ปู่สันต์สอนเด็กๆฝึกสมาธิ
กินอื่มกันดีแล้ว คราวนี้ปู่จะชวนให้ทุกคนมาฝึกสมาธิแบบโยคี เพราะปู่สันต์มีครูเป็นโยคี จะถ่ายทอดวิชาโยคีให้
(เด็กยกมือ) “โยคีคืออะไรคะ”
โยคีก็คือคนที่ทิ้งบ้านเรือน อาศัยอยู่ตามป่าตามเขา ขออาหารเขากิน ไว้หนวดเครายาว บ้างก็ไม่นุ่งผ้านุ่งผ่อน ไม่มีทรัพย์สมบัติของตัวเอง (เด็กยกมือ)
“โยคีกับฤาษีเหมือนกันป่าวคะ”
เหมือนกันแหละ
(เด็กยกมือ) “แล้วเขาเป็นโยคีกันไปทำไมละครับ”
เขามุ่งหาความสงบสุขที่อยู่ข้างในใจ ไม่มุ่งเสาะหาหรือครอบครองเงินหรือวัตถุที่อยู่ข้างนอก เพราะเขาไม่เชื่อว่าเงินหรือวัตถุนั้นจะทำให้เกิดความสงบสุขที่แท้จริงได้
เอ้า หยุดคำถามไว้ก่อน เริ่มฝึกได้แล้วเดี๋ยวจะหมดเวลา ทุกคนนั่งขัดสมาธิแบบที่ปู่นั่งอยู่นี้ มีใครนั่งไม่ได้บ้าง ดีแล้ว นั่งได้ทุกคน
คราวนี้ยืดหลังให้ตรงขึ้น การเป็นโยคีต้องหลังตรง โยคีหลังค่อมไม่มี
ขั้นที่หนึ่ง เรามารู้จัก “ความสนใจ” หรือ attention ของเราก่อน เวลาเราไปเป็นคนโดยสารอยู่ที่สนามบิน มักได้ยินเขาประกาศว่า
“Attention please..”
คนโดยสารก็จะทิ้งความสนใจจากความคิดที่ล่องลอยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ หันเหความสนใจมาจดจ่อรอฟังว่าเขาจะประกาศข่าวเรื่องอะไร
เอ้าคราวนี้ปู่จะประกาศบ้าง พอประกาศแล้วให้ทุกคนดึงความสนใจออกมาจากความคิดมาจดจ่ออยู่ตรงหน้าเรานี้
“Attention please..”
ขั้นที่สอง ให้ทุกคนเอาความสนใจมา จดจ่ออยู่ที่ลมหายใจ ให้ทุกคนหายใจไปพร้อมกัน การหายใจแบบโยคีเป็นการหายใจลึก deep breathing โดยปู่จะนับให้จังหวะ
เมื่อเริ่มหายใจเข้า ปู่จะพููดว่า “หายใจเข้า” แล้วปู่จะนับ 1, 2, 3, 4 ขณะปู่นับให้หายใจเข้าลึกๆห้ามหยุด
พอนับถึง 4 แล้วปู่จะบอกว่า “กลั้นไว้” แล้วปู่จะนับอีก 1, 2, 3, 4 ให้ทุกคนกลั้นหายใจไว้ห้ามหายใจออก
พอนับถึง 4 แล้วปู่จะบอกว่า “ปล่อยออก” แล้วปู่จะนับ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ให้ทุกคนผ่อนลมหายใจออกตามสบาย พอหมดลมแล้วหากปู่ยังนับไม่ถึงแปดอย่าเพิ่งหายใจเข้า ให้หยุดรอ จนปู่นับถึงแปด แล้วรอให้ปู่บอกว่า “หายใจเข้า” ก่อนจึงเริ่มหายใจเข้าใหม่ได้
เอ้าคราวนี้ทำไปพร้อมกัน ยืดตัวขึ้น อย่านั่งหลังโกง พลังชีวิตจะวิ่งไม่ได้ เพราะพลังชีวิตต้องวิ่งตามแนวกระดูกสันหลัง เอ้าเริ่ม
หายใจเข้า 1, 2, 3, 4
