Latest

ลูกอายุ 2 ขวบ จะให้ลูกเรียนอาชีพอะไรดี

คุณหมอสันต์คะ
หนูอายุ 24 ปี มีลูกชายอายุ 2 ขวบ หนูรักลูกมากแต่ก็รู้สึกผิดที่ทำให้เขาเกิดมา รู้สึกว่าโลกในวันข้างหน้าเขาจะอยู่ยาก หนูไม่รู้จะปูทางชีวิตให้เขาอย่างไร ให้เขามีอาชีพอะไรดี สูตรปกติที่ให้ลูกติวเข้มเข้าโรงเรียนดีสอบเข้าคณะดีจะได้ทำงานดีๆในยุคของเขาคงใช้ไม่ได้แล้วใช่ไหมค่ะ คุณหมอสันต์มองว่าลูกของหนูเขาจะอยู่ในโลกแบบไหน หนูต้องช่วยลูกเขาเตรียมตัวอย่างไร
หนูศรัทธาคุณหมอมากค่ะ

………………………………………………

     1. ถามว่าสูตรปกติที่ให้ลูกติวเข้มเข้าโรงเรียนดีๆสอบเข้าคณะดีๆจะได้ทำงานดีๆตอนนี้ใช้ไม่ได้แล้วใช่ไหมค่ะ ตอบว่ามันใช้ไม่ได้มาตั้งนานแล้วครับ แต่เนื่องจากคนเป็นพ่อแม่ (รวมทั้งหมอสันต์ตอนมีลูกเล็กด้วย) ต่างก็ใช้ชีวิตไปตามสัญชาติญาณของฝูง (herd instinct) เหมือนฝูงวัวที่วิ่งกรูตามกันไป ตัวหน้าวิ่งไปไหนตัวหลังๆก็วิ่งตามๆกันไป จะวิ่งไปไหนกันก็ยังไม่รู้เลย
 
     ที่ว่าใช้ไม่ได้แล้วก็เพราะผมเดาเอาว่าในยุคสมัยลูกของคุณการได้เข้าโรงเรียนดีๆ สอบเข้าคณะดีๆ ไม่มีความหมายอะไร อย่าว่าแต่ทหารตำรวจคนงานโรงงานเลย แม้อาชีพที่คนนิยมอย่างหมอ วิศวกร สถาปนิก ผู้พิพากษา ทนายความ นักบัญชี โบรคเกอร์ขายหุ้น นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ นักคณิตศาสตร์ประกันภัย หรือแม้กระทั่งนักดนตรี จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์หมด เพราะหุ่นยนต์กะเลวราดพวกนี้มันมีสมองเทียม (AI) ที่ดีกว่าสมองคนแต่ไม่ใช่สมองของตัวมันเอง มันใช้สมองของส่วนกลางซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่จดจำข้อมูลทุกยุคที่ได้มาจากคนเกือบทุกคนทั่วโลกรวมศูนย์อยู่ที่เดียว (singularity) แล้วเอามาเข้าขั้นตอนอัลการิทึ่มแล้วเชื่อมต่อกับหุ่นยนต์รายตัวอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบทำให้บอกความเป็นไปได้ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในโลกนี้ได้แม่นยำกว่ามนุษย์อย่างเทียบกันไม่ได้ หุ่นยนต์กะเลวราดทุกตัวรวมทั้งหุ่นถูพื้นบ้านหมอสันต์ (ถ้าตอนนั้นหมอสันต์ยังไม่ตาย) ก็จะฉลาดหลักแหลมกว่าตัวหมอสันต์เอง หิ..หิ นี่เป็นจินตนาการบ้าๆของผมเองนะ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ท่านผู้อ่านที่ไม่คุ้นกับผมไม่รู้ตรงไหนจริงตรงไหนเล่นอย่าเผลอบ้าจี้ แต่พูดถึงหุ่นยนต์แบบนี้อันที่จริงก็เริ่มมีออกมาบ้างแล้ว อย่างเช่นหุ่นผู้หญิงชื่อโซเฟียที่รัฐบาลซาอุออกพาสปอร์ตให้เป็นพลเมืองของตัวเองเป็นต้น ผลงานเล่นๆของหุ่นยนต์รุ่นนี้ก็เช่นการสร้างระบบการเงินการธนาคารใหม่แบบ cryptocurrency หรือบิทคอยน์ที่ทำให้แบ้งค์ต้องเริ่มโละคนออกทิ้งนี่ไง เอ๊ะ เราคุยกันถึงไหนละ กลับมาตอบคำถามคุณต่อดีกว่า

