Latest

The BROAD Study งานวิจัยลดน้ำหนักด้วยอาหารพืชเป็นหลักที่ดีที่สุดเท่าที่มีมา

     งานวิจัยลดน้ำหนักด้วยอาหารพืชเป็นหลักที่ลงทุนทำแบบแบ่งกลุ่มสุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบ (RCT) เท่าที่ผ่านมามีน้อยมาก งานวิจัย BROAD Study นี้จัดว่าเป็นงานวิจัยแรกที่ทำอย่างรอบคอบรัดกุมและผลวิจัยก็นำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย งานวิจัยนี้ทำในชุมชนที่เมืองจิสบอร์น ประเทศนิวซีแลนด์ โดยเอาคนที่ได้รับวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกินที่อายุอยู่ระหว่าง 35-70 ปีมา 65 คน จับฉลากแบบสุ่มแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้กินอาหารพืชเป็นหลักแบบไขมันต่ำ (PBWF) โดยไม่กินเนื้อสัตว์เลยร่วมกับกินวิตามินบี.12 เสริมโดยลงทุนสอนวิธีทำอาหารให้ด้วย อีกกลุ่มหนึ่งให้กินอาหารปกติที่คนนิวซีแลนด์เขากินกัน ทั้งสองกลุ่มให้กินตามสบาย ไม่มีการจำกัดแคลอรี่ ใครอยากกินเท่าไหร่กิน ขอเพียงให้กินอาหารแบบที่ตัวเองจับฉลากได้เท่านั้น มีการประชุมผู้เข้าร่วมวิจัยทุกสัปดาห์อย่างเข้มงวดนาน 12 สัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่ายังมั่นอยู่กับอาหารของตนอยู่ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้กินด้วยตัวเองแล้วติดตามและประเมินผลที่ 6 เดือน และหยุดการติดตามแบบปล่อยอย่างสิ้นเชิงแล้วไปประเมินผลอีกครั้งที่ 12 เดือน
     ผลการวิจัยปรากฎว่าเมื่อครบหกเดือนมีคนยังยืนหยัดอยู่ในโครงการวิจัยได้ 75% และเมื่อครบหนึ่งปีมีคนยังยืนหยัดอยู่ในการวิจัยได้ 70% ผลการชั่งน้ำหนักพบว่ากลุ่มกินอาหารพืชเป็นหลักลดดัชนีมวลกายได้ 4.4 กก./ตรม. (เฉลี่ยคนละ 12.1 กก.) ขณะที่กลุ่มกินอาหารปกติลดดัชนีมวลกายได้ 0.4 กก./ตรม.คือน้อยกว่ากันสิบเท่า และเมื่อเลิกงานวิจัยแล้วตามไปชั่งน้ำหนักเมื่อหนึ่งปีผ่านไปพบว่ากลุ่มที่กินพืชเป็นหลักก็ยังยืนหยัดลดดัชนีมวลกายได้ 4.2 กก./ตรม. (เฉลี่ยคนละ 11.5 กก.) 
     งานวิจัยนี้สรุปได้ว่าอาหารแบบพืชเป็นหลัก (PBWF) ลดน้ำหนักได้ดีที่สุดในบรรดาการลดน้ำหนักด้วยอาหารที่ไม่มีการจำกัดแคลอรี่และไม่มีการบังคับเรื่องการออกกำลังกายเท่าที่วงการแพทย์ได้มีการทำวิจัยแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบกันมาแล้วทุกรูปแบบ 
     ผมเคยอยู่นิวซีแลนด์มาก่อน รู้จักคนนิวซีแลนด์ดี คนนิวซีแลนด์ก็คล้ายๆคนอเมริกัน คือ 75% ถ้าไม่อ้วนก็น้ำหนักเกินพิกัด แน่นอนย่อมจะต้องตามมาด้วยชีวิตที่ขาดคุณภาพและความชุกของโรคนอนกรน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ สมัยที่ผมอยู่คิวคนไข้รอผ่าตัดบายพาสนานประมาณ 5 ปี เรียกว่าหมอผ่ากันจนมือหงิกคนไข้ก็ไม่รู้จักหมดจักสิ้น 
     การแก้ปัญหาโรคอ้วนของวงการแพทย์ทั่วโลกทุกวันนี้ยังไร้ทิศทาง เพราะการทบทวนเปรียบเทียบวิธีลดน้ำหนักแบบต่างๆที่ทำวิจัยไปแล้ว 48 รายการไม่ว่าจะเป็นแบบกินคาร์บต่ำหรือกินไขมันต่ำก็ล้วนพบว่าลดน้ำหนักได้ดีเมื่อ 6 เดือนแรกเท่านั้น พอหมดงานวิจัยตามไปวัดกันที่ 12 เดือน ก็ล้วนน้ำหนักเด้งกลับคืนมาแถมได้เพิ่มอีกคนละ 1-2 กก. เหมือนกันหมด [1-3] 
     ถามผมว่าในประวัติศาสตร์ของวงการแพทย์ มีไหมที่มีสูตรอาหารไหนลดน้ำหนักได้เป็นเนื้อเป็นหนังได้นานเป็นปีขึ้นไปมาก่อน ถ้าไม่นับการผ่าตัดมัดกระเพาะอาหาร ตอบว่ามี คือย้อนอดีตไปประมาณปี ค.ศ. 1940 ซึ่งเป็นสมัยที่ยังไม่มียารักษาความดันเลือดสูงดีๆอย่างสมัยนี้ มีหมอเยอรมันคนหนึ่งไปตั้งคลินิกรักษาความดันเลือดสูงในอเมริกาโดยการบังคับให้คนไข้ฝรั่งกินแต่ข้าวต้มอย่างเดียวห้ามกินเนื้อสัตว์เด็ดขาด เขารายงานผลการรักษาด้วยข้าวต้มของเขาไว้ในวารสารการแพทย์ซึ่งพบว่าคนไข้เขาจำนวน 106 คนลดน้ำหนักเมื่อครบหนึ่งปีได้เฉลี่ยคนละ  63.9 กก. [5] แต่วิธีการของเขาไม่มีใครเอาด้วย ตัวเขาเองถูกถอนใบประกอบโรคศิลป์ คนที่รู้เรื่องเบื้องหลังเล่าว่าเขาบังคับคนไข้มากไปหน่อยถึงขั้นลงมือลงไม้ (ฮะ ฮะ ฮ่า ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น) แต่ว่างานวิจัยของเขามีคุณค่าตรงที่ทำให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่ามันเป็นไปได้นะที่จะลดน้ำหนักลงได้ทีละเยอะๆอย่างยั่งยืนด้วยการเปลี่ยนอาหารอย่างเดียว และอาหารหลักที่จะใช้ลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืนนั้นก็ไม่ใช่อาหารพิศดารอะไร เป็นอาหารธัญพืชซึ่งเป็นแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตนี่เอง

