Latest

เหงื่อรักแร้ออกมากเกินเหตุ (axillary hyperhidrosis)

คุณลุงหมอสันต์ที่เคารพ

อายุ 31 ปีค่ะ เข้าเรื่องแลยนะคะ แบบว่า เหงื่อออกใต้รักแร้มาก รักแร้เปียกทุกวัน กลิ่นก็มีด้วย โดยเฉพาะหน้าร้อน เปลี่ยนดีโอโดแรนท์ไปจนจะหมดตลาดแล้วก็ไม่ดีขึ้น ทาทั้งก่อนออกจากบ้าน ทั้งแอบเข้าห้องน้ำทาในที่ทำงาน หน้าร้อนอย่างนี้ต้องเอาเสื้อใส่กระเป๋าไปเปลี่ยนที่ที่ทำงานด้วย บางวันเจอหนุ่มที่แอบปลื้ม แต่ดันทักเราว่าไปยิมมาเหรอ โธ่ เสียมู้ดเลย หนูอยากถามคุณลุงหมอว่ามีวิธีไหนที่จะหยุดเหงื่อรักแร้ออกได้ชะงัดบ้าง เพื่อนหนูเขาชวนให้ไปฉีดโบท็อกเข้ารักแร้ เขาว่าหยุดเหงื่อได้ดีมาก และครั้งหนึ่งอยู่ได้นานถึงแปดเดือน ราคาก็ไม่แพง มันจริงหรือไม่คะคุณลุงหมอ ถ้าหนูไปฉีด มันจะมีอันตรายไหม ควรฉีดไหมคะ และถ้าหนูโกนขนรักแร้จะช่วยลดเหงื่อได้ไหม แล้วยากินลดเหงื่อรักแร้มีไหมคะ

…………………………………………………………

ตอบครับ

พูดถึงพูดยาดับกลิ่นรักแร้ ทำให้นึกถึงสมัยผมเพิ่งแตกหนุ่ม ประมาณปี พ.ศ. 2513 อายุได้ 17 ปี ตั้งแต่เกิดมาเป็นเด็กบ้านนอก ยังไม่เคยเห็นกรุงเทพเลย ตอนนั้นมีโอกาสจะได้เห็นกรุงเทพเป็นครั้งแรกในชีวิต คือปิดเทอมจะได้ไปฝึกงานที่ฟาร์มโชคชัยที่ปากช่อง ก็ต้องนั่งรถไฟจากเชียงใหม่เข้ากรุงเทพมากับเพื่อนบ้านนอกด้วยกันอีกคนหนึ่ง มาลงหัวลำโพง แล้วก็โหนรถเมล์เพื่อไปต่อรถบขส.ไปปากช่อง พอลงรถไฟไปโหนรถเมล์ บนรถเมล์สมัยนั้นมันแน่นกว่าสมัยนี้ คนยืนโหนมีมากกว่าคนนั่ง ที่บันไดก็มีคนโหนอยู่เต็ม ตอนแรกผมกับเพื่อนจะโหนอยู่ที่บันไดแต่กระเป๋าก็สั่งเฉียบขาดว่า เดินในครับ เดินใน เราสองคนก็ต้องเดินเบียดขึ้นไปโหนราวกลางที่ข้างในรถ แล้วก็เหลือบไปเห็นป้ายที่เขาเขียนสั่งไว้เหนือศีรษะคนขับตัวเบ้งเลยว่า

     “..ท่านที่ไม่ได้ใช้มัม โปรดลดแขนลง”

เพื่อนผมชี้ให้ดูป้าย แล้วเราสองคนซึ่งเป็นเด็กบ้านนอกว่านอนสอนง่ายก็ค่อยๆเจี๋ยมเจี้ยมลดแขนที่โหนราวใต้หลังคาลงมาจับราวพนักพิงข้างๆแทน พอลงจากรถเมล์แล้วผมถามเพื่อนว่า

“ทำไมไม่ได้ใช้มัมแล้วต้องเอาแขนลงด้วยวะ” เพื่อนตอบว่า

“ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” 

เราเก็บความสงสัยนี้ไว้ จนเดินทางไปถึงฟาร์มโชคชัย ได้เข้าฝึกทำงาน ผ่านไปได้เดือนกว่า พอจะคุ้นเคยกับรุ่นพี่ที่ทำงานประจำอยู่ที่นั่น เราก็เอาคำถามที่คาใจนั้นถามลูกพี่ ซึ่งท่านก็เมตตาตอบว่า

     “ไอ้โง่เอ๊ย…มัมมันเป็นยาดับกลิ่นขี้เต่า ป้ายที่เอ็งเห็นนั่นมันเป็นป้ายโฆษณายาดับกลิ่นขี้เต่า”

     (ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า แคว่ก แคว่ก แคว่ก ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น)

