Latest

ผู้ป่วยตายไปหลายปีแล้ว แต่ผู้ดูแลยังค้างคาใจ

เรียน คุณหมอ ที่เคารพ

ดิฉันมีเรื่องค้างคาใจมานานหลายปีแล้วอยู่เรื่องนึง ซึ่งถ้าไม่ได้คำตอบชัดเจนก็พะวงอยู่กับมันร่ำไปไม่เป็นอันอยู่สุข ขอความกรุณาคุณหมอช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ 

ในผู้ป่วยสูงอายุที่เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว  ในระยะสุดท้ายซึ่งเป็นช่วงประคับประคองให้อยู่ได้สุขสบายมากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้  (หมายถึงไม่มีการรักษาหรือฟื้นฟูอะไรอีกแล้ว)  ช่วงนี้หมอจะแนะนำให้ใส่เครื่องช่วยหายใจให้ผู้ป่วยซึ่งเป็นท่อสอดเข้าทางปาก  ขอเรียนถามคุณหมอว่าการใส่ท่อช่วยหายใจนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยอึดอัดทรมาน “น้อยกว่า” ไม่ใส่หรือเปล่าคะ 

ถ้าเป็นตัวคุณหมอต้องตัดสินใจให้ญาติใกล้ชิดในกรณีนี้  คุณหมอจะให้ท่านใส่เครื่องช่วยหายใจหรือไม่คะ 

อีกเรื่องนึงไม่มีคำถามค่ะ แต่เผอิญอ่านเจอโฆษณายาวิเศษที่มีนายแพทย์ดุษฎีบัณฑิตเป็นผู้แนะนำด้วย   เลยเอาลิ้งค์มาฝากค่ะ

…………………………………………………………………

ตอบครับ

     1. คนอย่างคุณนี้ีมีอยู่ไม่ใช่น้อย คือคนที่ช่วงหนึ่งในชีวิตต้องดูแลบุพการีในระยะสุดท้ายของชีวิตท่าน จนท่านเสียชีวิตไปแล้ว เผาศพกับไปเรียบร้อยแล้ว แต่เหตุการณ์บางอย่างบางตอนมันตามมาหลอน ว่าตัวเองได้ทำดีที่สุดให้กับพ่อแม่หรือยัง หรือว่าตัวเองทำผิดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งใจมันคอยแต่จะบอกว่าสงสัยว่าตัวเองทำผิดไปอยู่เรื่อย ตอนดูแลพ่อแม่อยู่ก็เป็นทุกข์เพราะภาระกิจในการดูแล พ่อแม่ตายไปแล้วก็เป็นทุกข์เพราะความรู้สึกผิดในเรื่องที่ผ่านไปแล้ว

     คำตอบสำหรับประเด็นนี้ไม่ต้องให้ผมตอบก็ได้ คุณเองก็ตอบตัวเองได้ว่าเรืื่องที่ผ่านไปแล้วมันไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บมาคิดอีก เพีียงแต่ว่าคุณรู้ คุณแนะนำใครๆได้ แต่คุณไม่ทำตามที่คุณรู้และที่คุณแนะนำคนอื่นเท่านั้นเอง สาเหตุที่คุณไม่ทำตามทั้งๆที่คุณรู้ว่าอะไรควรไม่ควรนั้นเป็นเพราะคุณยังไม่เข้าใจชีวิตอย่างถึงแก่น คุณยังไม่เข้าใจว่าในการดำเนินชีวิตของคนเรานี้ ใครเป็นหมู่ ใครเป็นจ่า เพราะชีวิตนี้ประกอบด้วยสามส่วน คือ

