Latest

เอาบ้านทำบำนาญกินยามแก่ (reverse mortgage)

เรียนคุณหมอสันต์
ฉันได้อ่านเรื่องผู้ชายเมียตายมีเงินห้าล้านยังกลัวเงินไม่พอใช้ หันมามองตัวเองแล้วทำให้ฉันกังวลหนัก ฉันอายุ 60 ปี สามีเป็นข้าราชการบำนาญ เขาเพิ่งเสียไปได้ไม่ถึงปี เงินบำเหน็จตกทอดก็ใช้ใกล้จะหมดแล้ว เงินเก็บในธนาคารมีเหลืออยู่สองแสนกว่าบาทเท่านั้นเอง โชคดีที่บ้านผ่อนเขาหมดแล้ว ตัวเองก็เป็นความดันสูงต้องไปเอายาที่โรงพยาบาลทุกเดือน แล้วฉันจะอยู่ต่อไปอย่างไร ลูกๆก็ไม่มีปัญญามาส่งเสียเพราะพวกเขาก็ยังเอาตัวพวกเขาเองไม่รอดแต่ว่าออกจากบ้านไปทำมาหาแบบไม่พอกินกันหมดไม่มีใครอยู่ด้วย ถ้าฉันตายเร็วก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าฉันตายช้าอายุแปดสิบเก้าสิบฉันจะเอาอะไรกิน
คุณหมอช่วยแนะนำฉันหน่อย

………………………………………………

ตอบครับ

     โถ..แม่คุณ น่าขำคนมีเงินตั้งเป็นแสนเป็นล้านแล้วก็ยังพากันทุกข์ สถิติของแบงค์ชาติบอกว่าคนไทยนี้ที่มีเงินอยู่ในธนาคารถึงห้าหมื่นบาทมีอยู่แค่ 20% อีก 80% มีเงินเก็บไม่ถึงห้าหมื่นบาท เออ แล้วทำไมคนส่วนใหญ่ที่มีเงินแค่หลักหมื่นเหล่านั้นไม่เห็นใครมีอันเป็นไปสักคนละ

     คุณอย่าไปกังวลถึงวันพรุ่งนี้ให้มากนักเลย ยิ่งการจินตนาการว่าตัวเองจะอายุยืนไปถึงเก้าสิบก็ยิ่งเป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป ถ้าคุณจะเอาเชิงหลักฐานวิทยาศาสตร์ผมก็พูดให้สบายใจได้นะ องค์การอนามัยโลกได้ทำสถิติและคาดการณ์ออกมาว่าผู้หญิงไทยที่อยู่มาจนถึงอายุ 60 ปีวันนี้ จะมีอายุยืนยาวเฉลี่ยจากนี้ไปอีก 23.7 ปี ก็คือจะไปตายที่ประมาณ 84 ปี นี่เป็นค่าเฉลี่ยนะ แต่ว่าคุณซึ่งเป็นโรคความดันเลือดสูงอยู่ด้วยจะไปไม่ถึงค่าเฉลี่ยหรอก เพราะในบรรดาตัวชี้วัดว่าใครจะตายช้าตายเร็วทั้งหมดที่วงการแพทย์มี ความดันเลือดเป็นตัวชี้วัดที่แม่นยำที่สุด หมายความว่าใครที่เป็นโรคความดันเลือดสูงให้เอาปูนหมายหัวไว้ได้เลยว่าจะตายเร็วกว่าอายุคาดเฉลี่ย หิ..หิ ไม่ได้แช่งคุณนะ เพราะตัวผมเองก็เคยเป็นความดันเลือดสูงดังนั้นคุณกับผมเป็นพวกเดียวกัน

