Latest

เกรซ (Grace) คุณไวต่อชีวิต หรือว่าคุณไวต่ออีโก้ของคุณ

คุณหมอสันต์ครับ
ตอนที่อยู่ในแค้มป์ SR คุณหมอพูดถึง Grace ผมตั้งใจจะขอคุณหมอให้อธิบายละเอียดขึ้นอีกหน่อยได้ไหมว่า Grace คืออะไร มาจากไหน และเราจะเปิดรับเอา Grace เข้ามาสู่ตัวเราได้อย่างไร รบกวนถามย้อนหลังผ่านทางนี้ครับ

……………………………………………………

ตอบครับ

วีแกนโปรตีนบาร์ โฮมเมด

     ผมกำลังนั่งกิน “วีแกนโปรตีนบาร์” ฝีมือหมอสมวงศ์กับกาแฟมื้อเช้าอยู่ที่ใต้ต้นดอกไม้อะไรไม่รู้สีเหลืองๆซึ่งหล่นเกลื่อนอยู่ที่หน้าบ้านบนเขาที่มวกเหล็ก เมื่อตะกี้ผมเก็บดอกจำปีจากหลังบ้านมาหนึ่งดอก เมื่อหยิบดอกจำปีขึ้นมาดม มันมีกลิ่นหอม เพื่อนๆที่มาเยี่ยมผมเคยชมว่ามันหอมมากเป็นพิเศษ เพราะความลับก็คือมันขึ้นใกล้บ่อเกรอะส้วม ถ้าจะให้ผมอธิบายว่ากลิ่นหอมนี้คืออะไร มาจากส้วมหรือมาจากไหน ผมก็อธิบายยากอยู่นะ ถามว่าเกรซหรือที่ผมเรียกว่าพลังเมตตานี้คืออะไร ผมก็คงตอบได้แค่ว่าคือพลังงานที่แผ่ออกมาจากอะไรสักอย่างที่เป็นพลังงานต้นกำเนิดซึ่งให้กำเนิดและขับเคลื่อนสรรพสิ่งในโลกนี้ ผมคงตอบได้แค่นี้

     ถามว่าทำอย่างไรจึงจะรับเอาเกรซเข้ามาสู่ตัวเองได้ ผมตอบได้แต่ว่าถ้าใครสักคนเป็นหวัดคัดจมูกหรือจมูกกำลังด้านอยู่ ผมยื่นดอกจำปีนี้ให้เขาดม เขาดมแล้วอาจจะบอกว่าไม่เห็นได้กลิ่นอะไร เช่นเดียวกัน แสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วไม่ว่าใครๆก็มองเห็นสิ่งต่างๆได้เพราะแสงอาทิตย์ แต่แสงอาทิตย์มันไม่มีความหมายหรือประโยชน์ใดๆเลยสำหรับคนตาบอด การที่ใครจะรับเอาเกรซเข้ามาสู่ตัวเองแล้วแผ่ให้คนอื่นได้มากแค่ไหนนั้นก็คงขึ้นอยู่กับความไว (sensitive) ต่อชีวิตของเขา ไวต่อชีวิตนะ ไม่ใช่ไวต่อการปกป้องความเป็นบุคคลของตนเอง อย่างหลังนี้ไม่เรียกว่าไวต่อชีวิต เรียกว่าไวต่ออีโก้มากกว่า ความไวต่ออีโก้เป็นภาพหลอนที่ปิดบังไม่ให้คนเรารับรู้และเผื่อแผ่เกรซ เหมือนกับการเป็นหวัดปิดบังไม่ให้รับรู้กลิ่นหอมดอกจำปี

     คนเราเกือบทุกคนสร้างภาพหลอนเรื่องความเป็นบุคคลของตัวเองขึ้นมาและพะวงปกป้อง เพราะมันเกิดภาพหลอนซ้ำสองว่าความเป็นบุคคลนี้กำลังร่วงหรือกำลังรุ่งต้องรีบทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขหรือค้ำจุน ทำให้ชีวิตของคนเราเป็นชีวิตที่ลำบากน่าสงสารมาก คุณเองก็คงเจอเองบ่อยมากที่กับใครสักคนหากคุณเผลอพูดอะไรไปนิดเดียวเป็นโดนแหวกลับแทบจะทันทีเพราะคำพูดของคุณไปแหย่ต่อมปกป้องอีโก้ของเขาหรือเธอซึ่งเป็นคนไวต่ออีโก้เข้า

