Latest

ก่งก๊ง เวียนหัว บ้านหมุน

ดิฉันมีข้อส่งสัยที่จะเรียนถามคุณหมอค่ะ

ตามปกติคนเราเวลานอนแล้วร่างกายก็จะผ่อนคลายแล้วแต่ ดิฉันอยู่ ๆ ก็มีอาการเวียนศรีษะ บ้านหมุน และอาเจียนในเวลา ตี 2 และภายใน 1 อาทิตย์ ก็มีอาการประมาณนี้อีก 3 ครั้ง รวมถึงอาการที่เจ็บหน้าอกด้วย เหมือนหายใจแล้วอากาศไม่เพียงพอ จนดิฉันตัดสินใจไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ได้ตรวจระบบหัวใจ มี EKG เดินสายพาน อัลตร้าซาวน์ หัวใจ แต่เดินสายพานยังไม่ครบเวลาก็เป็นลมเสียก่อน รวมถึงในเลือดมี ใขมันสูง 199 เกือบ 200 หลังจากวันที่ไปหาหมอแล้ว เกื่อบจะครบ 1 เดือนแล้ว ดิฉันก็ยังมีอาการ เหมือนเดิม ซึ่งทำให้ค่อนข้างจะกังวล เพราะว่าแม่ก็เป็นเส้นเลือดหัวใจและหัวใจโต แต่วันที่ 14 มี.ค.54 นี้ หมอนัดดิฉันใว้ที่พญาไท 2 ดิฉันจะบอกหมออย่างไรดี เพื่อให้หาสาเหตุให้เจอว่าดิฉันเป็นอะไรกันแน่ ช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะจะขอบพระคุณอย่างสูง

………………..

ตอบครับ

อาการของคุณมีสองเรื่องนะครับ คืออาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน อาเจียน นั่นเป็นเรื่องหนึ่ง กับอาการเจ็บหน้าอก หายใจไม่อิ่ม เดินสายพานแล้วเป็นลม นั่นอีกเรื่องหนึ่ง

เอาเรื่องที่สองก่อนนะ เพราะซีเรียสกว่า คืออาการเจ็บหน้าอก หายใจไม่อิ่ม เดินสายพานแล้วเป็นลมเป็นอาการที่บ่งบอกว่าน่าจะเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (ischemic heart disease) ซึ่งในกรณีของคุณจัดว่ามีอาการมากพอควร จำเป็นต้องพิสูจน์ให้แน่ชัดและลงมือแก้ไขให้ครอบคลุมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ผมแนะนำว่ามาถึงจุดนี้แล้ว คุณควรตัดสินใจรับการตรวจสวนหัวใจ (cardiac catheterization) ทันที ไม่ต้องเสียเวลาไปตรวจอ้อมค้อมอย่างอื่นแม้กระทั่งการตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยคอมพิวเตอร์ (coronary CTA) ก็ไม่ต้องทำ เพราะจะไม่ได้คำตอบอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ต้องสวนหัวใจลูกเดียว ถ้าการตรวจสวนหัวใจพบว่าเป็นโรคมากถึงขั้นต้องใช้บอลลูนขยายหลอดเลือดใส่ขวดลวดถ่างก็ต้องทำ และหลังจากนั้นก็ทำการป้องกันโรคไม่ให้เป็นมากขึ้น (secondary prevention) ด้วยการปรับวิถีชีวิตใหม่ไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ปรับโภชนาการไปในทิศทางลดอาหารให้พลังงานลงคือไขมันและคาร์โบไฮเดรตลง หันไปกินอาหารผักผลไม้ให้มากขึ้น กินยาแอสไพรินป้องกันการก่อตัวของลิ่มเลือด และรักษาไขมันในเลือดสูงและความดันเลือดสูงด้วยยาตามความจำเป็น

ที่นี้กลับมาเรื่องที่หนึ่ง คืออาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน อาเจียน ในกรณีของคุณนี้มันมีโอกาสเป็นไปได้สองอย่าง คือ

