Latest

เป็นมะเร็งจะผ่าหรือไม่ผ่าดี มันก็แล้วแต่เจ้าตัวเขาสิครับ

เป็นครั้งแรกในชีวิตของน้องชายที่เข้า รพ.และเกือบเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต เมื่อเขาถ่ายเป็นเลือดไม่มีแรงต้องหามส่ง รพ.เข้า icu หมอบอกเขาเสียเลือดมาก เป็นตับแข็งระดับท้องมานตาเหลืองแต่เขาก็รอดมาได้ หลังผ่านไปสองสัปดาห์ หมอส่องกล้องกระเพาะตรวจแผลและเจาะเลือด เจอค่า cea =9 จึงตรวจส่องกล้องอีกครั้งที่ลำไส้ใหญ่ ผลเจอก้อนมะเร็ง 2 ก้อน ก้อนที่หนึ่ง หมอคาดระยะ3-4 อีกก้อนคาดว่าระยะ 2 ปรึกษาหมอศัลย์ จะผ่าตัดสองก้อนทิ้งและต่อกลับติดกับลำไส้เล็ก ผลเลือด ล่าสุดไต 1.1 ,หัวใจปกติ ,เกล็ดเลือด 6หมื่น อีก 7 วันถ้าผลเลือดดีขึ้นหมอศัลย์จะผ่าตัดลำไส้ในวันถัดไปค่ะ
สภาพปัจจุบันน้องชายเดินได้ปกติ กินอาหารได้ มียาบำรุงตับ จิตใจแข็งแรงดี ขอคำแนะนำคุณหมอค่ะ “ผ่าตัดหรือไม่ผ่าดีกว่าคะ”
ที่บ้านมีพี่น้องสามคน ตัวดิฉันพี่สาวให้ผ่า เพราะ การผ่าเป็นโอกาสให้เขาได้ต่อสู้กับโรคตับอีกสักปี
น้องชายคนเล็กไม่ให้ผ่า เพราะ การผ่าเสี่ยงและชีวิตหลังผ่าตัดทรมานอีกหลายเรื่อง ทั้งคีโมและตับแข็งอีก ส่วนตัวผู้ปวยลังเลค่ะ เขามีแต่พี่น้องค่ะ หย่าร้างมานานแล้ว ภรรยาและลูกรับรู้แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก เราสามพี่น้องขอกราบขอบพระคุณคำแนะนำคุณหมอมา ณ ที่นี้ล่วงหน้าค่ะ

…………………………………….
ตอบครับ
     1. ถามว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่จะผ่าตัดหรือไม่ผ่าดี อ้าว..มันก็ต้องแล้วแต่เจ้าตัวเขาสิครับ ผมหมายถึงตัวคนไข้ มันเป็นชีวิตของเขา และเขาก็ยังเดินเหินได้ยังมีดุลพินิจของตัวเอง คนอื่นจะไปมีสิทธิอะไรไปตัดสินแทนเขาได้ละครับ ผมเข้าใจว่าคุณเขียนมาหาเพราะรักและหวังดีอยากจะช่วยเขาตัดสินใจ แต่ผมแนะนำว่ากรณีที่ท่านเป็นญาติของผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มาถึงจุดที่จะเลือกไปทางไหนก็ล้วนแต่จะมีความเสี่ยงต่อการจบชีวิตพอๆกัน ให้เจ้าตัวเป็นคนเลือกเองดีที่สุดครับ คนอื่นหากหวังดีไปเลือกแทนให้ ท้ายที่สุดมักจบลงด้วยความรู้สึกผิดในใจผู้เลือกว่าถ้าเราไม่ไปเลือกแทนเขา เขาก็คงไม่จบชีวิตอย่างนี้ 
     2. ถามว่าเป็นตับแข็งด้วย เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วย ควรจะผ่าตัดดีไหม ตอบว่าในกรณีนี้เราคงต้องฟังคำแนะนำหมอผู้ที่ดูแลเขาไว้ก่อน เพราะนั่นเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้แล้ว เนื่องจากหมอผู้ดูแลท่านมีข้อมูลครบ คำแนะนำของคนไกลอย่างหมอสันต์ซึ่งไม่เคยเห็นคนไข้ ไม่เคยตรวจร่างกายคนไข้ ไม่มีทางที่จะเป็นคำแนะนำที่ดีกว่านั้นไปได้ อย่างดีผมก็แค่ให้ข้อมูลประกอบแบบกว้างๆ ดังนี้

