดชบอร์ดอยู่ ซึ่งจะปรึกษาแพทย์ประจำตัวของสมาชิกในกรณีที่เป็นปัญหาที่ต้องแนะนำโดยแพทย์ การตอบคำถามด้วยวิธีนี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะขณะตอบแพทย์หรือทีมงานมีข้อมูลสุขภาพของสมาชิกรายนั้นอยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว

สมาชิกสามารถสั่งพิมพ์ใบสรุปข้อมูลสุขภาพ (Doctor’s Summary) แบบหน้าเดียวซึ่งเขียนโดยแพทย์ประจำตัวของตน ไปใช้เพื่อเวลาไปรับการตรวจรักษาในสถานพยาบาลต่างๆได้ทุกเมื่อ

4.8 ในกรณีที่เป็นผู้ทุพลภาพหรือช่วยเหลือตนเองไม่ได้ซึ่งตามปกติต้องมีผู้ดูแลประจำตัวอยู่แล้ว ต้องนำผู้ดูแลมาด้วย โดยผู้ดูแลต้องลงทะเบียนเป็นผู้ดูแล ทั้งนี้นอกจากอาหารและที่พักแล้ว ผู้ดูแลยังสามารถเข้าร่วมเรียนรู้และฝึกทักษะต่างๆเพื่อประโยชน์ในการติดตามดูแลผู้ป่วย แต่ผู้ดูแลจะไม่ได้พบแพทย์เพื่อตรวจประเมินปัญหาสุขภาพของตนเอง และจะไม่มีบทสรุปสุขภาพของแพทย์ในแดชบอร์ด ในกรณีที่ประสงค์จะได้รับการตรวจสุขภาพและประเมินปัญหาโดยแพทย์ด้วย ผู้ดูแลจะต้องลงทะเบียนเป็นผู้ป่วยอีกคนหนึ่งแยกจากตัวผู้ป่วยที่ตนดูแล เพื่อให้ได้คิวเวลาที่จะเข้าพบแพทย์ซึ่งจำกัดสิทธิ์ไว้เฉพาะผู้ป่วยเท่านั้น

     5. หลักสูตร (Course Syllabus) 

     5.1 วัตถุประสงค์

     5.1.1 วัตถุประสงค์ในด้านความรู้
คาดหวังให้ผู้ป่วยรู้สิ่งต่อไปนี้
a. รู้เรื่องโรคของตัวเอง ทั้งพยาธิกำเนิด พยาธิวิทยา อาการวิทยา
b. รู้จักตัวชี้วัดที่ใช้เฝ้าระวังการดำเนินของโรค
c. รู้ทางเลือกวิธีรักษาทุกวิธี และรู้ประโยชน์และความเสี่ยงของแต่ละทางเลือกอย่างละเอียด
d. รู้จักยาทุกตัวที่ตนเองได้รับ ทั้งชื่อ ขนาด วิธีกิน กลุ่มยา ฤทธิ์ยา และผลข้างเคียง
e . รู้ว่าตนเองสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ตนเองหายจากโรค
– ในแง่ของโภชนาการ รู้ประโยชน์ของอาหารพืชเป็นหลักแบบไขมันต่ำในรูปแบบใกล้เคียงธรรมชาติ (low fat, plant based, whole food) รู้โทษของเนื้อแดงและเนื้อสัตว์ที่ผ่านกระบวนการปรับแต่งหรือถนอม
– ในแง่ของการออกกำลังกาย รู้ประโยชน์และวิธีออกกำลังกายทั้งสามแบบ คือแบบแอโรบิก (aerobic exercise) แบบฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (strength training) และแบบเสริมการทรงตัว (balance exercise)
– ในแง่ของการจัดการความเครียด รู้ประโยชน์และวิธีจัดการความเครียดด้วยเทคนิคต่างๆซึ่งรวมศูนย์อยู่ที่การฝึกวางความคิด
– ในแง่ของแรงบันดาลใจ รู้จักพลังงานของร่างกาย (internal body) และการใช้พลังงานของร่างกายเป็นแหล่งบ่มเพาะแรงบันดาลใจให้ต่อเนื่อง
– ในแง่ของการร่วมกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน รู้ประโยชน์และพลังของกลุ่มและรู้วิธีทำกิจกรรมในกลุ่ม
f. รู้วิธีใช้ Health Dashboard ในการป้องกันและพลิกผันโรคด้วยตนเอง