     ถามว่าแล้วอีกตั้งยี่สิบปีจะอยู่อย่างไร สามีก็ตายไปแล้ว บำนาญก็ไม่มี เงินสดก็เหลืออยู่แค่สองแสนกว่า ลูกๆก็ไม่มีปัญญามาดูแล ตอบว่าก็ในเมื่อคุณคุ้นเคยกับการมีบำนาญซะเหลือเกิน ทำไมไม่ทำแบบที่มีท่านผู้อ่านท่านหนึ่งแนะนำมาในบล็อกนี้เมื่อวันสองวันนี้ละ คือสร้างบำนาญขึ้นมาจากบ้านของคุณเอง ธนาคารออมสินเขามีโปรแกรมนี้อยู่เขาเรียกมันว่า “สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงวัย” แต่ผมเรียกมันใหม่ให้คุณเข้าใจง่ายขึ้นว่า “โครงการเอาบ้านทำบำนาญกินยามแก่” ภาษาฝรั่งเรียกว่าการจำนองแบบถอยกลับ (reverse mortgage)

     วิธีการทำก็ไม่ยาก ก็แค่เอาบ้านไปตึ๊ง สมมุติว่าระยะเวลาตึ๊ง 25 ปี ธนาคารออมสินเขาก็จะตีค่าบ้านและที่ดินออกมาให้แล้วหารจ่ายเข้าบัญชีเป็นเงินสดให้คุณไปทีละเดือนๆจนครบ 25 ปีว่าคุณจะได้เดือนละเท่านี้คุณโอเค.ไหม ถ้าโอเค.ก็ตึ๊งเลย คุณก็จะได้อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้นไปตามปกติจนกว่าคุณจะตาย ขณะเดียวกันก็ได้เงินบำนาญจากบ้านของคุณเองกินไปทุกเดือนด้วย พอคุณตายแล้วหากลูกคุณมีปัญญาไถ่ก็เอาเงินไปไถ่เอาบ้านนั้นกลับมา หากลูกๆไม่มีปัญญาไถ่บ้านนั้นก็ตกเป็นของธนาคารออมสินไป ซึ่งก็ยุติธรรมดีแล้วเพราะเขาจ่ายบำนาญเลี้ยงดูคุณจนตาย การที่เขาจะได้บ้านนั้นไปเป็นค่าตอบแทนก็สมควรแก่เหตุ

     ขอบคุณธนาคารออมสิน (รัฐบาลเป็นประกัน) ตะแหล่น..แตน..แต๊น…น

     โอเค. มีบำนาญแล้วก็หมดเรื่องจะเอาอะไรกินไปเรื่องหนึ่งแล้วนะ มีบ้านอยู่ก็หมดเรื่องจะอยู่ที่ไหนไปอีกเรื่องหนึ่ง ทีนี้ก็มาเรื่องจะอยู่อย่างไร คำตอบนั้นง่ายมาก ก็คืออยู่แบบหาอะไรทำสิครับ อย่าไปอยู่แบบแก่แดดแก่ลม แบบว่าเอาแต่นั่งเหม่อ…

     รอ.. ร้อ.. รอ.. รอการมาของอาหารเย็น..
     หรือไม่ก็ความตาย 
     สุดแท้แต่ว่าอย่างไหนจะมาถึงก่อนกัน ..

     ชีวิตแบบนั้นเป็นชีวิตวัยชราที่ไร้คุณภาพ คุณควรหาอะไรที่สร้างสรรค์ทำ เคลื่อนไหวตัวเองฟุบ ฟับ ชุบ ชับ ตลอดเวลา จะเป็นการทำงานหาเงินเล็กๆน้อยๆหรือเป็นการทำงานจิตอาสาไม่ได้เงินก็ไม่เป็นไร หรือจะเป็นการทำงานอดิเรกที่ตัวเองชื่นชอบก็ได้ ให้มีโอกาสได้ง่วนทำอะไรสักอย่างทุกวัน การมีอะไรทำ ทำให้ได้จดจ่อ เมื่อได้จดจ่อก็เป็นการสร้างสมาธิ สมาธิเป็นเครื่องมือวางความคิดและพาคุณเข้าถึงความรู้ตัวอันเป็นที่ๆชีวิตของคุณจะพบกับความสงบเย็นถาวรอย่างแท้จริง ดังนั้นขอให้คุณหาอะไรทำสักอย่างให้ได้ แล้วจดจ่อกับมัน แล้วเดี๋ยวชีวิตจะดีเอง

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์