Latest

ถุงลมในปอดแตกซ้ำซากจนผ่าไม่ได้

เรียนคุณหมอสันต์ที่นับถือค่ะ
คือดิฉันอยากปรึกษาเรื่องสุขภาพของดิฉันมีอยู่ว่าเมื่อสิบหกปีทีแล้วดิฉันเคยเป็นวัณโรคแต่รักษาครบทุกขั้นตอนจนทุกวันนี้ไม่มีเชื้อใดๆทั้งสิ้นแต่จนทุกวันนี้ปอดของดิฉันได้แย่ลงมากๆคือเมื่อวันที่29ธันวาคม2017ดิฉันได้ปอดแตกเข้าโรงบาลอยู่ประมานหนึ่งอาทิตย์ปอดก็สนิทกลับมาพักฟื้นที่บ้านก็ค่อยๆดีขึ้นร่วมสี่เดือนแต่ร่างกายแย่ปวดแสบร้อนหน้าอกตลอดเพราะคุณหมอบอกดิฉันว่าปอดเป็นพรังพืดหมดแล้วแล้วช้ำมากไม่มีดีเลยเหมือนรอความตายแก้ไขไม่ได้ผ่าตัดไม่่ได้ทำใจอย่างเดียวค่ะเหมือนแผลไฟไหม้ดิฉันก็ประคองร่างกายอยู่มาได้เกือบสองปีแล้วมาวันที่29กรกฏาคม2562นี้ก็ได้ปอดแตกอีกครั้งนึงค่ะนอนโรงบาลเกือบสองอาทิตย์เพราะปอดไม่สนิทต้องเคลือบยาแต่เคลือบแค่ครั้งเดียวกว่าปอดจะสนิทผ่าตัดไม่ได้เหมือนเดิมค่ะดิฉันก็บอกผ่าออกเลยหรือทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องกลับมาแตกอีกคุณหมอบอกเคสดิฉันทำอะไรไม่ได้แล้วคุณหมอทรวงอกมาดูด้วยนะคะตอนนั้นเหมือนทุกวันนี้รอความตายอย่างเดียวค่ะตรงนี้และค่ะที่ดิฉันอยากให้คุณหมอแนะนำการกินหรือบำบัดแนะนำวิธีนะคะเพราะว่าดิฉันออกจากโรงบาลมาเกือบสามเดือนครึ่งแล้วร่างกายยังหนักและเดินไม่ค่อยไหวปวดแสบร้อนหน้าและหลังอกแสบๆไม่ได้เป็นกรดไหลย้อนนะคะคุณหมอบอกเนื่องจากแผลที่ปอดค่ะมันช้ำไปหมดแล้วไม่เหลือชิ้นดีเลยค่ะอ่อและอีกอย่างเลือดบางทีก็ออกมาทางปากเองโดยไม่ได้ไอแต่อย่างใดเป็นลิ้มๆค่ะอยากทราบว่าดิฉันต้องปฏิบัตตัวอย่างไรออกกำลังกายอย่างไรกินอย่างไรค่่รบกวนคุณหมอช่วยแนะนำต่ออายุให้แก่ดิฉันอีกหน่อยเถอะค่ะ
อายุ49น้ำหนัก49ส่วนสูง156ค่ะ ส่วนผลตรวจทางโรงบาลคุณหมอไม่ได้ให้มาเลยค่ะมีแต่รูปภาพดิฉันกับใบเสร็จโรงบาลค่ะได้ไหมค่ะคุณหมอ และซองยาห้ามเลือดของเก่านะคะ
กราบพระคุณคุณหมออย่างสูงค่ะ

