Latest

ติดเชื้อ hiv จะสอบเข้าเรียนแพทย์ได้ไหม

ดิฉันติดเชื้อ hiv จากช่วงน้ำท่วมหนักกรุงเทพแล้วช่วยคนได้รับอุบัติเหตุเลือดออกมากตอนนั้นตัวเองมีบาดแผลที่มือด้วย สี่ปีต่อมาตรวจพบเชื้อ ปัญหาที่หนักหนาคือลูกยังไม่ทราบแล้วไม่ทราบว่าลูกจะติดเชื้อระหว่างเลี้ยงดูหรือไม่ (เลี้ยงลูกคนเดียวค่ะ) เพราะไม่ได้ระวังตัวเองเลย ลูกอยากเรียนแพทย์อนวทนลำบากและอยากช่วยคนอื่น ไปเชคดูว่าการสมัครเรียนแพทย์ของปีนี้ มหาวิทยาลัยของรัฐจะมีการตรวจเลือดทุกมหาวิทยาลัย ราคาประมาณ 1500-1700 ในการตรวจร่างกาย เค้าตรวจ hiv หรือไม่คะ เคยอ่านบทความเก่าๆของคุณหมอบอกว่าไม่ตรวจ (2556) แต่ตอนนี้ผ่านมา 6 ปี เค้าตรวจมั้ยคะ สภาพทั่วไปของลูกแข็งแรงดี แนวลุยๆค่ะ เป็นเรื่องกังวลใจของแม่มาก ไม่รู้ว่าจะถามใครดี รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ

………………………………………..

ตอบครับ

     วันนี้ผมเพิ่งเสร็จแค้มป์ RDBY หมดแรง จึงขอหยิบจดหมายแนวไร้สาระมาตอบนะ

     โห..นี่กังวลข้ามสองช็อตเลยนะเนี่ย คนเรานี่ช่างสรรหาความกังวลมาป้อนใจตัวเองจริงๆ

     ช็อตที่หนึ่ง แม่ติดเชื้อ จึงกังวลว่าลูกจะติดเชื้อด้วย
     ช็อตที่สอง แม่กลัวลูกเสียใจจึงไม่บอกลูกว่าตัวเองติดเชื้อ แต่ก็กังวลว่าวันหนึ่งถ้าลูกรู้ลูกต้องเสียใจ 
     ช็อตที่สาม ลูกอยากเรียนแพทย์ แม่กังวลว่าถ้าลูกติดเชื้อกลัวลูกจะไม่ได้เรียนแพทย์

    เอาเถอะ อย่าไปพูดถึงการรับมือกับความกังวลเลยเพราะไม่ใช่ประเด็นคำถามนะ มาตอบคำถามดีกว่า

     1. ถามว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมีการตรวจหาเชื้อ hiv ไหม ตอบว่า

     อย่างเป็นทางการไม่มีการตรวจ เพราะคนทำอาชีพหมอนี้จะกล้วคนทำอาชีพอื่นอยู่สองอาชีพเท่านั้นเอง คือสรรพากรกับตุลาการ (หิ หิ พูดเล่น) คืออาจารย์แพทย์ที่ออกกฎเกณฑ์เขาก็กลัวเจอของแข็งด้านกฎหมายเหมือนกัน ไม่ว่าจะเรื่องเลือกปฏิบัติ เรื่องสิทธิพลเมือง เรื่องความเท่าเทียม จึงไม่มีใครกล้าเอามือซุกหีบอย่างออกหน้าออกตา คุณสังเกตไหมละว่าในเอกสารสมัครสอบเข้านั้นเขาไม่บอกหรอกว่าที่จะตรวจสุขภาพตรวจเลือดนั้นเขาจะตรวจอะไรบ้าง

     แต่อย่างไม่เป็นทางการนั้นผมตอบคุณใด้แต่ว่าที่นี่ประเทศไทย วงการแพทย์นี้ก็เหมือนวงการอื่นๆทั้งหลายในประเทศไทยที่ข้างหลังไมค์อะไรอะไรก็อาจเป็นไปได้ ดังนั้นหากอยากเรียนจริงก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะถูกเคี้ยะออกที่ด่านใดด่านหนึ่ง จึงต้องไปลุ้นเอาเอง ที่ต้องลุ้นก็เพราะแต่ละคณะ แต่ละสถาบัน ก็ตั้งด่านอย่างไม่เป็นทางการของตัวเอง ต่างจิตต่างใจต่างกฎต่างเกณฑ์