     5.1.2. วัตถุประสงค์ในด้านทักษะ
คาดหวังให้ผู้ป่วยสามารถทำสิ่งต่อไปนี้ด้วยตนเอง
a.       บริหารจัดการโรคของตนเองได้โดยใช้ตัวชี้วัดพื้นฐาน 7 ตัว (1) น้ำหนัก (2) ความดันเลือด (3) ไขมันในเลือด (4) น้ำตาลในเลือด (5) ปริมาณผักผลไม้ที่กินต่อวัน (6) เวลาออกกำลังกายต่อสัปดาห์ (7) การสูบบุหรี่
b.       เลือกอาหารสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูปในตลาดที่เป็นอาหารพืชแบบไม่สกัดไม่ขัดสีได้
c.       ทำอาหารทานเองที่บ้านได้ เช่น ผัดทอดอาหารโดยใช้น้ำหรือใช้ลมร้อนแทนน้ำมันได้ อบถั่วและนัทไว้เป็นอาหารว่างเองได้ ทำเครื่องดื่มจากผักผลไม้โดยไม่ทิ้งกากด้วยตนเองได้
f.        ประเมินสมรรถนะร่างกายของตนเองด้วยการสังเกตอัตราการหายใจ การนับชีพจรจากเครื่องช่วยนับ และการทำ One milk walk test ให้ตัวเองได้
g.       ออกกำลังกายแบบแอโรบิกได้ด้วยตนเองได้
h.       ออกกำลังกายแบบฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยใช้ท่ากายบริหาร ดัมเบล สายยืด และกระบอง ได้ด้วยตนเอง
i.         ออกกำลังกายแบบเสริมการทรงตัวได้ด้วยตนเอง
j.         สามารถกำกับดูแลท่าร่าง (posture) ในชีวิตประจำวันของตนเองได้
k.       ผ่อนคลายความเครียดเฉียบพลันด้วยเทคนิค relax breathing ได้
l.         จัดการความเครียดในชีวิตประจำวันด้วยการฝึกวางความคิดผ่านเทคนิคต่างๆเช่น นั่งสมาธิ ไทชิ โยคะ ได้
m.     สามารถร่วมกิจกรรมกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน ทั้งในเชิงเป็นผู้เปิดแชร์ความรู้สึกและเป็นผู้ให้การพยุงได้
n. สามารถใช้ Health Dashboard ในการดูแลตนเองต่อเนื่องได้ด้วยตนเอง

5.1.3    วัตถุประสงค์ในด้านเจตคติ
คาดหวังให้ผู้ป่วยเกิดเจตคติต่อไปนี้
a.       มีความมั่นใจว่าตนเองมีอำนาจ (empowered) ที่จะดลบันดาลให้โรคของตัวเองหายได้
b.       มีความมุ่งมั่นในพันธะสัญญา (commitment) ที่จะเป็นผู้ดูแลตนเองไม่ให้เป็นภาระแก่คนอื่น
c.       มีความอยาก (motivated) ที่จะมีชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีความสุข

     6. ตารางกิจกรรมขณะอยู่ในแค้มป์ 

วันที่ 1 (ของ 5 วัน)