หุ่นยนต์โซเฟีย ถือพาสปอร์ตซาอุ กำลังกล่าวคำปราศัยที่ UN

     2. ถามว่าในยุคของลูกคุณเขาจะอยู่ในโลกแบบไหน ตอบแบบเดาเอาว่าในโลกของเขา คนที่มี “ระดับ” ทุกคนจะมีชิพเท่าเม็ดข้าวสารฝังไว้ใต้ผิวหนังเพื่อให้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกในฐานะพลเมืองผู้มีระดับ ไม่ต้องพกบัตรเครดิตแบบโบราณทีละปึกบวกบัตรประชนบวกใบขับขี่ ไม่ต้องแล้ว ตราบใดที่ทำตัวดีเข้ากับสังคมหุ่นยนต์ได้ชีวิตก็จะมีแต่สะดวกสบาย แต่หากทำตัวไม่ดีเมื่อไหร่ก็จะถูกปิดชิพ คราวนี้ชีวิตก็จะเป็นแบบชิพ..หาย หิ หิ กล่าวคือจะติดต่อกับใครก็ไม่ได้ ซื้อของก็ไม่ได้ แม้แต่จะไปโรงแรมโรงพยาบาลเขาก็ไม่เปิดประตูให้เข้า แต่ผู้มีระดับเหล่านี้จะใช้ชีวิตวันๆทำอะไรกันบ้าง เออ ตรงนี้หมอสันต์ก็จินตนาการไปไม่ถึงเหมือนกัน รู้แต่ว่าจะต้องอยู่ในสังคมร่วมกับหุ่นยนต์ เดาเอาว่าก็คงใช้ชีวิตแบบบ้านๆกิน นอน ขับถ่าย และมีเซ็กซ์ เหมือนคนรุ่นคุณทุกวันนี้แหละ แต่รูปแบบรายละเอียดอาจเปลี่ยนไปบ้าง สิ่งที่เรียกว่าอาชีพก็อาจจะเป็นแค่นั่งๆนอนๆหรือไปมีเซ็กซ์กันซะบ่อยๆจะได้ไม่เกะกะการทำงานของหุ่นยนต์ตัวจริง การมีเซ็กซ์บางครั้งคู่ก็อาจจะเป็นหุ่นยนต์หรือกึ่งคนกึ่งหุ่นยนต์ก็ได้ (ถ้าคุณนิยามว่าคนที่ฝังชิพเม็ดเท่าข้าวสารไว้ใต้ผิวหนังเป็นกึ่งคนกึ่งหุ่นยนต์) แน่นอนว่าประชากรมนุษย์จะมีมากมายเหลือใช้ คือจะเป็นยุครกหญ้าดีกว่ารกคน ดังนั้นผมเดาว่าคงจะมีกลไกอะไรสักอย่างมาเลี้ยะพะเอาคนออกไปจากโลกนี้คราวละมากๆเสียบ้าง จะเป็นสงครามล้างโลก หรือโรคระบาด หรือความอดอยากยากจน หรือน้ำท่วมโลก จะเป็นอะไรผมไม่รู้ รู้แต่ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างมาลดพลเมืองโลกลง

     คุณอาจจะว่าบ้า หมอสันต์ทำไมมองว่ามนุษย์จะตกลงไปต่ำกว่าหุ่นยนต์เสียอีก เปล่านะ ทุกวันนี้ถึงไม่มีหุ่นยนต์มนุษย์ก็ตกต่ำด้วยตัวเองอยู่แล้วนะ สมองของมนุษย์ทุกวันนี้เทียบได้กับคอมพิวเตอร์สั่วๆเครื่องหนึ่งเท่านั้นเอง ความรู้หรือความจำที่มนุษย์เก็บไว้ในสมองเทียบได้กับข้อมูลสั่วๆที่เก็บไว้ในคอมของเด็กนักเรียนบ้านนอกสักหนึ่งเครื่องเท่านั้นเอง แถมความรู้พวกนี้ก็มีครึ่งชีวิต (half life) สั้นจุ๊ดจู๋อีกต่างหาก หมายความว่าเก็บไว้ได้ไม่นานก็หมดอายุใช้การอะไรไม่ได้แล้ว ฟังชั่น อัลการิททึ่มหรือคอนเซ็พท์ที่มนุษย์ยึดกุมไว้ในหน่วยความจำก็เป็นคอนเซ็พท์งี่เง่าคับแคบและรังแต่จะพายกพวกตบตีกันเอง ส่วนร่างกายมนุษย์นั้นผมให้ราคาประมาณรถโตโยต้าคันหนึ่งเป็นอย่างมาก อายุใช้งานอาจจะนานกว่าโตโยต้าหน่อย แต่ความสามารถไม่หนีกัน มนุษย์ทุกวันนี้เขาก็ใช้กันแค่นี้ในการดำรงชีพ คือร่างกาย กับความคิด แล้วมันจะไปต่างอะไรกับมนุษย์ในยุค singularity ละครับ ในยุคนั้นดีเสียอีกที่ความคิดสั่วๆของมนุษย์จะถูกบีบให้มาเข้าท่าและเหมือนกันมากขึ้นเพราะอิทธิพลข้อมูลจากหุ่นยนต์ ผมหมายความว่าหากจะเป็นมนุษย์กันแค่อย่างที่เป็นกันทุกวันนี้ ไปเป็นลูกน้องหุ่นยนต์ดีกว่า ดังนั้นอนาคตของมนุษยชาติจึงแล้วแต่หุ่นยนต์จะพาไปทางไหน ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่รู้จักใช้ “ความรู้ตัว” ซึ่งเป็นศักยภาพแท้จริงที่เขามี เพราะความรู้ตัวนี้เป็นพลังงานที่เชื่อมโยงถึงปัญญาญาณอันเป็นพลังงานละเอียดอ่อนหนึ่งเดียว (oneness) ที่มีศักยภาพไร้ขอบเขตที่จะดลบันดาลความสงบเย็นให้กับมนุษย์และโลกนี้ได้ ถ้ามนุษย์ไม่ยอมใช้ของดีที่ตัวเองมีนี้ ก็เป็นขี้ข้าหุ่นยนต์ไปซะนั่นนะดีแล้ว
   
