Latest

อุลตร้าซาวด์ช่องท้อง คุณไม่ได้ประโยชน์อะไรจากมันเลยนอกจากความกังวล

(ภาพวันนี้ : ไม่ใช่ท่อส่งน้ำโรมันโบราณที่เซ้าท์โพรวองซ์ แต่เป็นรถไฟทางคู่ผ่านเมืองมวกเหล็ก)

เรียน คุณหมอสันต์ สวัสดีค่ะคุณหมอ

หนูชื่อ … อายุ 31 ชีวิตกำลังจะเริ่มต้นเข้าทำงานที่ใหม่ หลังจากที่ตกงานมานานในช่วงโควิด แต่ผลตรวจสุขภาพกลับพบว่ามีก้อนเนื้อที่ตับขนาด 0.8 cm (a 0.8 oval homogeneous hyperechoic nodule at right rope) พ่วงแถมมาในปีนี้  จากเดิมที่เจอติ่งเนื้อโพลิบในถุงน้ำดีขนาด 0.5 cm ที่เป็นมา 3 ปี แล้ว (ซึ่งหมอก็ให้เฝ้าระวังทุกปี จากตรวจ 6 เดือนครั้ง) คุณหมอแนะนำให้ทำ MRI เพื่อดูว่าตกลงมันเป็นอะไรกันแน่ เพราะว่าหมอบอกว่าตรวจมาทุกปีไม่เคยเจอ อยู่ๆ พบก็เลยอยากให้ตรวจ เพราะถ้าเป็นเส้นเลือดขอดที่ตับ (หนูไม่รู้ฟังมาถูกไหมเพราะเบลอจากได้ยินว่าเจอก้อนในอวัยวะใหม่) มันน่าจะพบนานแล้วจากการตรวจมาทุกปี ตัวประกันสุขภาพที่หนูมีก็ไม่ออกค่าใช้จ่ายให้ จึงอยากขอรบกวนเรียนปรึกษาคุณหมอว่าก้อนเนื้อที่เจอน่ากังวลไหมคะ ถ้าจะติดตามแค่อัลตราซาวทุกปีเพียงพอไหม หรือจำต้องฉีดสีทำ MRI คะ ได้แต่ตัดพ้อว่าทำไมชีวิตต้องเจอโชคร้ายอะไรแบบนี้ด้วยคะ ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ  

ด้วยความเคารพ

……………………………………………………………..

ตอบครับ

1.. ถามว่าอายุ 31 ไม่มีอาการอะไรตรวจอุลตร้าซาวด์พบเนื้อเยื่อขนาดต่ำกว่า 1 ซม. ที่สะท้อนคลื่นเสียงมากกว่าเนื้อตับปกติ น่ากังวลไหม ตอบว่าไม่น่ากังวลครับ เกือบทั้งหมดมักจะเป็นการขดตัวของหลอดเลือด (hemangioma) ซึ่งไม่ต้องการการรักษาอะไร

ประเด็นที่ว่าหากเป็น hemangioma ก่อนหน้านี้ทำไมตรวจไม่เจอ ตอบว่าการขดตัวของหลอดเลือดไม่จำเป็นต้องตรวจพบตั้งแต่เกิด แต่ค่อยๆมีขนาดใหญ่ขึ้นแล้วมาตรวจพบเอาตอนโตได้ ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น

2.. ถามว่าจำเป็นต้องทำ MRI ไหม ตอบว่า ไม่จำเป็นหรอกครับ

การจะทำ MRI คุณต้องมองข้ามช็อตไปว่าหากผล MRI บ่งชี้ไปทางว่าน่าจะเป็นเนื้องอก คุณจะยอมตัดชิ้นเนื้อตับออกมาตรวจไหม เพราะภาพจาก MRI ก็มิได้สิ้นสุดว่ามันเป็นอะไรอยู่ดี ผมตอบล่วงหน้าแทนคุณได้เลยว่าแม้ MRI บ่งชี้ไปทางว่ามันน่าจะเป็นเนื้องอก ยังไงเราก็ไม่ผลีผลามตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) ตับออกมาตรวจตอนนี้อยู่ดี เพราะมันเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงสูงขณะที่ประโยชน์ที่จะได้จากผลการตรวจชิ้นเนื้อมีน้อยกว่า 1 ใน 100 ยังไงเราก็ต้องดูเชิงหาข้อมูลเพิ่มเติมไปก่อนว่าหากมันเป็นเนื้องอกจริงมันมีอัตราการเพิ่มขนาดไปอีกเท่าตัวในเวลาเท่าใดก่อน หากมันเพิ่มขนาดไปเท่าตัวในเวลา 6 เดือน – 1 ปี ก็มีเหตุผลมากพอที่จะสงสัยว่ามันอาจจะเป็นมะเร็งตับ