………………………………………………………….
ตอบครับ
     ผมตอบตามข้อมูลเท่าที่มีนะครับ
     1. การวินิจฉัยโรคที่คุณเป็นคือ
     (1) วัณโรคปอดเก่าที่ทิ้งรอยโรคไว้มาก 
     (2) ถุงลมโป่งพองและแตกออก (spontaneous pneumothorax 
     (3) อยู่ในระยะหลังการใช้สารเคมีก่อให้เกิดพังผืด (post chemical pleurodesis) 
     (4) ภาวะพังผืดยึดติดปอดเรื้อรัง 
     (5) เลือดออกทางหลอดลมจากโรคปอดเรื้อรัง
     2. ในแง่ของแผนการจัดการโรค ปัญหาเฉพาะหน้าคือถุงลมแตกเองซ้ำซากและเลือดออกทางหลอดลม การแก้สองปัญหานี้ให้เด็ดขาดมีวิธีเดียว คือการผ่าตัดปอดออกไปทั้งข้าง (pneumonectomy) แต่ในกรณีของคุณนี้ การผ่าตัดดังกล่าวนอกจากจะทำได้ยากอย่างยิ่งแล้วยังจะมีปัญหาตามมาคือตรงที่โพรงทรวงอกที่ว่างโบ๋โจ๋อยู่นั้นจะมีความเสี่ยงที่จะมีเลือดออกเรื้อรังและติดเชื้อเรื้อรัง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นคุณจะต้องอยู่ในรพ.เพื่อใส่สายระบายเลือดและหนองอย่างยืดเยื้อจนอาจไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเลยก็ได้
     ดังนั้นผมเห็นว่าแผนการรักษาที่หมอเขาสรุปไปแล้วว่าการผ่าตัดไม่ควรทำนั้นก็เป็นแผนที่เจ๋งดีแล้ว ทางเลือกในการรักษาอยู่จึงมีเหลืออยู่ทางเดียวคือการรักษาแบบประคับประคองที่บ้าน เมื่อมีเหตุการณ์ใหญ่เช่นปอดแตกซ้ำจนหายใจไม่ออกหรือเลือดออกทางหลอดลมไม่หยุดก็เข้าโรงพยาบาลเสียทีหนึ่ง
     3. สำหรับการรักษาแบบประคับประคองที่บ้าน สาระหลักอยู่ที่ 
     (1) การขยันออกกำลังกาย โดยนอกจากการออกกำลังกายแบบแอโรบิกและฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเช่นคนทั่วไปแล้ว ยังต้องฝึกการหายใจเข้าออกลึกๆและการฝึกเป่าเพื่อให้ปอดที่แฟบ (atelectasis) ขยายตัวได้ดีขึ้นด้วย เพราะลมรั่วและเลือดออกซ้ำซากมักจะเกิดจากปอดแฟบแล้วมีเนื้อตายเกิดขึ้นในนั้น 
     (2) การกินอาหารที่ให้ทั้งแคลอรี่และคุณค่าอื่นเช่นโปรตีนไวตามินเกลือแร่และกากอย่างพอเพียง เน้นกินอาหารพืชให้หลากหลายเป็นหลัก โดยเน้นให้มีถั่วต่างๆ งา ธัญพืชไม่ขัดสี ผักสดและผลไม้ ทุกมื้อ
     4. ไม่ต้องตีอกชกหัวว่าทุกวันนี้ต้องรอความตาย ทุกคนก็รอความตายกันทั้งนั้น เพราะชีวิตคนเราต้องตาย สำคัญที่วันนี้คุณจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีคุณค่าและมีความหมายมากที่สุดเต็มกำลังที่คุณจะทำได้ ปอดช้ำไปหมดแล้วก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะร่างกายนี้มีความสามารถที่จะเยียวยาตัวมันเองได้อย่างพิศวงไม่ว่ามันจะช้ำหรือเละแค่ไหน คุณยังดีกว่าคนอื่นอีกจำนวนมากที่เป็นอัมพาตเดินไม่ได้ แต่คุณยังเดินได้ ผู้ป่วยแบบคุณนี้ที่ไม่ขยันฟื้นฟูตัวเองต้องนอนในโรงพยาบาลเพื่อใส่สายระบายลมและหนองโดยไม่ได้กลับบ้านเลย การที่คุณได้กลับมาเดินเหินอย่างอิสระที่บ้านนี้ถือเป็นโชคและเป็นจุดตั้งต้นที่ได้เปรียบแล้ว แม้คุณจะรู้สึกว่าการเดินมันหนักจนสู้แทบไม่ไหวแต่คุณก็ยังสามารถสั่งให้ขาของคุณออกเดินได้ ดีตั้งเท่าไหร่แล้ว คุณเพิ่งอายุ 49 ปี หากคุณอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปจริงผมแนะนำให้เลิกคิดเสียว่ามันหนัก มันไม่ไหว มันไม่เหลือชิ้นดี เปลี่ยนมาเป็นยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายในวันนี้ แล้วตั้งใจจะมีชีวิตต่อไปด้วยการออกเดิน ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาให้ลุกขึ้นไปเดิน เดินเท้าเปล่าบนพื้นดินพื้นหญ้าในบรรยากาศธรรมชาติได้ยิ่งดี เดินวันละอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยก็เดินต่อ ควบคู่ไปกับการฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ ทำทุกวัน เพราะการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคทรวงอกไม่มีอะไรดีกว่าการเดินและการฝึกหายใจ และหากสามารถฝึกนั่งสมาธิ วางความคิดเสียบ้าง ก็ยิ่งดี
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์        
………………………………………
จดหมายจากท่านผู้อ่าน
เป็นพระคุณอย่างสูงมากๆเลยค่ะคำแนะนำดิฉันทำตามทุกขั้นตอนค่ะทำอย่างจริงใจอย่างน้อยคุณหมอก็เป็นทางแสงสว่างจุดพลังให้ดิฉันได้อย่างมากเลยค่ะและที่สำคัญอีกอย่างดิฉันมีลูกอายุแค่11ปีอีกคนที่คอยเป็นกำลังใจอีกค่ะ ขอบพระคุณคุณหมอมากๆๆเลยค่ะดีใจจนน้ำตาไหลเลยค่ะที่คุณหมอตอบกลับมาเพราะดิฉันจับดูโทรศัพท์ตลอดเวลาเลยค่ะรอคำตอบจากคุณหมอ ขอบพระคุณมากนะคะด้วยความเคารพอย่างสูง เพราะดิฉันติดตามทางเฟสบุ๊คมีคนในเฟสบุ๊คบอกให้ปรึกษาทางอีเมล์คุณหมอโดยที่ดิฉันก็ไม่เคยเล่นเขียนตอบทางอีเมล์เลยค่ะ ผิดพลาดประการใดดิฉันขอโทษด้วยนะคะ ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