8.00-15.00 Registration & Meet with doctors
ลงทะเบียนเข้าแค้มป์ เช็คอินเข้าห้องพัก วัดดัชนีมวลกาย วัดความดันเลือด ตรวจเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ จัดทำเวชระเบียนส่วนบุคคล พบกับแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและจัดทำสรุปปัญหาสุขภาพเก็บไว้ในเวชระเบียน และขณะผลัดกันเข้าพบแพทย์ตามตารางเวลาที่จัดไว้ ทุกท่านต้องมาพบแพทย์ตรงตามเวลานัด เพราะท่านจะไปใช้เวลาของคนอื่นมิได้ และขณะผลัดกันเข้าพบแพทย์ตามตารางเวลาที่จัดไว้
16.30-19.00 น. Kitchen tour สาธิตสอนแสดงวิธีทำอาหารแบบ PBWF และฝึกทำอาหารด้วยตนเอง

19.00 – 20.00 น. ชั่วโมงสันทนาการภายในกลุ่ม

วันที่ 2. (ของ 5 วัน)

6.30 – 8.00 น.
Morning health activities กิจกรรมสุขภาพยามเช้า (in-bed strength training exercise, meditation, sun salutation, Tai Chi.)

8.00 – 9.30
อาหารเช้าและเวลาส่วนตัว

9.30 – 12.00
Getting to know each other and learn from each other ทำความรู้จักกันและเรียนรู้จากโรคของกันและกัน
Tea break included

12.00 -14.00
อาหารกลางวันและเวลาส่วนตัว

14.00 – 15.00
Briefing. Plant-based, whole food บรรยายเรื่องโภชนาการที่มีพืชเป็นหลัก ไม่สกัด ไม่ขัดสี

15.00-17.00
Food shopping activities เรียนรู้จากกิจกรรมจ่ายตลาดฉลาดซื้อ
ชา และทำเวอร์คชอพจ่ายตลาดฉลาดซื้อ
Tea break included

17.00 – 19.00 น.
อาหารเย็นแบบ PBWF

วันที่ 3. (ของ 5 วัน)

6.30 – 8.00 น.
Morning health activities กิจกรรมสุขภาพยามเช้า (in-bed strength training exercise, meditation, sun salutation, Tai Chi.)

8.00 – 9.30
อาหารเช้าและเวลาส่วนตัว

9.30 – 10.30
Self management for heart disease จัดการโรคหัวใจขาดเลือดด้วยตนเอง

10.30 -10.45
Tea break พักดื่มน้ำชา

10.45-11.30
– Workshop: Blood pressure measurement ฝึกปฏิบัติ วิธีวัด บันทึก และวิเคราะห์ความดันเลือด
– Self management for hypertension จัดการโรคความดันเลือดสูงด้วยตนเอง

11.30 – 12.00
Dyslipidemia and Obesity การพลิกผันโรคไขมันในเลือดสูงและโรคอ้วน

12.00 -14.00
ทำอาหารกลางวันทานเองและเวลาส่วนตัว

14.00 – 15.00
Workshop: Self evaluation in exercise การประเมินตนเองในการออกกำลังกาย

15.00-16.00
Workshop: Muscle endurance and Balance exercise การฝึกกล้ามเนื้อและการกำลังกายแบบเสริมการทรงตัว

16.00 – 16.30
Tea break พักรับประทานน้ำชา

16.30-17.30
Moderate intensity exercise เรียนการออกกำลังกายแอโรบิกระดับหนักปานกลาง

17.30 – 19.00 น.
อาหารเย็นแบบ PBWF

19.00 – 20.00 น. ชั่วโมงสันทนาการภายในกลุ่ม

วันที่ 4. (ของ 5 วัน)

6.30 – 8.00 น.
Morning health activities กิจกรรมสุขภาพยามเช้า (in-bed strength training exercise, meditation, sun salutation, Tai Chi.)

