Latest

เรื่องไร้สาระ (35) ปูนนี้แล้วยังไม่รู้อีกหรือ

(กรณีอ่านจาก fb กรุณาคลิกที่ภาพข้างล่างเพื่ออ่านบทความเต็ม)

บนเส้นทางสู่เม้าท์ คุ้ก

ผมค้นหาไฟล์เก่าเพื่อเตรียมสอนกลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตราวสามสิบคนที่จะมาหาผมที่เวลเนสวันพรุ่งนี้ ก็เผอิญเจอรูปเก่าตอนไปเดินป่าที่นิวซีแลนด์เมื่อต้นปีและโน้ตสั้นๆที่ตัวเองเขียนไว้ อ่านแล้วอดยิ้มไม่ได้ จึงเอามาเป็น “เรื่องไร้สาระ” ให้อ่านเล่น

พฤหัส 27 Apr 2023

วันนี้เป็นวันที่ 11 ของการมาเดินป่าล่าแสงใต้ เราตื่นเช้าขึ้นมาที่โรงแรมที่พักนักเดินเขาสูงชื่อ Aoraki Alpine Chalet ซึ่งอยู่ในหุบเขาเม้าท์คุ้กหรีอ Mount Cook Village นี่เอง นั่งละเลียดอาหารเช้าแบบทำเองกินเองง่ายๆสไตล์กาแฟ ขนมปัง เป็นการเติมพลังก่อนออกเดินเท้าทางไกลไปยังกระท่อมร้างในหุบเขาหิมะชื่อ Hooker Hut อันเป็นเป้าหมายที่หลับนอนในค่ำคืนถัดไปนี้

อาหารเช้าแบบทำเองกินเอง โรงแรมนักเดินเขาสูง Aoraki Alpine Chalet

ผมชำเลืองดูเครื่องทรงชุดกันหนาวที่เว่อวังของสมาชิกบางท่านก็อดแซวไม่ได้

“นี่กะจะไปกันถึงขั้วโลกใต้เลยหรือ” สมาชิกท่านหนึ่งบอกว่า

“เราจะไม่ยอมให้โดนหลอกอีกแล้ว เมื่อวานซืนหนาวสั่นแทบตาย”

อ้อ ความกลัวหนาวเกิดจากประสบการณ์เมื่อวานซืนนี่เอง เมื่อวานซืนเราขับรถของเราขึ้นไปบนสนามสกีรีมาร์เกเบิล ที่เมืองควีนส์ทาวน์ ขึ้นไปแบบโทงๆไม่มีการเตรียมการอะไรเป็นพิเศษ ไปเจอว่าที่นั่นหิมะตกเป็นฝอยปรอยๆ ลมแรงและเย็นหนาวเหน็บเข้ากระดูกจนหลายคนสั่นงั่กๆต้องกลับเข้ามาปักหลักถ่ายรูปอยู่ในรถแทน การมาเม้าท์คุกคราวนี้พยากรณ์อากาศบอกล่วงหน้าว่าหิมะจะตกไม่มีแดดและจะหนาว แต่เช้าวันนี้กลับผิดคาด มีแดดและอุ่นดี

เส้นทางเดินร่วมกับนักท่องเที่ยวทั่วไปในหุบเขา Hooker Valley

แล้วคณะเราก็ออกเดินเท้าไปบนเขาสูง เป้ไม่ค่อยหนักเพราะสะเบียงของเราร่อยหรอไปเกือบหมดแล้ว ทางเดินก็ไม่เป็นปัญหา แดดดี ไม่ลื่น เส้นทางแผ้วถางโรยกรวดไว้อย่างดีเพราะเป็นทางเดินที่นักท่องเที่ยวที่มาเดินไพรในหุบเขา Hooker Valley ใช้ร่วมกัน เรียกว่าลงรถทัวร์ทั้งคันก็เดินทางนี้กันทั้งคัน จะมีปัญหาก็แค่ชุดที่แต่ละท่านทรงกันมาแบบจะไปถึงขั้วโลกนั้น บัดนี้ออกฤทธิ์ให้ตับแล่บเหงื่อแตก จนต้องทะยอยลอกคราบกันทีละชิ้น ทีละชิ้น ซึ่งนั่นนำไปสู่ปัญหาที่สอง คือ

“โทรศัพท์ป้าหาย!”