(1) กาย
(2) ใจ หรืือความคิด และ
(3) ความรู้ตัว

     ทั้งสามส่วนนี้ความรู้ตัวเป็นใหญ่ที่สุด หมายความว่าความรู้ตัวนั่นแหละคือคุณที่แท้จริง แล้วคุณมอบอำนาจในรูปของ “ความสนใจ” และ “ความเชื่อ” ให้แก่ความคิด แล้วความคิดนั้นไปมีผลต่อร่างกายอีกต่อหนึ่ง แต่ว่าคุณไม่เข้าใจตรงนี้ คุณจึงตกเป็นทาสของความคิด คุณคิดว่าความคิดเป็นใหญ่ คุณห้ามมันไม่ได้เลย ทั้งๆที่คุณนั้นแหละเป็นคนให้อำนาจแก่มัน การจะแก้ปัญหานี้ไม่ใช่ไปพยายามหาคำอธิบายหรือคิดหาคอนเซ็พท์หรือความเชื่อใหม่ๆมาหักล้างความสงสัยเดิมว่าสิ่งที่คุณทำมานั้นถูกต้องแล้วหรือไม่ การทำแบบนั้นเป็นการเอาความคิดใหม่มาทะเลาะกับความคิดเก่า ก็จะส่งผมให้มีความคิดต่อไปอีกไม่รู้จบ การแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือคุณต้องวางความคิดทั้งหมดลงเสีย วางแปลว่าไม่สนใจ เพิกเฉย ไม่ให้ความสำคัญ หรือหันหลังให้ดื้อๆ เมื่อคุณไม่สนใจ ความคิดใดๆที่เคยใหญ่แค่ไหนก็จะหมดความสำคัญลงทันที 

     2. ถามว่าการใส่เครื่องช่วยหายใจในระยะสุดท้ายของชีวิตเพื่อลดความทรมานจากอาการหอบเหนื่อย โดยยอมรับความทรมานจากการมีท่อช่วยหายใจคาอยู่ เป็นทางเลือกในการรักษาที่ถูกต้องหรือไม่ ตอบว่ามันเป็นทางเลือกสองแพร่งที่ไม่มีใครตอบได้ว่าอันไหนควรทำอันไหนไม่ควรทำ เพราะไม่มีใครสามารถจะชั่งน้ำหนักความทรมานสองแบบว่าอย่างไหนจะมากกว่ากัน จึงเป็นทางเลือกที่ผู้ป่วยหรือครอบครัวจะเลือกทางไหนก็ได้ ตามใจชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใจชอบของผู้ป่วยว่าเขาชอบแบบไหน ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่อยู่ในสภาพที่จะบอกได้แล้วว่าตัวเองชอบแบบไหน ลูกๆต้องว่าการแทน ซึ่งก็ควรที่ลูกจะตัดสินใจจากมุมมองของพ่อแม่ที่ป่วย หรือสมมุติว่าตัวเองไปนอนป่วยอย่างที่พ่อแม่เป็นตอนนี้ ตัวเองจะตัดสินใจอย่างไร ไม่ใช่ตัดสินใจจากมุมมองของตััวเองซึ่งเป็นลูกที่ทำหน้าที่ดูแลพ่อแม่อยู่ เพราะว่าหากเราตัดสินใจจากมุมมองของลูก เราก็จะปกป้องความรู้สึกของผู้เป็นลูก ซึ่งเป็นการทำงานผิดหน้าที่ เพราะหน้าที่เขาให้ตัดสินใจปกป้องประโยชน์และความรู้สึกของพ่อแม่ที่กำลังจะตาย

     3. ถามว่าถ้าเป็นหมอสันต์เองดูแลแม่ตัวเองในระยะสุดท้าย จะตัดสินใจอย่างไร ตอบว่าผมจะตัดสินใจบรรเทาอาการหอบเหนื่อยโดยฉีดมอร์ฟีนแทนการใส่เครื่องช่วยหายใจ เพราะมอร์ฟีนช่วยบรรเทาความทรมานจากอาการหอบเหนื่อยได้เหมือนกัน แต่ไม่มีผลยื้อชีวิตที่ไม่มีคุณภาพแล้วให้ยาวนานออกไปอย่างผิดธรรมชาติอย่างเครื่องช่วยหายใจ

     4. เรื่องคำโฆษณาหลอกขายยาวิเศษที่คุณส่งมาให้นั้น เป็นเรื่องของคนที่ปลอมตัวเป็นแพทย์เพื่อตบตาหลอกหากินกับคนที่ตามไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา ไม่ใช่แพทย์ตัวจริง แพทย์ตัวจริงทุกคนต้องเป็นสมาชิกของแพทยสภา หากสงสัยคุณสามารถเอาชื่อนามสกุลของผู้อ้างตัวว่าเป็นแพทย์ไปตรวจสอบในเว็บไซท์ของแพทยสภาได้ รายนี้ผมเช็คแล้วเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของแพทยสภา ผมว่าเราอย่าไปยุ่งกับคนอย่างนัั้นดีกว่า

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์