     มาตอบคำถามของคุณดีกว่า โรคที่คุณเป็นนี้เรียกว่า axillary hyperhidrosis แปลว่าโรคเหงื่อที่จั๊กกะแร้ออกมาก

     1. ถามว่ามีวิธีไหนที่จะหยุดเหงื่อรักแร้ออกและดับกลิ่นรักแร้ได้ชะงัดบ้าง ตอบว่าวิธีที่จะหยุดเหงื่อออกและดับกลิ่นขี้เต่าได้ชะงัดมีวิธีเดียวคือตาย ใช่แล้ว ตาย ซี้แหงแก๋ เด๊ดสะมอเร่ นั่นแหละ เพราะตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องออกเหงื่อ เหมือนที่ต้องฉี่ ต้องอึ นั่นแหละ และตราบใดที่ยังออกเหงื่อ ก็ต้องมีกลิ่น เพราะบักเตรีผู้ส่งกลิ่นซึ่งสิงสถิตย์อยู่ที่ผิวหนังเขาหากินกับเหงื่อ พอมีเหงื่อคลุกขี้ไคลเป็นอาหาร บักเตรีพวกนี้ก็เติบโต เขาก็ส่งกลิ่นได้แรง

     2. ถามว่าฉีดโบท็อกซ์เข้าใต้ผิวหนังที่รักแร้จะหยุดเหงื่อออกได้ไหม ตอบว่างานวิจัยเปรียบเทียบการฉีดโบท็อกซ์เข้ารักแร้โดยเทียบกับการฉีดยาหลอก (น้ำเกลือ) พบว่ากลุ่มที่ฉีดโบท็อกซ์จะมีปริมาณเหงื่อลดลงจากเดิม 35% ถ้าประเมินด้วยการย้อมสีเหงื่อ แต่หากประเมินด้วยตาผู้วิจัย จะลดได้ 62.5% ขณะที่กลุ่มฉีดยาหลอกเหงื่อไม่ได้ลดลงจากเดิม โดยการลดปริมาณเหงื่อนี้คงอยู่นาน 3-6 เดือน

     3. ถามว่าฉีดโบท็อกซ์เข้ารักแร้มีผลเสียอะไรไหม ตอบว่าภาวะแทรกซ้อนของการรักษาด้วยการฉีดโบทอกซ์เข้ารักแร้มีได้ตั้งแต่

     (1) อาจทำให้กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่สำคัญบางมัดอ่อนแรงลง ทำให้กลืนไม่ลง พูดไม่ได้ หายใจไม่ออก ถ้าเป็นมากๆจังๆก็อาจตายได้ นี่ลุงไม่ได้ขู่นะ เอกสารกำกับยาเขาเขียนไว้อย่างนี้จริงๆ อาการกลืนไม่ลงอาจคงอยู่นานหลายเดือน

     (2) พิษของโบท็อกซ์ (อย่าลืมว่าโบท็อกซ์นี้เป็นสารพิษต่อระบบประสาทนะ ชื่อจริงมันชื่อ botulinum toxin) พิษของมันอาจไปแสดงฤทธิ์เดชไกลจากจุดฉีดทำให้เกิดอาการสำคัญเช่นกล้ามเนื้อทั่วตัวอ่อนเปลี้ย ตามองเห็นภาพซอน หนังตาตก เสียงแหบ เสียงหาย พูดไม่ชัด อั้นฉี่ไม่อยู่ ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นห้ามขับรถหรือทำงานใช้กำลังกล้ามเนื้อเด็ดขาด

     (3) โบทอกซ์ก็เหมือนสิ่งแปลกปลอมนอกร่างกายทั้งหลาย คือฉีดแล้วอาจแพ้แบบเฉียบพลันได้ ถ้าแก้ไม่ทันก็ชักแด๊กๆตายได้

     (4) ถ้าเป็นโรคของกล้ามเนื้ออยู่แล้ว หรือมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงอยู่แล้ว ห้ามฉีดยานี้

     (5) ต้องบอกหมอให้หมดว่ากินยาอะไรอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่เสริมฤทธิ์กับโบทอกซ์ได้ เช่นยาปฏิชีวนะ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท ยาต้านเกล็ดเลือด ยากันเลือดแข็ง

    (6) อาการข้างเคียงเบาะๆของโบท็อกซ์คือปากแห้ง ปวดตรงที่ฉีด เมื่อยล้า ปวดหัว ปวดคอ ตามัว ตาสั้น ตาตก ตาบวม ตาแห้ง

     4. ถามว่าควรฉีดโบท็อกซ์ไหม ตอบว่าหมอสันต์มีหน้าที่ให้ข้อมูล ฉีดไม่ฉีด ควรไม่ควร ย่อมสุดแล้วแต่คุณหลานจะโปรด แต่ถ้าถามหมอสันต์ว่าถ้าหมอสันต์เป็นผู้หญิงสาวที่รักแร้ชอบเปียกแล้วหนุ่มรูปหล่อถามว่าไปยิมมาเหรอครับ หมอสันต์จะทำตาวาวเป็นประกายแล้วตอบว่า