หากติดตามดูหนึ่งปีแล้วมันเพิ่มขนาดเกินหนึ่งเท่าตัวจริงถึงตอนนั้นคุณก็ต้องมองข้ามไปอีกช็อตหนึ่งว่าหากมันเป็นมะเร็งตับ คุณจะยอมรับการผ่าตัดเอาตับออกไปส่วนหนึ่งไหม หากไม่ยอมรับก็ไม่ต้องไปทำอะไรต่อ แต่หากยอมรับว่าจะผ่าตัดก็ค่อยเดินหน้าตัดชิ้นเนื้อตับออกมาตรวจ หากผลตรวจชิ้นเนื้อแจ๊คพอตด้วยโอกาสน้อยกว่า 1 ใน 100 ว่ามันเป็นมะเร็งตับขึ้นมาจริงๆก็เดินหน้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดเอาตับออกไปบางส่วน

ทั้งหมดนี้คือภาพใหญ่ของวิธีคิดวางแผนจัดการสืบค้น (investigation) โรคต่างๆ คือทุกสะเต็พที่จะเดินหน้าทำอะไร ต้องมองข้ามช็อตไปว่าทำแล้วจะมีผลเปลี่ยนวิธีจัดการโรคไหม หากทำแล้วไม่มีผลเปลี่ยนวิธีจัดการโรค คุณอยู่เฉยๆดีที่สุด

วงการแพทย์เป็นวงการอุตสาหกรรมที่มีการคิดค้นสินค้าใหม่ๆขึ้นมาเสนอขายไม่หยุดหย่อน ทั้งด้านการสืบค้นโรค และด้านการรักษาโรค สินค้าเหล่านั้น 9 ใน 10 เป็นสินค้าที่ไร้สาระและก่อปัญหาต่อสุขภาพของผู้คนมากกว่าที่จะป้องกันหรือแก้ปัญหาสุขภาพ ยกตัวอย่างเช่นการที่คุณไปตรวจอุลตร้าซาวด์ของช่องท้องทุกปี หลักฐานวิจัยที่วงการแพทย์มีคือการทำเช่นนั้น (อุลตร้าซาวด์ทุกปี) ข้อมูลที่ได้มาไม่ได้ช่วยลดอัตราตายจากโรคต่างๆลงเลย มีแต่จะก่อความกังวลและชักนำไปสู่การสืบค้นและการสุ่มรักษาโดยขาดหลักฐานรองรับว่ามีประโยชน์ ยกตัวอย่างเช่นการที่คุณขยันไปทำอุลตร้าซาวด์ทุกปีข้อมูลที่ได้มาคือมีติ่งเนื้อในถุงน้ำดีและเนื้อเยื่อสะท้อนเสียงสูงคล้ายหลอดเลือดขด ข้อมูลนี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับคุณเลย แต่ใจคุณกังวลไปแล้วแน่นอน ตัวความกังวลนี้แหละเป็นผลพลอยเสียที่วงการแพทย์สร้างขึ้นให้คุณ มันจะไปกระตุ้นการผลิตสารเคมีหลายตัวขึ้นในร่างกายเช่นคอร์ติซอล ซึ่งสารเคมีเหล่านั้นจะไปกำกับ (upregulate) รหัสพันธุกรรมของเซลทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆขึ้นมาได้รวมทั้งโรคมะเร็งของจริงเลยคราวนี้

ดังนั้นคุณเป็นหญิงที่เพิ่งอายุ 31 ปี หากอยากมีสุขภาพดีให้อยู่ห่างๆหมอไว้ให้มากที่สุด อย่างขยันที่คุณจะทำเพื่อดูแลตัวเองคือตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกสามปี และตรวจดูเคมีของเลือดในส่วนของน้ำตาลและไขมันทุก 4-5 ปี นอกเหนือไปจากการวัดความดันเลือดและชั่งน้ำหนักตามโอกาส แค่นี้ก็พอแล้ว พออายุถึง 50 ปี อย่างขยันก็อาจจะต้องคัดกรองมะเร็งเต้านมปีเว้นปี และส่องตรวจลำไส้ใหญ่ทุกสิบปี แค่นี้พอแล้ว ทั้งหมดที่ผมว่ามานี้เป็นมาตรฐานการป้องกันโรคสากลที่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์รองรับและเป็นมาตรฐานที่คณะทำงานป้องกันโรครัฐบาลสหรัฐ (USPSTF) ใช้ หากผลตรวจตัวใดตัวหนึ่งผิดปกติไปคุณก็ต้องรีบใช้ข้อมูลนั้นขวานขวายปรับเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตของคุณเองด้วยตัวคุณเอง เช่นหากตรวจพบไขมันในเลือดสูง คุณก็ต้องขวานขวายเปลี่ยนอาหารจากกินเนื้อสัตว์ไปกินพืชให้มากขึ้นและลดปริมาณแคลอรี่โดยรวมที่บริโภคลง เป็นต้น นี่เป็นวิธีใช้ความรู้ทางการแพทย์แบบให้ได้ประโยชน์สูงสุดโดยได้รับพิษภัยจากความรู้ทางการแพทย์น้อยที่สุด

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์