เวรละสิ ช่างเลือกเวลาทำของหายได้เหมาะเจาะจริงเชียวนะ จากการสอบสวนพบว่าป้าให้คุณน้าถ่ายรูปให้ ถ่ายเสร็จคุณน้าก็จำได้แค่ว่าเก็บยัดกระเป๋า กระเป๋าไหน อย่างไร เมื่อไหร่ ฮิ..ฮิ ไม่ทราบ เพราะเป็นลืม

พวกเราจึงต้องจัดกระบวนทัพเดินย้อนหลังเส้นทางเดิมเพื่อค้นหาโทรศัพท์ แบ่งเป็นปีกซ้าย ปีกขวา และลุยคลอง ค้นหารอบแรกสรุปว่าไม่พบ แต่ป้าก็ยังไม่วายบ่นอุบอิบอับว่าอุตส่าห์ซื้อโทรศัพท์มาหลายหมื่นก็เพื่อมาถ่ายรูปการเที่ยวครั้งนี้ แล้วรูปก็อยู่ในนั้นหมด มิใยที่คุณน้าบอกว่าจะซื้อคืนให้เธอก็ยังบ่น เอ้า ค้นหากันรอบที่สอง ก็ไม่พบอีก หมดเวลาไปราวสองสามชั่วโมง ผมเกรงว่าเส้นทางข้างหน้าสั้นยาวยังไม่รู้ เกรงจะมืดก่อนถึงกระท่อม จึงบอกให้คณะตัดใจทิ้งโทรศัพท์แล้วเดินหน้าต่อไป แต่มีอยู่คนหนึ่งยังตัดใจไม่ขาด เธอพร่ำสวดว่า

“ขอให้หลวงพ่อคูณนำคืน ขอให้หลวงพ่อคูณนำคืน”

เส้นทางพาเราออกจากทางของนักท่องเที่ยวหลัก ลงทางเล็กๆซึ่งเป็นทางเดินเรียงเดี่ยวเข้าไปในพงอ้อพงแขมสูงท่วมหัว มีเสาสีส้มปักหมายเป็นระยะเผื่อเวลาหิมะลงจะได้ไม่หลงทาง เดินกันกำลังเริ่มเมื่อยขาก็มาถึงกระท่อมโดดเดี่ยวตั้งอยู่กลางหุบเขาหิมะ Hooker Hut

พวกเราปลดเป้ลงแล้วนั่งพักเหนื่อยชมทิวทัศน์ซึ่งเป็นภูเขาหิมะรายล้อมรอบกระท่อม นอกจากพวกเราแล้วไม่มีมนุษย์อื่นบังวิวเลย แล้วก็เข้าไปสำรวจในกระท่อม กระท่อมแห่งนี้เป็นกระท่อมเดินไพรหลังแรกของประเทศนิวซีแลนด์ สร้างไว้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1910 ก็คือร้อยกว่าปีมาแล้ว โดนหิมะถล่มใส่เสียหายยับเยินแล้วเพิ่งซ่อมครั้งใหญ่ไปเมื่อปีกลายนี่เอง เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักโดยคณะของเรานี้จัดว่าเป็นคณะแรกๆก็ว่าได้ แต่กว่าจะมาพักที่นี่ได้ก็ต้องจองล่วงหน้ามาไม่น้อยกว่าหกเดือน เมื่อมาถึงแล้วก็ไม่ผิดหวัง

เปิดประตูกระท่อมด้วยความยากลำบาก แล้วก็กรูกันเข้าไปสำรวจในกระท่อม มีเตาผิงใช้ฟืน ไม่หนาวตายแน่คืนนี้ แล้วก็มีเสียงร้องด้วยความดีใจ