     เมื่อใดที่คุณถอยความสนใจออกมาจากความคิดที่จมปลักอยู่ในความหลอนของอีโก้นี้ได้พ้น เมื่อนั้นชีวิตคุณก็จะเปลี่ยนเป็นความมหัศจรรย์ทันที เพราะคุณจะกลายเป็นคนไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับตัวคุณและสิ่งรอบๆตัวคุณ ชีวิตคุณในยามนั้นจะเป็นชีวิตที่จุ่มแช่อยู่ในเกรซอย่างแท้จริง และจะเป็นชีวิตที่เบิกบานสงบเย็นอย่างยิ่ง ในความเป็นจริงแม้เดี๋ยวนี้ชีวิตของเราทุกคนจะจุ่มแช่อยู่ในเกรซอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่สงบเย็นไม่เบิกบานเพราะความสนใจของเราไปจมปลักอยู่ในความคิดที่หลงเชื่อในความเป็นบุคคลของเรา จึงไม่ได้รับรู้เกรซที่อบร่ำค้ำจุนเราอยู่จนสักนิดเดียว

     สมมุติว่าผมมีคนไข้สองคนนอนอยู่ในโรงพยาบาล ผมเอาอาหารให้เขากินคนละถาดเหมือนกันเลย แต่ร่างกายของคนสองคนนั้นจะใช้ประโยชน์จากอาหารนั้นได้ไม่เท่ากัน คนหนึ่งกินแล้วอาจจะยิ่งผอมลง อีกคนหนึ่งกินแล้วอาจจะอ้วนขึ้น เพราะร่างกายของคนทั้งสองคนมีประสิทธิภาพในการดูดซึมอาหารไปใช้ไม่เท่ากัน

     ให้พูดอีกอย่างหนึ่งดีกว่า ว่ามันไม่ใช่ประเด็นของการจะดูดซึมซับเอาเกรซเข้ามาสู่ตัวเองอย่างไรหรอก เพราะทุกชีวิตล้วนจุ่มแช่อยู่ในเกรซทั้งนั้นไม่งั้นก็คงตายไปนานแล้ว การที่เราสูดหายใจดื่มน้ำกินอาหารแล้วชีวิตเราก็ดำรงอยู่ได้นี่แหละเป็นเพราะเกรซค้ำจุนเราเต็มๆอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือเราจะเผื่อแผ่เกรซที่ได้รับมานี้ออกไปให้เป็นที่หอมชื่นใจของคนอื่นได้อย่างไรมากกว่า เพราะบางคนรับมาแล้วถูกความไวต่ออีโก้ของตัวเองแปลงมันไปเป็นอะไรอย่างอื่นที่ปล่อยออกไปแล้วไประรานทำร้ายชีวิตอื่นไปเสียฉิบ คุณถามผมว่าจะใช้เกรซจรรโลงชีวิตนี้ให้สุขสบายขึ้นได้อย่างไร ผมตอบคุณว่าให้คุณเอาอย่างต้นจำปีนี่ก็ได้ มันรับเกรซเข้าไปในรูปของสิ่งโสโครกในบ่อเกรอะส้วมคลุกเคล้ากับอากาศเสียที่คนหายใจออกไป แล้วมันก็เผื่อแผ่เกรซนั้นออกมาเป็นกลิ่นหอมสู่ชีวิตอื่น มันทำตัวแบบผู้ไวต่อชีวิต เพราะมันมีชีวิตแต่มันไม่มีอีโก้ มันไวต่อชีวิต มันไม่ไวต่ออีโก้ ถ้าคุณทำอย่างมันได้ ชีวิตของคุณก็จะเบิกบานจากการเป็นศูนย์กลางการแผ่กระจายของเกรซได้

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์