ปรึกษาหมอ

อายุ 70 ปี ภรรยาจากไปแล้ว จะเก็บเงินอย่างไรให้พอใช้ถึง 20 ปีข้างหน้า

คุณหมอสันต์ครับ
ผมอายุ 70 ปี ติดตามคุณหมอเพราะภรรยาเป็นแฟนประจำของคุณหมอ ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว ด้วยโรคมะเร็งปอด ผมมีลูกสาวคนเดียว แต่งงานกับชาว … ไปทำงานอยู่ต่างประเทศกับสามี ผมอยากจะถามหมอสันต์ไม่ใช่เรื่องสุขภาพ เพราะผมมีสุขภาพที่ดีพอใช้ได้เพราะอานิสงจากการที่ภรรยาเป็นแฟนหมอสันต์ ทุกวันนี้ผมไม่ต้องกินยาอะไร สิ่งที่ผมขอปรึกษาหมอสันต์ คุณหมอต้องว่าผมมาผิดที่ อาจมองว่าเป็นคำถามบ๊อง ผมปรึกษาคนอื่นในแวดวงนั้นมาหมดแล้ว แต่ผมอยากได้ความเห็นของหมอสันต์ โปรดกรุณา คือผมจะปรึกษาว่าถ้าผมตัวคนเดียวสมมุติว่าอยู่ไปถึงอายุ 85-90 ปี ผมควรจะทำอย่างไรกับเงินของผมดี คือผมมีบ้านอยู่ในกทม.หลังหนึ่ง ความจริงผมเป็นคนเกิดกรุงเทพแต่ชอบต่างจังหวัดเพราะสมัยหนุ่มต้องตระเวนย้ายไปดูแลสาขาต่างจังหวัด แต่ไม่มีที่ดินในต่างจังหวัด ผมมีเงินสดอยู่ราว 5 ล้าน ไม่มีรายได้ประจำแล้ว หุ้นก็ไม่ได้ถือ ก่อนเกษียณบริษัทเคยจ้างที่ปรึกษาทางการเงินมาสอน เขาแนะนำให้กระจายเงินในหุ้นบ้าง แต่ผมไม่ได้ทำเพราะขี้เกียจตามข่าว เคยซื้อพันธบัตรแต่ก็ครบกำหนดไถ่ถอนไปหมดแล้ว มีแต่เงินปันผลหุ้น … ที่ลูกสาวยกให้ ปีละประมาณ 30,000 บาท  ผมตั้งใจจะไม่ให้ตัวเองเป็นภาระกับลูก ทุกวันนี้ผมใช้เงินเดือนละประมาณ 20,000 บาท ทะยอยเอาเงินเก่าออกมาใช้ ถ้าผมใช้ขนาดนี้ก็คงไปได้อย่างน้อย 20 ปียังไม่หมด ผมคิดง่ายๆอย่างนี้
ผมรบกวนถามคุณหมอสันต์ว่าถ้าหมอสันต์เป็นผม คุณหมอสันต์จะจัดการการเงินให้พอไปจนถึงตอนแก่อย่างไรครับ ผมไม่ได้ต้องการความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ แต่ต้องการความเห็นของคนที่ภรรยาของผมให้ความเคารพนับถือมาก (มากกว่าตัวผมเองเสียอีกครับ)

…………………………………………………….

ตอบครับ

     ก่อนอื่นขอโทษที่ตอบจดหมายช้ามาก หวังว่าคุณพี่ยังอยู่ หิ หิ

     ผมเห็นใจและเข้าใจเรื่องที่คุณพี่ผู้หญิงต้องจากไป แต่มันก็เป็นธรรมดาว่าเราทุกคนวันหนึ่งก็ต้องมาถึงตรงนี้เช่นกัน คนที่ยังไม่ถึงจุดนี้ก็ต้องเดินหน้าใช้ชีวิตกันต่อไป

     ถามเรื่องวิธีดูแลเงิน คุณพี่มาถามผิดที่แน่นอนครับ แบบโจ๊กฝรั่งที่เล่าว่าคนไข้คนหนึ่งมีปัญหาว่าเวลานอนกลางคืนรู้สึกว่ามีคนมานอนหรือทำอะไรขลุกขลักอยู่ที่ใต้เตียงบ่อยๆ ทำให้นอนไม่หลับ เขาไปหาหมอ หมอให้ยากิน กินยาแล้วคนที่มานอนใต้เตียงก็ไม่หายไปไหน วันหนึ่งเขาไปตัดผม จึงปรึกษาช่างตัดผม ช่างตัดผมแนะนำว่า