8.00 – 9.30
อาหารเช้าและเวลาส่วนตัว

9.30 – 10.30
Self management for diabetese จัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง

10.30 -10.45
Tea break พักดื่มน้ำชา

10.45 -11.30
Self management for CKD จัดการโรคไตเรื้อรังด้วยตนเอง

11.30 -12.00
Self motivation การสร้างแรงบันดาลใจให้ตนเองอย่างต่อเนื่อง

12.00 -14.00
ทำอาหารกลางวันทานเองและเวลาส่วนตัว

14.00 – 15.00
ฺBriefing: Prevention of dementia การป้องกันสมองเสื่อม
Briefing: Neurocognitive assessment การตรวจประเมินสมองเสื่อม

15.00-16.00
Workshop: Neurocognitive game กิจกรรมเกมฝึกสมอง
Tea break included

16.00-17.00
Relaxing yoga กิจกรรมยืดเหยียดและผ่อนคลายด้วยโยคะ

17.00 – 19.00 น.
อาหารเย็นแบบ PBWF

19.00 – 20.00 น. ชั่วโมงสันทนาการภายในกลุ่ม

วันที่ 5. (ของ 5 วัน)

6.30 – 8.00 น.
Morning health activities กิจกรรมสุขภาพยามเช้า (in-bed strength training exercise, meditation, sun salutation, Tai Chi.)

8.00 – 9.30
อาหารเช้าและเวลาส่วนตัว

9.30 – 10.45
Workshop: Simple seven health risks management การจัดการโรคด้วยดัชนีง่ายๆเจ็ดตัว

10.45 -11.00
Tea break พักดื่มน้ำชา

11.00-12.00
Workshop: Health Dashboard การใช้แดชบอร์ดบนอินเตอรเน็ทเพื่อการติดตามต่อเนื่อง

12.00 -14.00
อาหารกลางวันและเวลาส่วนตัว

14.00 – 16.00

เวลาสำรองสำหรับผู้ที่ต้องการปรึกษาปัญหาส่วนตัว

     7. การเตรียมรับภาวะฉุกเฉินขณะเข้าแค้มป์

ผู้ป่วยที่มาเข้าโปรแกรมนี้ส่วนหนึ่งเป็นผู้ป่วยหนัก บ้างทำผ่าตัดบายพาสมาแล้ว บ้างทำบอลลูนมาแล้วคนละครั้งสองครั้ง บ้างมีหัวใจล้มเหลวแค่เดินสองสามก้าวก็หอบหรือเจ็บหน้าอกแล้ว บ้างรอเปลี่ยนหัวใจอยู่ บ้างเพิ่งเป็นอัมพาตมา ความเสี่ยงที่จะเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันหรือหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันหรืออัมพาตเฉียบพลันมีอยู่ตลอดเวลาแม้กระทั่งขณะนั่งหรือนอนอยู่เฉยๆ ความเสี่ยงนี้ผู้ป่วยทุกคนต้องยอมรับว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ตามโรคของตัวเอง แต่ตัวหมอสันต์เองซึ่งเป็นหมอผ่าตัดหัวใจมาก่อนก็ไม่ประมาทในเรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วย ได้เตรียมการด้านความปลอดภัยขณะเข้าแค้มป์ทุกครั้งรวมไปถึงการมีพยาบาลฉุกเฉินพร้อมอยู่ในศูนย์ตลอดเวลา มีอุปกรณ์เครื่องมือเพื่อรับมือกับภาวะฉุกเฉินได้ รวมทั้งขีดความสามารถที่จะเปิดหลอดเลือดให้น้ำเกลือหรือยาทางหลอดเลือดดำได้ทันที ขีดความสามารถที่จะใส่ท่อช่วยหายใจและช่วยการหายใจในภาวะฉุกเฉิน นอกจากนั้นยังมีขีดความสามารถที่จะช็อกไฟฟ้าหัวใจในกรณีฉุกเฉิน การประสานงานกับระบบรถฉุกเฉินและโรงพยาบาลใกล้เคียง และการมีพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติอยู่ประจำในแค้มป์ 24 ชั่วโมง มีแพทย์ที่ตามให้เข้ามาดูแลผู้ป่วยได้ทันทีตลอดการฝึกอบรม

