Latest

จะทำไงดีกับคนไม่ยอมมีลูก

สวัสดีค่ะคุณหมอ

ขอถามคำถามที่อาจดูเบสิกแต่ต้องการมุมมองจากคุณหมอ จริงๆค่ะ
ตอนนี้คู่หนุ่มสาวแต่งงานกัน ไม่นิยมมีลูก ปล่อยไว้เนิ่นนานจนมีลูกยาก มาอยากมีทีหลังก็ไม่ได้ซะแล้ว
บางคนยอมเป็นโสดเพราะบอกว่าอยู่คนเดียวสบายดี บางคนบอกว่ามีลูกไปทำไม เลี้ยงไม่ได้หรอก สังคมยุคนี้ต้องใช้เงินเยอะ สังคมอันตราย อยู่คนเดียวอิสระ อยากไปไหนก็ไป อยากกินอะไรก็ได้กิน
ไม่ต้องกังวล ไม่อยากมีภาระ จะวางแผนการอยู่คนเดียวยามแก่โดยการเก็บเงินเยอะๆตอนหนุ่มสาวแล้วไว้ใช้ยามแก่ มีลูกไปก็ใช่ว่าลูกจะกลับมาดูเรา อาจจะทิ้งเราเป็นผักปลาแบบที่ข่าวชอบออก
ที่น่าแปลกคือคนกลุ่มนี้มีฐานะพอที่จะเลี้ยงลูกได้ ส่วนคนที่ฐานะไม่ค่อยดีกลับมีลูกดก เรียกว่าไม่เคยคิดว่ามีหรือไม่มีดี (เป็นซะงั้น)
ถ้าเราจะมองการมีลูกในมุมมองที่ไม่ใช่แค่การสืบพันธุ์การดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์คุณหมอคิดว่าคนเราควรแต่งงานและมีลูกมั้ยคะ อ่านคำตอบคุณหมอในคำถามคนอื่นๆแล้วแบบว่าแต่ละคำตอบเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้เลยทีเดียว จึงเขียนมาถาม
ขอบพระคุณมากๆค่ะ

…………………………………………………..

ตอบครับ

     1. ถามว่าจะทำไงดีกับคนที่ไม่ยอมมีลูก ตอบว่า เออ..อ แล้วมันเรื่องอะไรของคุณละครับ เขาไม่อยากมีลูกก็ช่างเขาปะไร ในการใช้ชีวิตในโลกใบนี้ให้มีความสุข คุณอย่าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นได้ไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นลูกหลานของคุณเองก็ขอให้คุณระวังให้จงหนัก อย่าทำตัวเป็น “หญิงแก่บ้าอำนาจ” ที่เที่ยวไปยุ่งกับเรื่องของลูกหลานจนพวกเขาไม่เป็นอันใช้ชีวิตของเขาเอง ให้คุณใส่ใจที่จะลดความสนใจเรื่องภายนอกตัวลง หันมาสนใจเรื่องภายในของตัวเองดีกว่า หมายถึงการวางความคิดเข้าไปสู่ความรู้ตัว นั่นแหละ ความสุขที่แท้จริงของชีวิตอยู่ตรงนั้น

     2. ถามว่าแล้วคนยากคนจนไม่มีการศึกษากลับมีลูกกันโครมๆแล้วจะไม่แย่หรือคะ เอาอีกแล้ว คุณนี่ช่างเจ้ากี้เจ้าการกับการจัดการโลกนอกตัวคุณเสียจริงนะ คุณเป็นคนเจ้าความคิด ระวังนะ ความคิดของคุณนั่นแหละเป็นตัวร้าย มันจะครอบคุณไปทุกอณูของชีวิตคุณ แม้วินาทีสุดท้ายของชีวิตมันก็ยังจะครอบคุณอยู่และจะลากจูงคุณไปไหนต่อไหน จนคุณไม่มีโอกาสได้อยู่กับจิตเดิมแท้ของคุณเลยแม้ในวินาทีที่คุณต้องการจะอยู่