     3. ถามว่าจะช่วยลูกเขาเตรียมตัวใช้ชีวิตของเขาอย่างไร ตอบว่ามีอยู่เรื่องเดียวที่คุณต้องทำ คือคุณต้องหาทางให้เขาได้เข้าถึงปัญญาญาณอันเป็นศักยภาพสูงสุดของมนุษย์ด้วยตัวเขาเอง คุณต้องปูเบสิกด้วยการใช้ชีวิตของคุณให้เขาเห็นเป็นตัวอย่างว่าชีวิตประกอบด้วยสามส่วนคือ ร่างกาย (body) ความคิด (thought) และความรู้ตัว (awareness) โดยมีความสนใจ (attention) เป็นแขนอันสำคัญของความรู้ตัว คุณอย่าเลี้ยงเขาให้เติบโตในแบบที่ให้เขาจมอยู่กับ “องค์” อันคับแคบแค่ความเป็นปัจเจกบุคคลคนหนึ่ง เป็นชาวบ้านหมู่บ้านหนึ่ง จังหวัดหนึ่ง ประเทศหนึ่ง เรียนจบโรงเรียนหนึ่ง คณะหนึ่ง มหาลัยหนึ่ง นับถือศาสนาหนึ่ง เท่านั้น วิธีการเลี้ยงดูแบบนั้นจะทำให้ความสนใจของเขาถูกเหวี่ยงให้มาจมอยู่ในความคิดหรืออีโก้ตลอดเวลาจนลืมไปว่าชีวิตนี้ยังมีองค์ประกอบหลักที่ไร้ขีดจำกัดคือความรู้ตัว ในทางตรงกันข้ามคุณต้องเลี้ยงดูเขาให้เป็นพลเมืองของจักรวาลนี้โดยไม่ไปติดกับองค์เล็กองค์น้อย ให้ความสนใจ (attention) ของเขาได้มีโอกาสถอยออกจากความคิดและความจำอันคับแคบกลับเข้าไปอยู่กับความรู้ตัวในภาวะที่ปลอดความคิด ให้เขาได้มีชีวิตตื่นเต้นอยู่กับสิ่งเร้าของจริง ใหม่ๆ สดๆ ณ ปัจุจุบันขณะโดยไม่ถูกครอบด้วยความจำบูดๆเก่าๆเน่าๆที่ใส่ให้โดยโรงเรียนและสังคม  ซึ่งที่ตรงนั้น ผมหมายถึงที่ความรู้ตัวในปัจจุบันขณะ นอกจากจะเป็นความสงบเย็นให้กับชีวิตของเขาแล้ว ยังจะเป็นที่ที่ปัญญาญาณจะฉายแสงออกมานำทางชีวิตให้เขาเห็นภาพใหญ่ของจักรวาลนี้อย่างที่มันเป็นจริงๆ แล้วเขาจึงจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างผู้หลุดพ้นและสร้างสรรค์ได้ไม่ว่าจะอยู่กับหุ่นยนต์หรืออยู่กับคนก็ตาม คุณอย่าไปห่วงเรื่องการจะได้มีการศึกษาสูงหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องโบราณไร้สาระ เพราะการศึกษาคือการกรอกความคิดบูดๆใส่หัวคนโดยไม่เข้าใจภาพใหญ่ของจักรวาลนี้ ผลที่ได้คือคนที่มีการศึกษาสูงนั่นแหละที่เป็นผู้ขยันทำลายโลกนี้โดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

     การจะเริ่มต้นใช้ชีวิตในแนวนี้ทำอย่างไรคุณต้องหัดอ่านเอาในบล็อกนี้เพราะผมเขียนไปบ่อยมาก แล้วหัดเอาไปทำเองให้เป็นก่อนคุณถึงจะกรุยทางให้ลูกเขาเดินต่อไปของเขาเองได้ ถ้าอ่านแล้วยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไรให้หาเวลามาเข้า Spiritual Retreat ดู เมื่อคุณหลุดพ้นจากความคิดยึดถืองี่เง่าของตัวเองได้สำเร็จ การจะจูงลูกไปในทิศนี้ก็จะง่ายดุจพลิกฝ่ามือ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์