     “ก็ตัดขาเตียงทิ้งเสียสิครับ”

     เขาทำตาม แล้วปรากฎว่าเจ้าคนที่มานอนใต้เตียงหายเงียบไปเลยจริงๆ

     ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น

     กลับมาเรื่องคำถามที่มาผิดที่ต่อดีกว่า ถามมาผิดที่ไม่เป็นไร เพราะหมอสันต์ชอบตอบคำถามนอกวิชาแพทย์ เพราะเวลาตอบคำถามในวิชาแพทย์ผมต้องตอบให้อยู่ในกรอบของผลวิจัยทางการแพทย์อย่างเข้มงวด ต้องโฟกัสมาก จะซี้ซั้วเอาความเห็นหรือความรู้สึกส่วนตัวมาโม่ตอบไมได้เพราะทำอย่างนั้นผมก็ไม่ใช่แพทย์อาชีพแล้ว กลายเป็นหมอดูไป แต่การตอบคำถามในเรื่องนอกอาชีพแพทย์เนี่ยผมไม่ต้องมีกรอบอะไรเลย เพราะมันเป็นการให้ความเห็นแบบคนไม่รู้ จึงไม่ต้องระมัดระวังอะไร คิดอะไรก็พูดออกไปแบบไม่มีหูรูด คนฟังเขาจะถ่วงน้ำหนักเอาเองว่านี่เป็นความเห็นจากคนซื่อบื้อไม่รู้เรื่องทางนี้ เขาจะดิสเครดิตมันชั้นหนึ่งก่อนที่จะเลือกหยิบไปใช้เอง ผมไม่ต้องไประวังอะไร ผมจะตอบแบบบ้าๆก็ได้ ดังนั้นคุณพี่ต้องยึดตามภาษิตว่าอย่าถือคนบ้านะ เพราะเรื่องที่พี่ถามมาผมไม่มีความรู้เลย มีแต่ข้อ ส.น.น. เสนอแนะ หิ หิ แบบว่าไม่ประสงค์แชร์ความรู้ แต่ประสงค์ออกความเห็น

     ถามว่าชายอายุ 70 มีเงินในกระเป๋า 5 ล้าน ทุกวันนี้ใช้เงินแค่เดือนละ 2 หมื่น ทำไงจะให้พอใช้ไปอย่างน้อย 20 ปี หรือนานกว่านั้นเผื่อกรณีหนังเหนียวตายยาก ตอบว่าผมก็จะทำตามที่ที่ปรึกษาทางการเงินบอกคุณพี่แล้วนั่นแหละ คือกระจายความเสี่ยง แต่วิธีกระจายความเสี่ยงของผมอาจจะไม่เหมือนของที่ปรึกษาการเงินของคุณพี่ก็ได้ คือผมจะกระจายเงินของผมดังนี้

     1. ผมจะเก็บไว้เป็นเงินสดอยู่ในธนาคารแค่ 5% คือ 250,000 บาทเท่านั้น อยู่ในบัญชีเผื่อเรียกนี่แหละ เพราะจะเผื่อเรียกหรือประจำมันต่างกันแต่ชื่อเรียก แต่ดอกเบี้ยจากนี้ไปมันเกือบจะแปะเอี้ย คือใกล้ศูนย์ แล้วผมก็จะทำบัญชีแบบ i-banking เอาไว้โอนเงินจ่ายค่าโน่นนี่นั่น และทำบัตรเอทีเอ็ม.ไว้ก๊อกเอาเงินสดเมื่อต้องการ บัตรนี้น่าจะเป็นบัตรเครดิตได้ด้วย ไว้จ่ายอะไรแทนเงินในบางโอกาส ใบเดียวก็พอ เพราะคุณพี่ใช้เงินแค่เดือนละสองหมื่นจะต้องใช้บัตรเครดิตอะไรกันนักหนาเชียว ปีหนึ่งเงินนี้ก็จะหมดก็เอาสินทรัพย์อื่นๆเปลี่ยนมาเป็นเงินสดอีกสองแสนห้า ทำอย่างนี้ทุกปี

