งานวิจัยแบบ RCT พบว่าวิตามินดี.ทำให้อายุยืนขึ้นจริง
ประเด็นที่ 1. วิตามินดี.ทำให้อายุยืนขึ้นจริง
งานวิจัยแบบสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบ (RCT) ซึ่งมีจำนวนผู้เข้าร่วม 95,286 คน มีระยะเวลาติดตามเฉลี่ย 4.4 ปี ระหว่างกลุ่มที่ได้วิตามินดี.กินเสริม กับกลุ่มที่ได้ยาหลอก พบว่ากลุ่มที่ได้วิตามินดี.กินเสริม มีอายุยืนกว่า และตายจากมะเร็งน้อยกว่า ความแตกต่างนี้ไม่มาก คำนวณเป็นจำนวนคนที่ต้องกินยาเพื่อยืดชีวิตหนึ่งคน (number need to treat – NTT) คือกินยา 150 คนนาน 4.4 ปีจะช่วยยืดชีวิตคนได้หนึ่งคน ฟังดูประโยชน์ที่ได้ก็ไม่มาก แต่อย่าลืมว่ายาที่เราตั้งใจกินกันอย่างเอาเป็นเอาตายทุกวันนี้ประโยชน์ที่ได้ก็ประมาณนี้แหละ ยกตัวอย่างเช่นการให้ยาลดไขมัน (statin) แก่คนเป็นไขมันในเลือดสูงที่มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดปานกลาง (เช่นเป็นความดันสูงด้วย) พบว่าต้องให้คนกินยา 100 คนนาน 5 ปี จึงจะช่วยยืดชีวิตคนได้ 1 คน ดังนั้นหากคิดว่าแสงแดดเป็นของฟรี หรือถ้าออกแดดไม่ได้การกินวิตามินดี. ซึ่งก็เป็นอาหารเสริมราคาถูกที่ไม่มีพิษเหมือนอย่างยา มันก็น่าที่จะออกแดดให้มากขึ้นหรือกินวิตามินดี.เสริม เพราะว่าชั่งน้ำหนักดีเสียแล้วก็ยังดีกว่าอยู่เปล่าๆ
ทั้งนี้แน่นอนว่าการใช้ชีวิตในวิถีที่ทำให้มีสุขภาพดีอันได้แก่การกินอาหารที่มีพืชเป็นหลัก การออกกำลังกาย การนอนหลับพักผ่อนให้พอ การจัดการความเครียดให้ดี ย่อมเป็นเรื่องหลักจะละทิ้งไม่ได้ในการจะมีสุขภาพดีมีอายุยืน โดยการได้รับวิตามินดี.ให้พอเพียงนี้เป็นเรื่องเสริม
ประเด็นที่ 2. ความเชื่อถือได้ของการตรวจระดับวิตามินดี.โดยห้องแล็บ
ในกรณีที่ไม่ได้เป็นโรคเรื้อรังที่สัมพันธ์กับการขาดวิตามินดี (อันได้แก่โรคเบาหวาน ความดัน หัวใจขาดเลือด มะเร็ง หอบหืด ข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคซึมเศร้า เป็นต้น) ผมแนะนำเหมือนคณะกรรมการป้องกันโรครัฐบาลสหรัฐ (USPSTF) ว่า “ไม่ควร” ไปตรวจระดับวิตามินดี.เพียงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพประจำปี เพราะนอกจากจะเสียเงินแล้วยังอาจได้ผลลัพท์ที่ทำให้เป็นโรคประสาทอีกด้วยเนื่องจากแต่ละห้องแล็บตรวจให้ผลที่ต่างกันได้มาก งานวิจัยทดลอง [2] เอาตัวอย่างวิตามินดีจากคนๆเดียวกัน ส่งไปให้ห้องแล็บ 1090 แห่งทั่วโลกตรวจดูระดับวิตามินดีพบว่าได้ค่าแตกต่างกันตั้งแต่ 20 – 100 ng/ml เพราะเทคโนโลยีทางแล็บที่จะตรวจประเมินค่าวิตามินดี.ตอนนี้ยังไม่นิ่ง งานวิจัย [3] เปรียบเทียบเทคนิคของการตรวจพบว่าการตรวจด้วยเทคนิค automated immunoassay ซึ่งนิยมใช้กันอยู่ในโรงพยาบาลทั่วๆไปนั้นให้ผลที่ได้ไม่แม่นยำเท่าเทคนิค liquid chromatography (LC-MS/MS assay) วิธี LC-MS/MS นี้ถือว่าเป็นมาตรฐานทองคำ [4] ของการตรวจหาวิตามินดี.ในปัจจุบัน แต่ว่าน่าเสียดายที่เทคนิคนี้ยังไม่มีตรวจในโรงพยาบาลทั่วไป (90% ของรพ.ทั่วโลกยังใช้วิธีตรวจแบบ automated immunoassay อยู่)