“มีหม้อต้มน้ำให้ต้มมาม่าด้วย”

แล้วก็มีเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นจากนอกกระท่อม เป็นเสียงของคนเข้าไปใช้ห้องส้วม

“โอ้ โฮ เฮะ ส้วมที่นี่วิวสุดยอดเลย วิวเม้าท์คุกเวอร์ชั่นในปฏิทิน แต่ต้องเปิดประตูส้วมไว้นะ”

วิวเม้าท์คุ้กเวอร์ชั่นปฏิทิน แต่ต้องเปิดประตูส้วมไว้นะ

ต้มมาม่ากินได้ด้วย

เราสำรวจที่นอน กระท่อมหลังนี้นอนได้ 8 คน พวกเรามากัน 6 คน มีจิ๊กกี๋กีวี่ตามมาร่วมใช้กระท่อมอีก 2 คน ขณะที่คนอื่นเขาตื่นเต้นกับกระท่อมที่พัก แต่ป้าพอเห็นที่นอนก็ปีนขึ้นไปคลุมโปงนอนแน่นิ่งเสียสติไปแล้วด้วยความเสียดายทรัพย์

ผมเดินเข้าไปตบไหล่เธอ ว่า

“โถป้า..ปูนนี้แล้ว ยังไม่รู้จักชีวิตอีกหรือ”

ออกมาดูดาวบนท้องฟ้ากลางหุบเขาหิมะในม้าท์คุกตอนดึก

ตกดึกผมตื่นมาดูดาวกับสองสาวกีวี่ ผมชงกาแฟให้เธอสองคนแลกกับการที่ผมจะได้ดูดาวในกล้องของเธอโดยผมไม่ต้องเหนื่อยแบกกล้องมาด้วย ในอากาศที่หนาวเหน็บขนาดนี้ การได้จิบกาแฟร้อนๆขณะดูดาวเป็นประสบการณ์ที่ดีเชียว

เช้าวันรุ่งขึ้นเราฝ่าความหนาวกินอาหารเช้ากันหน้ากระท่อม บอกลา Hooker Hut แล้วเดินเท้ากลับเข้ามายังหมู่บ้าน Mount Cook Village ตลอดทางเราถามร้านค้า ยาม เจ้าหน้าที่ ร้านอาหาร ว่ามีใครเก็บโทรศัพท์ได้บ้างแต่ก็ไม่มีใครพบอะไร จนเราเตรียมพร้อมจะขับรถออกจากเม้าท์คุ้กเพื่อเข้าไปนอนในเมืองไครส์เชิร์ช ผมแวะถามที่ศูนย์ข้อมูลเป็นครั้งสุดท้าย ก็ได้โทรศัพท์ที่หายคืนมาได้อย่างไม่คาดฝัน

ป้ามองผมเดินมาแต่ไกลด้วยสายตาไร้แวว พอมาถึงผมบอกว่า

“เขาบอกว่ามีโทรศัพท์อันนี้อยู่อันหนึ่ง”

ผมแกล้งหยิบโทรศัพท์ของผมขึ้นมา เธอมองแล้วก็ส่ายหน้าแบบไม่มีความรู้สึกอะไร และพูดว่าไม่ใช่ของเธอ คราวนี้ผมทำทีเพิ่งนึกขึ้นได้ หยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาจากอีกกระเป๋าหนึ่ง

“อ้อ มีอีกอัน อันนี้ใช่หรือเปล่า”

เท่านั้นแหละ เธอทำตาโตเหมือนเด็กนักเรียนยากจนที่ได้กระโปรงใหม่ก่อนวันเปิดเทอม พูดอะไรไม่รู้ออกมายาวเหยียดจับความได้ว่า..ขอบคุณหลวงพ่อคูณ

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น

ลาก่อน Hooker Hut และเม้าท์คุ้ก

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์