     ถามว่าเก็บเป็นเงินสดแค่ 5% เองเหรอ ทำไมน้อยงะ ตอบว่าเงินกงเต๊ก..เอ้ยไม่ใช่ เงินเฟียต (fiat money) หรือธนบัตรนี้ ต่อไปมันอาจจะกลายเป็นแบงค์กงเต๊กจริงๆก็ได้นะคุณ ความดีของเงินสดมีอย่างเดียวเท่านั้นแหละคือมันมีสภาพคล่อง ความดีอย่างอื่นมันไม่มีเลย มีแต่ความเลวคือมันลดค่าลงไปทุกวัน แถมต่อจากนี้ไปมันอาจจะลดค่าแบบฮวบฮาบก็ได้ใครจะไปรู้เพราะประเทศพี่ใหญ่เล่นปั๊มเงินออกมาเป็นว่าเล่นโดยไม่ต้องมีทรัพย์อย่างอื่นสำรองหรือประกันเลย อย่างนี้มันจะไม่ลดค่าได้ไงละครับ แล้วอีกอย่างประเทศเล็กประเทศน้อยในโลกที่สามอย่างบ้านเรานี้นโยบายประชานิยมของนักการเมืองอาจพาเศรษฐกิจเจ๊งกะบ๊งเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างเช่นเวเนซูเอล่าเงินสดมันลดค่าเสียจนนักข่าวฝรั่งคนหนึ่งบอกว่าเงินล้านหนึ่งซื้อไก่ย่างได้ตัวเดียว ฟังให้ดีนะ หนึ่งล้าน ซื้อไก่ย่างได้ตัวเดียว (หิ หิ เท็จจริงแค่ไหนผมไม่รู้นะ จำขี้ปากเขามาพูด แต่นักข่าวคนนั้นพูดให้ผมได้ยินทาง CNN) ดังนั้นเก็บเป็นเงินสดแค่พอให้เกิดสภาพคล่องในแต่ละปีก็พอแล้ว

     2. ผมจะเก็บเป็นทองคำแท่ง 30% ซื้อแท่งละสิบบาท (ทอง) ก็ได้ สิบบาทก็เป็นเงินราวสองแสนห้า ล้านห้าแสนก็ซื้อได้ราว 6 แท่ง เอาไปเช่าตู้นิรภัยเก็บไว้ที่แบงค์ คุณพี่อย่าลืมที่เก็บกุญแจและรหัสเปิดปิดก็แล้วกัน พอสิ้นปีก็เอาหนึ่งแท่งไปขาย เพื่อแปลงเป็นเงินสดใส่แบงค์ไว้ใช้ในปีนั้น

     ถามว่าโห..ทำไมเก็บเป็นทองตั้ง 30% มันกินได้รึไง ตอบว่า..อ้าว คนมีทองเขานับเป็นพี่นะคุณ แหะ แหะ เหตุผลที่แท้จริงที่เก็บทองก็เพราะมันเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องใกล้เคียงกับเงินธนบัตร คือขายเมื่อไหร่ก็ได้ ตัวมันกินไม่ได้หรอก ธนบัตรคุณก็กินไม่ได้ใช่แมะ ทองมันก็เป็นสิ่งสมมุติเหมือนธนบัตรนั่นแหละ แต่มันดีกว่าธนบัตรตรงที่คุณสืบประวัติโคตรเหง้าศักราชมันดูสิ มันไม่เสื่อมค่าเร็วอย่างธนบัตร ค่าของทองอยู่ที่การยอมรับของผู้คน มันจะมีค่าอยู่อย่างนี้จนกว่าจะมีอะไรที่ได้รับการยอมรับมากกว่ามาแทน ซึ่งเผอิญขณะนี้ยังไม่มี

     4. ผมจะเก็บเป็นที่ดินที่มีน้ำทำการเกษตรได้ในต่างจังหวัด 40% ความจริงคุณพี่ก็ชอบต่างจังหวัด ทำไมไม่ขายบ้านกรุงเทพไปซื้อที่ดินทำเกษตรกรรมแปลงเล็กๆที่ต่างจังหวัดซะเลยละ ไม่ต้องไปห่วงลูกสาวจะไม่มีบ้านอยู่หรอก เธอมี ผ. ฝรั่งไปแล้วโอกาสที่เธอจะกลับมาอยู่เมืองไทยคงไม่มี ถ้าเธอจะกลับมาเยี่ยมคุณพ่อ การได้มาเยี่ยมคุณพ่อที่ตจว. สนุกกว่าเยี่ยมคุณพ่อที่บ้านจัดสรรในกทม.นะ
 