กลั้นไว้ 1, 2, 3, 4
หายใจออก 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
นี่เรียกว่าหายใจแบบ 448 หรือ deep breathing เอ้า คราวนี้ทุกคนหายใจแบบ 448 เอง นับเอง หลังโกงอีกละ ยืดหลังขึ้น อย่าหลังโกง
ขั้นที่สาม เรามาฝึก ผ่อนคลายกล้ามเนื้อร่างกาย ขณะที่หายใจลึกแบบ 448 อยู่นี้ จังหวะหายใจออกให้ทุกคนผ่อนคลายกล้ามเนื้อทั่วตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ผ่อนคลาย relax เราผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อให้ความคิดในหัวหายไป เพราะความคิดเกิดพร้อมกับการหดตัวของกล้ามเนื้อ และหายไปเมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว
เราจะรู้ว่าเราผ่อนคลายได้ก็ด้วยการดูที่ใบหน้าตัวเอง ดูว่าเรายิ้มที่มุมปากแบบสบายๆเหมือนพระพุทธรูปในโบสถ์ได้หรือเปล่า ถ้าเรายิ้มไม่ได้ก็แสดงว่าเราผ่อนคลายไม่ได้
เอ้าทุกคนเอามาสก์ลง ให้ปู่เห็นปาก
ปู่จะเดินดู
ใครที่ยิ้มไม่ได้แสดงว่ายังมีความคิดค้างอยู่ในหัว ปู่จะได้ช่วยเอาไม้ตะพดนี่เคาะให้ความคิดมันกระดอนออกมา
ดีมากทุกคนยิ้มได้แล้ว
ขั้นที่สี่ เราจะฝึก “แอบดูความคิด” ความคิดไม่ใช่เรานะ เราเป็นผู้สังเกตเห็นความคิดของเราได้ ในการสังเกตดูความคิดเราใช้วิธีแอบดูนิดเดียวพอให้รู้ว่าเมื่อกี้เราคิดอะไรอยู่ เอาแต่หัวเรื่อง ดูรู้แล้วก็รีบกลับมาอยู่กับลมหายใจ เพราะหากดูตรงๆนานๆเราจะถูกความคิดดูดเข้าไปคิดต่อ อย่างนั้นกลายเป็น “การคิด” ไม่ใช่ “การแอบดู” แล้ว
เราแค่ฝึกแอบดูความคิด
เอ้า นั่งสมาธิหายใจแบบ 448 และผ่อนคลายไปยิ้มไป ปู่จะตีระฆังทุกหนึ่งนาที พอได้ยินเสียงระฆังให้แอบดูความคิดตัวเองว่าเมื่อตะกี้ตัวเองคิดอะไรอยู่ รู้แล้วก็รีบกลับมาอยู่กับลมหายใจ เอ้า พร้อม เริ่ม หลับตา ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่น หายใจเข้า 1, 2, 3, 4
เก๊ง..ง
เอ้า ลองย้อนกลับไปดูในใจซิ เมื่อตะกี้ก่อนระฆังจะดัง เราคิดอะไรอยู่ รู้ว่าคิดอะไรแล้วก็รีบกลับมาอยู่กับลมหายใจต่อ
ขั้นที่ห้า เราจะฝึก “จดจ่อสมาธิ” โดยอาศัยตาที่สาม ตาที่สามเป็นตาสมมุติว่าอยู่ตรงกลางหน้าผาก เมื่อเราหลับตาเรามองไม่เห็นอะไร แต่เราสมมุติว่าเราเปิดตาที่สามขึ้น มองออกไปยังความมืดที่ว่างเปล่าตรงหน้า จดจ่ออยู่ตรงนั้นให้ลึกละเอียดลงไป ลึกละเอียดลงไป