    3. ถามว่าหมอสันต์คิดว่าคนเราควรจะแต่งงานมีลูกไหม ตอบว่าคนเราด้านหนึ่งก็เหมือนสัตว์ที่ดำเนินชีวิตไปตามสัญชาติญาณที่กำกับผ่านมาทางยีนหรือรหัสพันธุกรรมผ่านการทำงานของเซลและฮอร์โมน ในแง่นี้ทุกคนก็อยากมีเซ็กซ์ อยากแต่งงาน อยากมีลูก แต่ในอีกแง่หนึ่งคนเราเป็นสัตว์ชนิดที่มีแรงผลักดันจากส่วนลึกของจิตวิญญาณให้แสวงหาความหมายของชีวิต หมายถึงการเสาะหาว่าเกิดมาทำไม แค่เพื่อผสมพันธ์ออกลูกแล้วตายไปเหมือนสัตว์ทั้งหลาย หรือมีอะไรมากกว่านี้ ตายแล้วจะไปไหน ถ้าตายแล้วต้องวนเวียนมาเกิดอีก ทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นไปจากวัฏฏะอันนี้ได้ ในแง่นี้ทุกคนก็อยากจะปลดตัวเองออกจากความยึดถือเกี่ยวพันใดๆ ที่ยังไม่แต่งงานก็ไม่อยากแต่ง ที่แต่งแล้วก็ไม่อยากมีลูก ที่มีลูกแล้วก็ไม่อยากผูกพันกับลูกเกินเหตุจนตายจากกันไม่ลง คนทุกคนต่างล้วนถูกกำกับด้วยแรงผลักดันทั้งสองนี้ คือสัญชาติญาณการสืบทอดเผ่าพันธุ์ และแรงผลักดันให้แสวงหาความหลุดพ้น ใครอยู่ตรงไหนมีแรงผลักดันใดมากแรงผลักดันใดน้อย นั่นเป็นระดับชั้นของพัฒนาการของแต่ละคนเพื่อเดินไปตามทางของตัวเอง ทางของใครก็ทางของมัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไปสร้างสูตรสำเร็จหรือออกคำแนะนำมาตรฐานให้ทุกคนเดินตามไปทางเดียวกัน

     4. ข้อนี้คุณไม่ได้ถามแต่ผมแถมให้ คือ ณ เดี๋ยวนี้คนเราทุกคนต่างก็ต่างก็อยู่ที่ใดที่หนึ่งในที่ของตัวเอง บ้างแต่งงานแล้วทั้งอยากแต่งบ้างไม่อยากแต่งบ้าง บ้างมีลูกแล้วทั้งที่อยากมีบ้างไม่อยากมีบ้าง ได้ลูกอย่างใจบ้างไม่ได้อย่างใจบ้าง ถ้า ณ เดี๋ยวนี้ในที่ที่ตัวเองอยู่นี้แล้วชีวิตไม่มีความสุขทำอย่างไรจึงจะทำให้ชีวิตมีความสุข นั่นแหละเป็นประเด็น ป่วยการที่จะไปย้อนคิดว่าแต่งงานดีไม่แต่งงานดี มีลูกดีไม่มีลูกดี เพราะตอนนี้อยู่ที่นี่แล้ว เป็นอย่างนี้แล้ว วิธีของหมอสันต์คือให้ยอมรับทุกอย่างที่มีที่เป็นตอนนี้ก่อน ยอมรับอย่างไม่มีข้อแม้ไม่มีเงื่อนไข การยอมรับสิ่งที่มีที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้อย่างไม่มีเงื่อนไขรวมทั้งถ้ากำลังจะเอาชนะคะคานกันอยู่ก็ให้ยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขด้วย เป็นจุดตั้งต้นของการใช้ชีวิตในแบบที่เรียกว่า “อยู่กับปัจจุบัน” เพราะถ้ายังมีอะไรที่ยอมรับไม่ได้ ก็หมายความว่ายังมีบางอย่างขาด หรือมีบางอย่างที่เกิน ก็จะยังอยู่กับปัจจุบันไม่ได้ เพราะต้องรอขวานขวายไปหาส่วนขาดมาเพิ่มก่อน หรือรอเอาส่วนเกินไปทิ้งก่อน การรออะไรคือการไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน คือรอไปอยู่ในอนาคต นั่นก็คือไม่ได้อยู่กับปัจจุบันนะแหละ การอยู่กับปัจจุบันนี้สำคัญนะ เพราะปัจจุบันนั่นแหละคือความรู้ตัวหรือจิตเดิมแท้ ส่วนอดีตอนาคตคือความคิดปรุงแต่ง ความสุขสงบเย็นจะพบได้ที่ในความรู้ตัวหรือที่จิตเดิมแท้เท่านั้น ไม่อาจจะพบได้ที่ในความคิดปรุงแต่ง

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์