     2. ถามว่าในโรงเรียนแพทย์ทุกวันนี้มีคนที่ติดเชื้อ hiv เรียนอยู่ไหม ตอบว่ามีครับ บ้างติดมาก่อน บ้างมาติดเอาทีหลัง แต่ที่กำลังเรียนอยู่ก็แยะ และจบมาเป็นหมอแล้วก็แยะ บางแห่งก็มีกฎระเบียบห้ามฝึกปฏิบัติหัตถการบางอย่างกับคนจริง เช่นการทำคลอดหรือการผ่าตัดเป็นต้น

     3. ถามว่าถ้าหมอสันต์เป็นคุณแม่จะทำอย่างไร ตอบว่าทำแค่นั่งสมาธิหัดปล่อยวางความคิดเลิกกังวลล่วงหน้าไร้สาระก็พอแล้ว ปล่อยให้ลูกสาวอยากเรียนอะไรอยากสอบอะไรก็ทำของเธอไป อย่าบ้าจี้พาลูกสาวไปเจาะเลือดดู hiv ก่อนเด็ดขาดนะ เหมือนคนโง่คิดจะทำประกันสุขภาพแล้วขยันเที่ยวตรวจสุขภาพตรวจโน่นตรวจนี่เพื่อให้แต่ใจว่าตัวเองไม่เป็นโรคอะไรก่อนซื้อกรมธรรมประกัน โดยหารู้ไม่ว่าข้อมูลเหล่านั้นจะกลายเป็นเครื่องมือระงับการจ่ายสินไหมเมื่อเราป่วยขึ้นมาจริงในวันหลัง ฉันใดก็ฉันเพล ในการสอบเข้าแพทย์นี้ การรู้ข้อมูล hiv ของตัวเองมีผลเสียมากกว่าผลดี เพราะบางด่านเช่นด่านสัมภาษณ์อาจารย์บางท่านจะถามโต้งๆว่าเคยติดเชื้อ hiv มาหรือเปล่า ต้องให้ลูกสาวสามารถตอบได้เต็มปากเต็มคำและใสซื่อว่าหนูไม่รู้ เพราะไม่เคยตรวจ ประเด็นคือด่านนี้โกหกไม่ได้ หากไปภายหน้าเขาจับได้ว่านักศึกษาแพทย์เคยโกหกในการสัมภาษณ์ไม่ว่าเรื่องใด จะถูกถอดสถานะภาพนักศึกษาแพทย์ทันที

     ในกรณีที่คณะแพทยศาสตร์บางมหาลัยเขาบังคับเจาะเลือด hiv จะโดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม แล้วเกิดแจ๊คพอตพบว่าของเราได้ผลบวกแล้วเขาไม่รับเข้าเรียน ก็ไม่เป็นไร เราก็ขอใช้สิทธิไปเรียนคณะอื่นที่เราคะแนนถึงและเขาไม่เกี่ยงเรื่องผล hiv 

     4. ถ้าสอบผ่านเข้าแพทย์ไปได้ เรียนไปแล้ว หาก ณ จุดหนึ่งมีเหตุให้ต้องเจาะเลือดดู hiv (เช่นตั้งครรภ์) แล้วพบว่าติดเชื้อ hiv มา ก็ค่อยปรับวิธีเรียนวิธีทำงานไปให้มันเป็นไปได้โดยไม่มีผลเสียต่อตนเองและผู้อื่น ไม่ต้องกลัวว่าติดเชื้อ hiv แล้วจะเรียนแพทย์ไม่จบหรือทำอาชีพแพทย์ไม่ได้ เพราะอาชีพแพทย์กว้างใหญ่ไพศาล แพทย์บางชนิดบางสาขาไม่ได้แตะตัวคนไข้เลยด้วยซ้ำ

 นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์