ในการจดจ่อเราเพิกเฉยต่อภาพ เสียง สัมผัส หรือความคิดใดๆที่โผล่ขึ้นมาเสียทั้งหมด ได้ยินเสียงก็แค่ได้ยิน แต่ไม่สนใจ ความคิดโผล่มาก็แค่แอบดูรู้ว่าความคิดโผล่มา แต่เราไม่สนใจไปดูรายละเอียด
![](https://drsant.com/wp-content/uploads/2023/05/กลุ่มเสื้อม่วง-1024x683.jpg)
ให้มุ่งสนใจจดจ่อความว่างเปล่าอันดำมืดตรงหน้าด้วยตาที่สาม จดจ่อให้เห็นที่จุดเดียวตรงหน้าให้ลึกละเอียดลงไป ลึกละเอียดลงไป ผ่อนคลายร่างกายไปด้วย ยิ้มไปด้วย ปู่จะตีระฆังทุกหนึ่งนาที เราจะนั่งฝึกจดจ่อสมาธิกันห้านาที
เก๊ง..ง
เอ้า ครบห้านาทีแล้ว ลืมตาได้
สรุปว่าเราได้เรียนวิธีนั่งสมาธิซึ่งมีห้าขั้นตอนคือ (1) ดึงความสนใจออกมาจากความคิดมาอยู่ตรงหน้าก่อน แล้ว
(2) หายใจลึก แล้ว
(3) ผ่อนคลายร่างกาย แล้ว
(4) แอบดูความคิด แล้ว
(5) จดจ่อสมาธิผ่านตาที่สาม
![](https://drsant.com/wp-content/uploads/2023/05/เสื้อแดง-1024x683.jpg)
(เด็กยกมือ) “ผมใช้ตาที่สามแล้วไม่เห็นอะไรมีแต่ดำมืด”
ก็เห็นความว่างเปล่าอันดำมืดไง
(เด็กยกมือ) “หนูนั่งสมาธิไปแล้วสีดำกลายเป็นแสงสว่างขาวๆเรื่ออยู่อย่างนั้น เป็นไรไหมคะ”
ดีแล้ว นั่นคืออาการที่เราตื่นอยู่ รู้ตัวอยู่ โดยไม่มีความคิด หรือเรียกว่าเรากำลังมีสมาธิ ตรงนี้แหละเป็นที่ที่เราจะได้สัมผัสกับความสงบเย็นในใจเรา ให้ทุกคนหาเวลาฝึกมาที่ตรงนี้บ่อยๆ แล้วใจเราจะสงบเย็น
(เด็กยกมือ) “หนูเห็นผี มันแลบลิ้นใส่หนูด้วย”
การเห็นผีหรือเห็นอะไรก็ตามขณะนั่งสมาธิมันเป็นธรรมดา เห็นก็เห็น แค่รับรู้ แล้วเดินหน้ากับการจดจ่อของเราต่อไป ไม่ต้องไปใส่ใจผี ผีก็เหมือนความคิดนั่นแหละ มันมาเอง เดี๋ยวมันก็ไปเอง
(เด็กยกมือ) “ผีมีจริงด้วยหรือครับ”
ทุกอย่างที่เราเห็นหรือได้ยิน เราเห็นหรือได้ยินจริงๆทั้งนั้นแหละ จะพูดว่าประสบการณ์ทุกประสบการณ์เป็นของจริงก็ได้ แต่มันดำรงอยู่แค่ช่วงที่เราเห็นหรือได้ยิน มันไม่ได้ดำรงอยู่อย่างถาวร
เอ้า หมดเวลาแล้ว ทุกคนผ่อนคลายกล้ามเนื้อซิ ยิ้มที่มุมปากให้ปู่ดูซิ
เป็นหลานของปู่สันต์ต้องยิ้มที่มุมปากทุกครั้งที่หายใจออก
เป็นหลานของปู่สันต์ตัองเป็นคนเบิกบาน ต้อง joyful
เป็นหลานของปู่สันต์ต้อง joyful จำไว้นะ
เอ้า ก่อนจากกัน ไหนบอกปู่หน่อยซิ ว่าเป็นหลานของปู่สันต์ต้อง…
“JOYFUL”
โอเค้ ดีมาก ไปพักได้
……………………………………………………………………
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์