     2.1 ประเด็นระยะ (stage) ของมะเร็ง คุณว่าบอกว่าหมอว่าเป็นมะเร็งระยะที่ 3-4 แต่ไม่เห็นบอกว่าเอาหลักฐานอะไรมายืนยันว่าเป็นมะเร็งระยะที่สี่ซึ่งหมายถึงระยะที่มีการแพร่กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว ตรงนี้มีนัยสำคัญในแง่ของการพยากรณ์โรค หากเป็นระยะที่ 4 เราต้องตามไปดูอวัยวะที่มะเร็งแพร่กระจายไป ว่าการผ่าตัดสามารถตัดเอามะเร็งที่กระจายไปนั้นออกด้วยได้หรือไม่ หากผ่าตัดเอาออกได้ การผ่าตัดก็จะได้ประโยชน์ในแง่ของการตัดเอาแหล่งมะเร็งที่มองเห็นด้วยตาได้หมดเกลี้ยง ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานของศัลยกรรมโรคมะเร็งที่ยังถือเป็นมาตรฐานใช้การได้อยู่จนทุกวันนี้

     2.2 ประเด็นการผ่าตัดเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต ผู้ป่วยเข้ารพ.เพราะเลือดออกในลำไส้ ซึ่งมีโอกาสมากที่สุดที่เลือดจะออกจากก้อนมะเร็ง การผ่าตัดในกรณีนี้จะได้ประโยชน์ในแง่การเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ในแง่ที่จะไม่ให้มีเลือดออกอีกซ้ำซาก ผมขอย้อนอธิบายอีกนิด ว่าเรื่องประโยชน์ของการรักษานี้แพทย์มองสองอย่างนะ คือ

     (1) ความยืนยาวของชีวิต

     (2) คุณภาพชีวิต

     ในการตัดเอาก้อนมะเร็งที่เห็นได้ด้วยตาออกหมด เราหวังผลในแง่ความยืนยาวของชีวิต ส่วนในการตัดเอาแหล่งของเลือดออกในลำไส้ออก เราหวังผลในแง่คุณภาพชีวิต ความยืนยาวของชีวิตก็ดี คุณภาพชีวิตก็ดี แม้ได้ผลอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว แพทย์ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ของการรักษา ถือเป็นข้อบ่งชี้ว่าควรจะทำผ่าตัด

    2.3 ประเด็นตับแข็ง คุณบอกว่าคนไข้เป็นโรคตับแข็ง แต่ไม่เห็นให้ข้อมูลมาว่าเป็นตับแข็งจากสาเหตุอะไร เพราะสาเหตุของตับแข็งมีตั้งหลายอย่าง เช่น (1) แอลกอฮอล์ (2) ไขมันแทรกตับ (3) ไวรัสตับอักเสบบี.หรือซี. สาเหตุของโรคตับแข็งเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาที่สำคัญว่าควรผ่าตัดหรือไม่ เพราะแต่ละสาเหตุก็มีการพยากรณ์โรคไม่เหมือนกัน อย่างถ้าเป็นตับแข็งจากแอลกอฮอลนี่ก็คือแมวเก้าชีวิตดีๆนี่เอง หมายความว่าตายยาก ยังจะอยู่ได้อีกนาน 

    3. สมัยนี้มักมีความนิยมแนวทางการรักษามะเร็งแบบ ไม่ผ่าตัด ไม่ฉายแสง ไม่คีโม หรือที่เรียกแบบบ้านๆว่าใช้หลัก “สามไม่” นั่นเป็นเรื่องความชอบส่วนตัวของแต่ละคน ซึ่งใครชอบอย่างนั้นผมก็ไม่คัดค้าน แต่ผมไม่แนะนำให้ใช้หลักสามไม่กับคนทั่วไปแบบรูดมหาราชอย่างแน่นอน เพราะจะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งส่วนหนึ่งที่มีการพยากรณ์โรคดีสูญเสียโอกาสที่จะได้รับการรักษาที่จะทำให้อัตรารอดชีวิตของเขาหรือเธอยืนยาวขึ้น ในภาพรวมการรักษามะเร็งทุกชนิดในปัจจุบันนี้ที่มีหลักฐานว่าให้อัตรารอดชีวิตดีที่สุดคือการรักษาตามวิธีการของแพทย์แผนปัจจุบันก่อน ไม่ว่าจะเป็นผ่าตัด ฉายแสง คีโม ถ้าหมอเขาแนะนำว่าทำแล้วจะมีประโยชน์มากกว่าไม่ทำก็ควรจะทำไป เมื่อได้ทำสิ่งเหล่านั้นครบแล้ว จึงค่อยหันมาดูแลตัวเองด้วยวิธีการที่ตัวเองชื่นชอบ