(1) เกิดจากปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ คืออาการเวียนหัวหน้ามืดเป็นลมนี้เป็นอาการอย่างหนึ่งของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบด้วย คือโรคนี้มีอาการสองแบบ คือแบบตรงไปตรงมา (typical angina) ก็คือเจ็บแน่นหน้าอกเวลาออกแรก พอพักเหนื่อยก็หายเจ็บ อย่างนี้เรียกว่าแบบตรงไปตรงมา อาการอื่นๆ เช่น เวียนหัวหน้ามืดเป็นลม แน่นท้องอาหารไม่ย่อย หอบเหนื่อยหายใจไม่อิ่ม เป็นต้น รวมๆเรียกว่าเป็นอาการแบบไม่ตรงไปตรงมา

(2) เป็นกลุ่มอาการก่งก๊ง (dizziness) ในคนสูงอายุทั่วๆไป ซึ่งพบได้ถึง 40% ในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งมีสาเหตุได้แตกต่างหลากหลาย เช่น

2.1 ถ้าเป็นประเดี๋ยวประด๋าวตอนเปลี่ยนท่าร่าง พอพักสักครู่ก็หายไป อย่างนี้เป็นเรื่องธรรมดาคนสูงอายุ เรียกว่าเป็นโรคเวียนหัวชั่วคราวเพราะท่าร่าง หรือBPPV ซึ่งย่อมาจาก benign paroxysmal positional vertigo บางทีหมอบางคนก็เรียกง่ายๆว่าโรคมีก้อนนิ่วทีน้ำในหู การรักษาก็ทำกันตั้งแต่รอดูไปก่อนให้มันหายเองบ้าง จัดท่าย้ายที่ก้อนนิ่วในหูบ้าง ใช้ยาแก้เมาบ้าง

2.2 บางทีแค่ติดเชื้อไวรัสเช่นหวัดก็ทำให้เวียนหัวบ้านหมุนได้

2.3 โรคปวดศีรษะไมเกรน

2.4 ถ้าอาการเป็นอยู่นานไม่หายไปง่ายๆอาจเกิดจากโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s disease) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีเสียงวิ๊งๆในหูหรืออาการหูตึงร่วมด้วย

2.5 โรคประสาทหูอักเสบหรือเสื่อม (vestibular neuronitis)

2.6 โรคหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองส่วนหลังตีบ ซึ่งเป็นทีมักจะเป็นนานเป็นวันๆ มักมีอาการทางสมองเช่นเห็นภาพซ้อน หน้าเบี้ยว พูดไม่ได้ เดินเซ ร่วมอยู่ด้วย

2.7 โรคเนื้องอกในสมองส่วนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องหู (acoustic tumor)

2.8 โรคภูมิคุ้มกันทำลายเยื่อหูตนเอง (immune mediated inner ear disease) ซึ่งรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกันเช่นสะเตียรอยด์

การจะวินิจฉัยแยกสาเหตุทั้งแปดอย่างนี้ว่าเกิดจากอะไรแน่มักเป็นเรื่องยืดเยื้อเรื้อรัง คุณต้องใจเย็นๆ ต้องโดนส่งต่อให้ผ่านมือหมอหลายคน อย่างน้อยๆก็ต้องผ่านหมอหูคอจมูกและหมอประสาทวิทยา แบบว่าค่อยๆลองวินิจฉัยกันไป ลองรักษากันไป แบบหวานเย็น เพราะถ้าเจาะเลือดไม่พบภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง และตรวจสมองด้วย MRI ไม่พบเนื้องอกแล้ว สาเหตุอื่นๆหมอก็ล้วนไม่มีไม้ตายในการรักษานอกเหนือไปกว่าการให้ยาแก้เมาเป็นพื้น อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่มักจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งคืออาการมันหายไปเอง ดังนั้นอย่าไปวอรี่กับมันมากครับ อย่าลืมว่าคนวัยคุณที่เป็นอย่างคุณนี้มีตั้ง 40%

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์