ทั้งนี้อย่าได้เข้าใจผิดว่าการจะปรับวิถีชีวิตเพื่อพลิกผันโรคให้ตัวเองนั้นเป็นเรื่องอันตราย ความเป็นจริงไม่ใช่เลย การปรับการใช้ชีวิตทั้งอาหารและการออกกำลังกายเพื่อดูแลตัวเองให้ได้นั้นเป็นกลไกรักษาโรคตามธรรมชาติ มีอันตรายน้อยกว่าการรักษาด้วยยา บอลลูน หรือผ่าตัดในโรงพยาบาลอย่างเทียบกันไม่ได้ แต่ทางแค้มป์เตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยในแค้มป์ให้มากเข้าไว้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยหนักซึ่งเป็นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการเข้าแค้มป์ มาเข้าแค้มป์ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ปลอดภัยเท่าอยู่ในบ้านตัวเองเท่านั้น

     8. การลงทะเบียนเข้าแค้มป์ RDBY

วิธีลงทะเบียนเข้าเรียน

1. โทรศัพท์ลงทะเบียนกับเวลเนสวีแคร์ที่หมายเลข  063 6394003 หรือ 02 038 5115
2. ลงทะเบียนทางไลน์ @wellnesswecare
3. ลงทะเบียนทางอีเมล host@wellnesswecare.com
ในทุกกรณีเมื่อได้ที่นั่งแล้ว จะต้องโอนเงินค่าลงทะเบียนเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย สาขาสมุทรปราการ ชื่อบัญชี  บริษัท เมก้า วี แคร์ จำกัด เลขที่บัญชี 007-368-5478 ภายใน 24 ชั่วโมงหลังได้สำรองที่เรียนแล้ว หากพ้น 24 ชั่วโมงไปแล้วถือว่าสละสิทธิ์ ที่นั่งที่สำรองไว้ให้ท่านจะถูกจัดสรรไปให้ผู้อื่นโดยอัตโนม้ติ

     9. การตรวจสอบตารางแค้มป์

สามารถตรวจสอบตารางแค้มป์ล่วงหน้าได้โดยวิธีสอบถามทางโทรศัพท์ที่หมายเลข  0636394003 หรือทางไลน์ @wellnesswecare หรือทางอีเมล host@wellnesswecare.com

   10. ราคาค่าลงทะเบียน

ค่าลงทะเบียนสำหรับตลอดคอร์ส (เข้าแค้มป์ 5 วัน 4 คืน ติดตามทางเฮลท์แดชบอร์ด อย่างน้อยหนึ่งปี) คนละ 25,000 บาท ค่าลงทะเบียนนี้รวมถึงใช้จ่ายในการเข้าแค้มป์ ค่าอาหารวันละ 3 มื้อ ค่าที่พัก 5 วัน 4 คืน การติดตามทางเฮลท์ แดชบอร์ด นานหนึ่งปี ค่าวิทยากร ค่าอุปกรณ์การฝึกทักษะ ค่าตรวจร่างกายโดยแพทย์ ค่าเจาะเลือดฉุกเฉินกรณีที่แพทย์สั่งให้เจาะ ค่าใช้จ่ายในการติดตามโดยแพทย์และพยาบาลทางเฮลท์แดชบอร์ดหลังจากออกจากแค้มป์กลับไปอยู่บ้านแล้ว
แต่ราคานี้ไม่ครอบคลุมถึงค่าเดินทางไปและกลับระหว่างบ้านของท่านกับเวลเนสวีแคร์ (ผู้ป่วยไปเองกลับเอง) ไม่ครอบคลุมค่ายาและค่ารักษาพยาบาลส่วนบุคคลของแต่ละท่าน