ผลตรวจที่แตกต่างกันได้มากขนาดนี้จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเอาผลตรวจมาชี้นำการกำหนดขนาดของวิตามินดี.ที่จะกินในแต่ละวัน มีบ่อยมากที่ผู้ป่วยเล่าให้ผมฟังว่าแพทย์เพิ่มขนาดวิตามินดีไปตามผลเลือดที่เจาะได้จนเพิ่มถึงขนาดสูงสุดแล้วระดับวิตามินดีในเลือดก็ยังไม่เพิ่มถึงเกณฑ์ (20 ng/ml) ทั้งนี้เป็นเพราะข้อจำกัดของวิธีตรวจของห้องแล็บ ดังนั้นผมแนะนำให้ท่านไม่ต้องรอตรวจดูระดับวิตามินดี แต่ให้ท่านออกแดดให้มากขึ้นเป็นกิจวัตรประจำวันทุกวัน ถ้าออกแดดไม่ได้ก็แนะนำให้กินวิตามินดี.เสริมในขนาดที่แนะนำโดยสถาบันการแพทย์สหรัฐ (IOM) คือ 1,000 IU ต่อวัน ทั้งนี้ยกเว้นเฉพาะคนที่เป็นโรคเรื้อรังที่สัมพันธ์กับการขาดวิตามินดี (อันได้แก่โรคเบาหวาน ความดัน หัวใจขาดเลือด มะเร็ง หอบหืด ข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคซึมเศร้า เป็นต้น) ซึ่งในผู้ป่วยเหล่านี้แพทย์มักจะตรวจระดับวิตามินดี.เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการโรคเรื้อรังและสั่งจ่ายวิตามินดี.เพื่อให้กินจนระดับในเลือดถึงระดับปกติอยู่แล้ว
ประเด็นที่ 3. ขนาดสูงสุดที่ปลอดภัยของวิตามินดี.
ตัวเลขเกี่ยวกับขนาด (dose) ของวิตามินดีเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มักทำให้สับสน มันมีตัวเลขสามสี่ตัวที่ไม่เหมือนกันนะ คือ
3. ขนาดที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน (RDA) ที่แนะนำโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ คือวันละ 400-700 IU ต่อวัน ที่ให้ไว้เป็นพิสัยก็เนื่องจากความต้องการไม่เท่ากันตามอายุ ยิ่งอายุมากยิ่งต้องการมาก
วิตามินดี.เป็นของดีต่อสุขภาพแน่ในประเด็นทำให้อายุยืน ภูมิต้านทานโรคดี สุขภาพกระดูกดี ตัวผมเองนั้นแนะนำให้ท่านออกแดดเป็นกิจวัตรเพื่อให้ได้รับวิตามินดี. ออกแดดยิ่งมากยิ่งดี
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. Vitamin D supplementation for prevention of mortality in adults. Bjelakovic G, Gluud LL, Nikolova D, Whitfield K, Wetterslev J, Simonetti RG, Bjelakovic M, Gluud C. Cochrane Database Syst Rev. 2014 Jan 10;(1):CD007470. doi: 0.1002/14651858.CD007470.pub3. PMID: 24414552
2. Lucas R, Neale R. What is the optimal level of vitamin D? – separating the evidence from the rhetoric. Aust Fam Physician. 2014;43(3):119-122.
de la Hunty A, Wallace A, Gibson S, Viljakainen H, Lamberg-Allardt C, Ashwell M. UK Food
3. Standards Agency Workshop Consensus Report: the choice of method for measuring 25-hydroxyvitamin D to estimate vitamin D status for the UK National Diet and Nutrition Survey. Br J Nutr 2010;104:612–19. Search PubMed