     ถามว่า 70 แล้ว ยังจะยุให้เขาซื้อที่ดินทำไร่อยู่อีกหรือ ตอบว่าปล๊าว เปล่า ผมไม่ได้ยุให้ทำไร่ เรากำลังพูดถึงการเก็บทรัพย์ในรูปของอะไรที่ไม่เสื่อมค่า ในโลกนี้ทรัพย์ที่ไม่เสื่อมค่าจริงแท้แน่นอนคือที่ดินที่มีน้ำทำการเกษตรได้ เพราะทรัพย์ที่แท้จริงสำหรับคนเราก็คืออาหารและที่ซุกหัวนอน ที่ดินที่มีน้ำทำเกษตรได้มันให้ได้ทั้งสองอย่าง ยิ่งถ้ามีถนนประปาไฟฟ้าอยู่ชายหมู่บ้านใช้อยู่อาศัยก็ได้ใช้ทำเกษตรก็ดียิ่งถูกสะเป๊ค อย่าลงทุนในบ้านอย่างเดียวนะเพราะมันยังเสื่อมค่าได้ แต่ที่ดินไม่มีเสื่อมค่า ทีดินมันมีข้อเสียอย่างเดียวตรงที่มันไม่มีสภาพคล่อง แต่ถ้าเราเลือกที่ดินที่ทำเลดี และเมื่อจะขายก็วางแผนขายล่วงหน้าสักปีหนึ่งในราคาไม่ต้องแพงล้ำหน้าเขามันก็ขายได้ ในระหว่างที่ถือครองถ้าเราไม่ใช้ที่ดินเองเราก็ให้เขาเช่าทำอะไรตะก๊อกตะแก๊กพอได้เงินนิดๆหน่อยๆปีละแค่หลักร้อยหลักพันก็ยิ่งดี

     3. ผมจะเก็บเป็นหุ้นสัก 20% เลือกหุ้นตัวที่เราชอบและมีพื้นฐานดี อ่านธุรกิจของเขาแล้วเราเข้าใจว่าบริษัทเขาทำมาหากินอย่างไร หุ้นมันมีข้อดีที่นอกจากจะมีสภาพคล่องดีแล้ว ยังมีเงินปันผลด้วย แต่ว่าช่วงเวลาไหนที่จะเข้าไปซื้อหุ้นก็สำคัญ อย่างตอนนี้หุ้นยังแพงก็ไม่ควรเข้าไปซื้อ รอให้หุ้นร่วงระเนระนาดจนไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งแล้ว เราค่อยเข้าไปอ่านดูผลประกอบการและเลือกซื้อเก็บไว้ เก็บแล้วก็ไม่ต้องเข้าไปดูบ่อย เอาไว้ให้เศรษฐกิจดีระเบิดเถิดเทิงใครๆก็แห่กันไปซื้อหุ้นเราค่อยเอามาทะยอยขายกิน

     5. ยังเหลืออีก 5% ใช่ไหม ผมจะเก็บไว้ในรูปของเงินดิจิตอล (digital currency) แต่ว่า ณ ขณะนี้เงินดิจิตอลยังไม่มีก็ต้องเก็บเป็นเงินคริปโตเคอเรนซี่ (cryptocurrency) ไปก่อน เงินดิจิตอลและเงินคริปโตเคอเรนซี่นี่จริงๆแล้วไม่เหมือนกันนะ

     เงินดิจิตอล ก็คือเงินธรรมดาที่แบงค์ชาติของแต่ละประเทศสร้างมาแทนเงินกระดาษ เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เก็บอยู่ในระบบธนาคาร แต่เก็บไว้เป็นตัวเลขอยู่ในระบบฐานข้อมูลที่ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องพ่วงกันอยู่ทางอินเตอร์เน็ทแบบกระจายกันอยู่และตรวจสอบกันและกันได้อัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้คน ระบบนี้เรียกว่า blogchain เงินดิจิตอลนี้ต้องใช้โทรศัพท์มือถือหรือคอมในการใช้จ่ายถ่ายโอน คล้ายกับวิธีที่คนจีนใช้ We Chat จ่ายเงินทางมือถือซื้อข้าวของอยู่ทุกวันนี้ แต่ว่าที่จ่ายผ่าน We Chat กันทุกวันนี้ยังไม่ใช่เงินดิจิตอลนะ เงินดิจิตอลของจริงวันนี้ยังไม่มี แต่เมื่อมีมันจะเป็นที่ต้องการในอนาคตเพราะมันใช้ง่าย มีสภาพคล่องสูงสุด กลางคืนหรือวันหยุดก็ใช้ได้โดยไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับแบงค์เลย ตอนนี้ก็เริ่มมีออกมาใช้แล้วที่บางจังหวัดของจีน ชื่อเงินดิจิตอลหยวน อีกไม่นานก็คงยอมรับให้ใช้ในเมืองไทยได้เพราะไทยก็ชอบให้คนจีนเอาเงินมาใช้บ้านเรา ของทางอเมริกาผมเชื่อว่าต้องรีบเข็นเอาเงินดิจิตอลของตัวเองออกมาแข่งกับจีน ของทางฝรั่งนี้เรียกว่าระบบเงิน Libra ขณะนี้ยังยักตื้นติดกึกยักลึกติดกักอยู่ แต่ผมฟังข่าวสุดท้ายว่าเวอร์ชั่น 2.0 ที่ออกใหม่ได้จูนผลประโยชน์และอำนาจควบคุมกันลงตัวแล้ว เชื่อขนมเจ๊กกินได้เลยว่าต้องออกมาได้ภายในปีนี้หรือปีหน้า