     “ค่ะ วันหลังไปยิมด้วยกันมั้ยค่ะ หนุกมากเลย”

     6. ถามว่าการโกนขนรักแร้จะลดเหงื่อออกที่รักแร้ได้ไหม ตอบว่าไม่ได้หรอกครับ ขนรักแร้ช่วยให้ลมโกรกเข้าไปในรักแร้ ทำให้อุณหภูมิในพื้นที่ไม่สูงมาก ทำให้เหงื่อออกไม่มาก การโกนขนรักแร้จะทำลายกลไกลดอุณภูมินี้ ทำให้เหงื่อออกมากขึ้น แต่การโกนขนรักแร้ก็มีข้อดีที่ทำให้การหมักหมมของเหงื่อที่ออกมาแล้วลดลงในกรณีที่ไม่ได้อาบน้ำบ่อย จึงช่วยลดกลิ่นได้บ้าง

     7. ถามว่ายากินลดเหงื่อรักแร้มีไหม ตอบว่ามี ส่วนใหญ่เป็นยาที่ออกฤทธิ์กดการทำงานซีกหน่วงของระบบประสาทอัตโนมัติ (anticholinergic) เช่นยา glycopyrrolate (Rubinul) แต่ว่าผลพลอยเสียของยาในกลุ่มนี้คือทำให้น้ำลายแห้ง ปากแห้ง ตาแห้ง

     8. ผมตอบคำถามคุณหมดแล้วนะ ต่อไปนี้เป็นประเด็นที่ผมแถมให้ คือ

     8.1 คุณบอกว่าลองใช้ดีโอโดแรนท์หมดตลาดแล้ว คือมันมีผลิตภัณฑ์อยู่สามกลุ่มนะครับ คือกลุ่มเพื่อดับกลิ่น (deodorant) กลุ่มเพื่อลดเหงื่อ (anti perspirant) และกลุ่มลูกผสม สองกลุ่มแรกต่างกันตรงที่ deodorant มักจะมีผลึกสารส้ม (aluminum cristal) เป็นพื้น แล้วเน้นสารฆ่าเชื้อบักเตรีและสารให้กลิ่นหอมหรือกลิ่นเหม็นแก้เคล็ดกลิ่นเต่า ส่วน antiperspirant นั้นเน้นใช้เกลือของอลูมิเนียม (aluminum salt) ซึ่งอุดรูเปิดของต่อมเหงื่อได้ดีกว่าผลึกสารส้ม จึงลดปริมาณเหงื่อได้ดีกว่า ดังนั้นลองมองหาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม anti perspirant มาลองดูบ้างก็ดีนะ

     8.2 คุณอ้วนหรือเปล่า คนอ้วนจะมีอุณหภูมิรักแร้สูงกว่าคนผอม เพราะลมมันโกรกไม่เข้า ถ้าอ้วน คุณต้องออกกำลังกายลดน้ำหนักให้ได้ก่อน ตรงนี้สำคัญมาก

     8.3 ที่ว่าจะไปฉีดโบท็อกซ์เข้ารักแร้เพราะเขาโฆษณาว่าราคาไม่แพงนั้น ถามเขาหรือยังว่าราคานั้นฉีดข้างเดียวหรือสองข้าง เพราะวิธีล่อตะเข้แบบนี้ฝรั่งก็ใช้หลอกฝรั่งประจำ เพื่อนเล่าว่าตอน FDA อนุมัติให้ใช้โบท็อกซ์ฉีดรักแร้ใหม่ๆ คลินิกในอเมริกาต่างก็แย่งลูกค้ากันมาก จนทุกเจ้าก็ลงมาแข่งกันที่ราคาต่ำสุดคือ 750 เหรียญ แล้วก็มีเจ้าหนึ่งขึ้นป้ายว่าฉีดโบท็อกซ์เข้ารักแร้แค่ 500 เหรียญ ลูกค้าก็เฮโลไปฉีดกัน พอฉีดเสร็จเลขาของคุณหมอก็เก็บเงิน 500 เท่านั้นจริงๆ แต่ลูกค้าฉงนถามว่าอ้าว แล้วอีกข้างไม่ฉีดเหรอ เลขาตอบว่า

“..ราคานี้สำหรับหนึ่งจั๊กกะแร้นะคะ”

(ฮะ ฮะ ฮ่า ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น)

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม
1. Schnider P1, Binder M, Kittler H, Birner P, Starkel D, Wolff K, Auff E. A randomized, double-blind, placebo-controlled trial of botulinum A toxin for severe axillary hyperhidrosis. Br J Dermatol. 1999 Apr;140(4):677-80.