กรณีเป็นผู้ติดตาม ผู้ดูแลหรือ caregiver จะต้องลงทะเบียนเป็นผู้ติดตามซึ่งมีค่าลงทะเบียนคนละ 15,000 บาท ราคานี้รวมค่ากิน ค่าอยู่ ค่าที่พักห้องเดียวกับผู้ป่วยของตน ค่าเข้าร่วมเรียนและร่วมทำกิจกรรมทุกอย่างในแค้มป์ แต่ไม่ได้เข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจร่างกายและไม่ได้ร้บการประเมินปัญหาสุขภาพของตนโดยแพทย์ และไม่มีรายงานสรุปปัญหาสุขภาพโดยแพทย์ในเฮลท์แดชบอร์ด

     11. ระยะก่อนเข้าแค้มป์ (Pre-camping preparation) 

ผู้ป่วยทุกท่านที่ได้รับเข้าโปรแกรมแล้ว จะต้องจัดส่งข้อมูลโรคของตนมาให้แพทย์วิเคราะห์ล่วงหน้าก่อนวันมาแค้มป์ โดยส่งข้อมูลมาทางคุณสายชล (โอ๋) พยาบาลประจำแค้มป์ ที่อีเมล totenmophph@gmail.com โดยอย่างน้อยต้องส่งข้อมูลพื้นฐานซึ่งจำเป็นต้องใช้ต่อไปนี้มา คือ

(1) ชื่อ นามสกุล
(2) วันเดือนปีเกิด
(3) เพศ
(4) เบอร์โทรศัพท์มือถือ
(5) อีเมลแอดเดรส
(6) เลขบัตรประจำตัวประชาชน
(7) ส่วนสูง
(8) น้ำหนัก
(9) ความดันเลือด
(10) น้ำตาลในเลือด (FBS) หรือน้ำตาลสะสม (HbA1C)
(11) ไขมันเลว (LDL)
(12) ตัวชี้วัดการทำงานของไต (eGFR หรือ Cr)
(13) เอ็นไซม์แสดงการทำงานของตับ (SGPT)
(14) การวินิจฉัย (ชื่อ) โรคทุกโรคที่รักษาอยู่ในปัจจบัน
(15) อาการป่วยทุกอาการที่มีในปัจจุบัน
(16) ยาทุกตัวที่กินอยู่ในปัจจุบัน พร้อมทั้งขนาด และวิธีกิน
(17) ผลการตรวจจำเพาะต่างๆ ถ้ามี เช่น ผลการตรวจเลือดอื่นๆ ภาพเอ็กซเรย์ปอด ผลตรวจสมรรถนะหัวใจ (EST) คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ผลการตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยคอมพิวเตอร์ (CTA) ผลการตรวจสวนหัวใจ (CAG) ผลการตรวจผลการตรวจ CT สมอง โดยกรณีเป็นภาพหากส่งเป็นไฟล์ดิจิตอลได้ก็จะเป็นพระคุณ แต่หากส่งไม่ได้จะเอาโทรศัพท์ถ่ายแล้วส่งไฟล์รูปมาก็ได้ กรณีเป็นใบรายงานผลให้เอาโทรศัพท์ถ่ายใบรายงานแล้วส่งไฟล์มาก็ได้
(18) คำบอกเล่าลักษณะการใช้ชีวิตประจำวัน เน้นที่
– การบรรยายลักษณะอาหารที่กินแต่ละมื้อทุกมื้อ
– การออกกำลังกายที่ทำในแต่ละวัน
– วิธีจัดการความเครียดที่ใช้อยู่ประจำ
– ความกังวล (concern) ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ หากมีอยู่ในใจก็ให้แจ้งมาให้หมอสันต์ทราบด้วย

     12. สถานที่เรียน

คือ เวลเนสวีแคร์เซ็นตเตอร์ (มวกเหล็ก-เขาใหญ่) ตามแผนที่ข้างล่างนี้

(รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความจำเป็นและความต้องการของผู้เรียนแต่ละแค้มป์)

13. วันเวลาสำหรับแค้มป์ RDBY-20

วันที่ 10-14 มีค. 65

14. จำนวนที่รับเข้าแค้มป์ RDBY-20

รับจำนวนจำกัด 15 คน

(นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์)