     เงินคริปโตเคอเรนซี่ (เช่นเงิน ฺฺBitcoin) นั้นก็เป็นเงินที่อาศัยระบบฐานข้อมูลแบบ blogchain ในการจัดเก็บเหมือนกัน แต่ว่าเด็ดสะระตี่กว่าตรงที่ไม่ต้องไปยุ่งกับธนาคารชาติของประเทศใดๆเลย เป็นระบบการเงินที่ใช้จ่ายถ่ายโอนกันตรงๆได้ลื่นไหลทันทีไม่มีเวลาราชการโดยมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าทำผ่านแบงค์เป็นร้อยๆเท่าและค่าเงินก็มีความเสถียรกว่าเพราะเมื่อระบบวิ่งได้เต็มที่แล้ว จะไม่มีใครสามารถพิมพ์เงินเพิ่มได้จึงไม่มีโอกาสเกิดเงินเฟ้อ ผมเดาว่าในอนาคตระยะยาว เงินทั้งโลกจะใช้เงินคริปโตเคอเรนซี่กันเป็นส่วนใหญ่ ในช่วงแรกๆที่อะไรก็ยังไม่นิ่งเงินคริปโตเคอเรนซี่จะมีการซื้อขายเก็งกำไรกันด้วย เรียกว่าซื้อขายความนิยมของผู้คน มูลค่ามันจึงวูบๆวาบๆเล็กน้อย ก็คิดเสียว่าเล่นหุ้นอีกตัว สนุกไปอีกแบบ

     ถามว่านี่หมอสันต์บ้าไปแล้วหรือ ไปยุให้คนแก่อายุ 70 ซื้อบิทคอยซึ่งเป็นแชร์ชม้อยหรือเปล่าก็ไม่รู้ หิ หิ เรื่องนี้ผมก็อธิบายไม่ถืก จึงขอเลือกไม่อธิบายดีกว่า ขอพูดแค่ว่าคุณอย่าลืมว่าคุณพี่ท่านถามถึงการเก็บเงินไปจนท่านอายุ 90 ซึ่งนั่นก็คือเก็บเอาไว้ใช้เมื่ออีก 20 ปีข้างหน้านะ ท่านไม่ได้ถามถึงการเก็บเงินไว้ใช้ปีหน้า แล้วคุณอย่าลืมว่าเงินนี่เป็นมายา ไม่ว่าจะเป็นเงินอะไรมันก็ล้วนเป็นมายา มันเป็นของสมมุติ มันไม่ใช่ของจริง แล้วคุณคิดว่าอีกยี่สิบปีข้างหน้าคนทั่วโลกเขาจะใช้ของสมมุติชนิดใช้ง่ายๆบนโทรศัพท์มือถือกดจึ๊งเดียวซื้อขายกันได้ หรือจะใช้แบงค์กระดาษที่ต้องเอาไปล้างน้ำใส่ไมโครเวฟฆ่าเชื้อโรคก่อนอย่างทุกวันนี้กันละ อีกอย่างหนึ่งระหว่างเงินกระดาษที่ปั๊มออกมาเพิ่มกันโครมๆแบบไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหมเลย กับเงินคริปโตที่เพิ่มจำนวนได้อย่างจำกัดจำเขี่ยอย่างไหนมันจะเสื่อมค่าเร็วกว่ากันท่านลองคิดดู ดังนั้นหากไม่ให้คุณพี่เขาเก็บเป็นเงินคริปโตไว้บ้าง ถึงตอนนั้นจะเอาอะไรใช้ละครับ เพราะเงินกระดาษที่มีอยู่ในมือตอนนั้นมันอาจจะด้อยค่าไม่มีใครเอาจนกลายเป็นแบงค์กงเต๊กของแท้แบบว่าหนึ่งล้านบาทซื้อไก่ย่างไม่ได้สักตัวก็เป็นได้

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์