     4. ข้อนี้คุณไม่ได้ถามแต่ผมแถมให้ ว่าการดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผมแนะนำตามตามคำแนะนำของสมาคมมะเร็งอเมริกัน (ACS) ซึ่งได้ออกคำแนะนำมาตรฐานให้ผู้ป่วยมะเร็ง ดังนี้

     4.1 จำกัดการทานเนื้อสัตว์ในรูปแบบไส้กรอก เบคอน แฮม (processed meat) และจำกัดการทานเนื้อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (red meat) เช่นเนื้อหมูเนื้อวัว

     4.2 ทานผักและผลไม้ให้มากๆเข้าไว้ อย่างน้อยวันละสองถ้วยครึ่ง

     4.3 ทานธัญพืชไม่ขัดสี (เช่นข้าวกล้องหรืือขนมปังโฮลวีท) แทนธัญพืชขัดสี

     4.4 ทานอาหารในปริมาณพอดีไม่ทำให้อ้วน ถือหลักผอมไว้เป็นดี แต่อย่าผอมจนผิดปกติ (อย่าให้ดัชนีมวลกายต่ำกว่า 18.5) เพราะความอ้วนสัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งมากขึ้น แต่ถ้าผอมเกินไปก็จะทำกิจกรรมประจำวันลำบาก

     4.5 ลดการดื่มแอลกอฮอล์ (ถ้าตับแข็งอยู่แล้วก็ควรเลิกดื่มไปเลย)

     4.6 ให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วย คือออกกำลังกายถึงระดับหนักพอควร (หอบแฮ่กๆร้องเพลงไม่ได้) สัปดาห์ละ 150 นาที หรือหนักมาก (พูดไม่ได้) สัปดาห์ละ 75 นาที โดยทะยอยออกแบบกระจายตลอดสัปดาห์ ร่วมกับหาโอกาสทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากกว่าชีวิตประจำวันปกติบ่อยๆ

     นอกจากคำแนะนำของ ACS ข้างต้นแล้ว หมอสันต์ขอแนะนำเพิ่มเติมว่าการได้ทานผักผลไม้ให้มากและหลายหลายเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่าลืมว่ายาเคมีบำบัดเกือบทั้งหมดเป็นพืชทั้งสิ้น การได้ทานพืชที่หลากหลายจึงสำคัญ หากทานอาหารไม่ได้ หรือทานได้ไม่พอ ควรเลือกเอาอาหารพืชที่อุดมคุณค่ามาปั่นรวมกันด้วยเครื่องปั่นความเร็วสูงโดยไม่ทิ้งกากหรือส่วนดีๆใดๆเลยให้ผู้ป่วยดื่ม เพราะงานวิจัยในเนอร์ซิ่งโฮมได้ผลสรุปว่าเป็นวิธีช่วยให้ผู้ป่วยได้อาหารครบถ้วนพอเพียงมากขึ้น มีโอกาสขาดอาหารน้อยลง

     นอกจากนี้สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง หมอสันต์ขอแนะนำเพิ่มเติมให้หาผักพื้นบ้านแปลกๆหาทานยากๆอย่างละนิดอย่างละหน่อยรวมทั้งเห็ดต่างๆตามฤดูกาลมาทานสดบ้างปั่นบ้างตามสะดวก เพราะการได้ธาตุที่หายากและที่ร่างกายใช้น้อย (trace element) ซึ่งมักมีแต่ในพืชเท่านั้นมาเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่ครบถ้วน จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานดีขึ้น ทั้งนี้อย่าลืมว่าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเราเป็นด่านที่เชื่อถือได้มากที่สุดที่จะทำให้มะเร็งหายได้

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์