     งานวิจัย BOARD Study นี้จัดว่าเป็นการปัดฝุ่นเอาการรักษาโรคด้วย “ข้าวต้ม” ในอดีตกลับมาใช้ใหม่ อาหารพืชเป็นหลัก (Plant Based Whole Food ซึ่งบางทีก็ย่อกันว่า PBWF หรือบางทีก็ย่อว่า WFPB) ที่ใช้ในงานวิจัยนี้เป็นอาหารที่มีไขมันต่ำโดยธรรมชาติ คือได้แคลอรีจากไขมันเพียงประมาณ 7-15% ของแคลอรีทั้งหมด สิ่งที่ให้กินเป็นพื้นก็มีธัญพืชไม่ขัดสีเช่นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ถั่วต่างๆทุกชนิด ผัก และผลไม้ โดยไม่จำกัดชนิดและไม่จำกัดจำนวนและไม่ต้องนับแคลอรีด้วย พวกแป้งในอาหารธรรมชาติเช่นมันเทศ มันฝรั่ง ขนมปัง พาสต้า ก็ให้กินได้ไม่อั้น ที่ห้ามก็แค่ห้ามใช้น้ำมันที่สกัดหรือหีบออกมาเหลือแต่น้ำมันล้วนๆไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวห้ามหมด ส่วนพืชที่มีไขมันสูงโดยธรรมชาติอย่างเช่นอะโวกาโดและนัทนั้นไม่ถึงกับห้ามแต่ก็แนะนำให้กินน้อยๆหน่อย นอกจากนี้ยังแนะนำให้ลดน้ำตาล ลดเกลือตามกำลังความสามารถของแต่ละคน และให้เสริมวิตามินบี.12 วันละ 50 ไมโครกรัม ผู้เข้าร่วมวิจัยต้องเข้าประชุมเรียนทำอาหารสัปดาห์ละ 2 ครั้งนาน 12 สัปดาห์ขาดไม่ได้ นอกจากเรียนทำอาหารแล้วก็มักจัดกิจกรรมกลุ่มเช่นเอาหนังชวนให้กินพืชอย่างเรื่อง Fork Over Knives มาฉายให้ดู ทำเกมแข่งขันตอบปัญหาชิงรางวัล จัดงานฉลองเมื่อครบแต่ละเดือนเป็นต้น โดยทั้งหมดนี้โครงการวิจัยออกเงินค่ารถค่าราให้เสร็จ เรียกว่าเป็นงานวิจัยที่ลงทุนพอสมควร
     ข่าวสารกลับบ้านที่ท่านผู้อ่านจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้คือ สำหรับคนอ้วนที่คิดจะลดน้ำหนักให้ยั่งยืนได้ผลดีและทำให้สุขภาพดีด้วย อาหารพืชเป็นหลักแบบไขมันต่ำดีที่สุด อย่าไปท้อเสียตั้งแต่เริ่มคิดว่าจะไม่ได้กินเนื้อสัตว์ ถ้าไปสุดโต่งไม่ได้ก็ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ตัวเองจะไปได้ หมายความว่าทนไม่ไหวจะขอกินเนื้อสัตว์บ้างก็ได้ ซึ่งก็ยังดีกว่าเอาแต่ท้อไม่ได้เริ่มทำอะไรกับน้ำหนักตัวเองเลย
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. Wright N, Wilson L, Smith M, Duncan B, McHugh P. The BROAD study: A randomised controlled trial using a whole food plant-based diet in the community for obesity, ischaemic heart disease or diabetes. Nutr Diabetes. 2017 Mar 20;7(3):e256. doi: 10.1038/nutd.2017.3.
2. Atallah R, Filion KB, Wakil SM, Genest J, Joseph L, Poirier P et al. Long-term effects of 4 popular diets on weight loss and cardiovascular risk factors: a systematic review of randomized controlled trials. Circ Cardiovasc Qual Outcomes 2014; 7: 815–827.
3. Makris A, Foster GD . Dietary approaches to the treatment of obesity. Psychiatr Clin N Am 2011; 34: 813–827.
4. Johnston BC, Kanters S, Bandayrel K, Wu P, Naji F, Siemieniuk RA et al. Comparison of weight loss among named diet programs in overweight and obese adults: a meta-analysis. JAMA, 2014; 312: 923–933.
5. Kempner W, Newborg BC, Peschel RL, Skyler JS . Treatment of massive obesity with rice/reduction diet program. An analysis of 106 patients with at least a 45-kg weight loss. Arch Intern Med 1975; 135: 1575–1584.