Latest

กินแคลเซียมเสริมขณะที่กำลังเป็นนิ่วอยู่

เป็นกระดูกบาง และมีนิ่วในไตด้วย หมอสูติกรรมให้กินแคลเซียมเสริม อยากทราบว่าแคลเซียมเสริมทำให้เป็นนิ่วได้หรือไม่ ถามหมอสูติบอกว่าไม่เกี่ยวกัน แต่ดิฉันไม่แน่ใจ อยากฟังความเห็นคุณหมอสันต์

รดา

ตอบครับ

90% ของนิ่วในไต เกิดจากการจับกันของแคลเซียมกับออกซาเลท โดยที่ 20-40% ของคนเป็นนิ่วจะพบว่ามีแคลเซียมในปัสสาวะมาก
งานวิจัยขนาดใหญ่ในพยาบาลกว่าเก้าหมื่นคนติดตามนานเกิน 7 ปีพบว่าการกินแคลเซียมเสริมในภาวะที่ไม่ได้กินอาหารที่มีออกซาเลทในอาหารควบคู่ไปด้วย ทำให้เกิดนิ่วในไตมากขึ้น เช่นกินแคลเซียมเสริมเพียวๆ ไม่ได้กินหลังอาหาร หรือกินหลังอาหารมื้อเช้าซึ่งอาหารไม่มีออกซาเลทมากนัก

ในงานวิจัยเดียวกันพบว่าถ้ากินอาหารธรรมชาติที่มีแคลเซียมสูง อันนี้หมายถึงแคลเซียมจากอาหารธรรมชาตินะ ไม่ใช่แคลเซียมเสริมเป็นเม็ด จะทำให้เป็นนิ่วที่ไตน้อยลง ทั้งนี้เดากันเอาว่าคงเป็นเพราะแคลเซียมจากอาหารจับกับออกซาเลทในลำไส้เกิดเป็นตะกอนที่ดูดซึมไม่ได้ เป็นการกีดกันไม่ให้ออกซาเลทไปก่อนิ่วในไตน้อยลง

อีกงานวิจัยหนึ่งพบว่าการกินอาหารโปรตีนมากทำให้เป็นนิ่วในไตมากขึ้น ขณะที่การดื่มน้ำมากทำให้เป็นนิ่วในไตลดน้อยลง

อีกงานวิจัยหนึ่งพบว่าเกลือ (โซเดียม) ในอาหารมีความสัมพันธ์กับการเกิดนิ่ว ยิ่งกินเค็มมากยิ่งเป็นนิ่วง่าย

อีกงานวิจัยหนึ่งพบว่าออกซาเลทมีความสัมพันธ์กับการเป็นนิ่ว และระบุอาหารที่มีออกซาเลทสูง เช่น นัท (ถั่วเปลือกแข็ง) น้ำชา ช็อกโกแล็ต ผักกาดหัว รำข้าวสาลี (wheat bran) และเครื่องดื่มโซดาที่ทำจากฟอสเฟต

สรุปก็คือว่า การป้องกันนิ่วในไตควรทำดังนี้ คือ

1. ดื่มน้ำให้มากๆ วันละสองลิตรขึ้นไป อันนี้ดีแน่ และเป็นปัจจัยเดียวที่หมอทุกคนเห็นพ้องกัน

2. อย่ารับประทานอาหารเค็ม

3. ไม่ควรรับประทานโปรตีนมากเกินความจำเป็นของร่างกาย

4. ควรรับประทานอาหารธรรมชาติที่อุดมด้วยแคลเซียม ให้มากพอต่อความต้องการของร่างกาย

5. การรับประทานแคลเซียม (เป็นเม็ด) เสริมแนะนำว่าควรทำได้ในกรณีที่ประสงค์จะป้องกันหรือรักษากระดูกพรุน ทั้งนี้ควรรับประทานหลังอาหารกลางวันหรืออาหารเย็น

6. ในกรณีของคนที่เป็นนิ่วแล้ว สถาบันสุขภาพแห่งชาติ(NIH) แนะนำว่าให้ใช้ความระมัดระวังในกรณีรับประทานแคลเซียมเสริม แปลไทยให้เป็นไทยก็คือข้อมูลยังไม่พอจะบอกว่าคุณควรจะทำตัวอย่างไร ดังนั้นคุณไปลุ้นเอาเองก็แล้วกัน อยากทานแคลเซียมเสริมก็ทาน ไม่อยากทานก็เสริมก็อย่าทาน

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

………………………………….

Updated (20 สค. 2556)

เมื่อต้นปี 2556 คณะทำงานป้องกันโรคของรัฐบาลอเมริกัน (USPSTF) ได้ออกคำแนะนำใหม่ว่าผู้หญิงหมดประจำเดือน “ไม่ควร” กินแคลเซียมเป็นเม็ดเสริมเพื่อป้องกันกระดูกหัก เพราะการทบทวนหลักฐานใหม่ๆแล้วสรุปได้ผลชัดว่าการกินแคลเซียมเป็นเม็ดเสริมไม่ได้ป้องกันการเกิดกระดูกหักแต่อย่างใด

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม

1. Curhan, G.C. et al., “A Prospective Study of Dietary Calcium and Other Nutrients and the Risk of Symptomatic Kidney Stones,” New England Journal of Medicine, 328:833838, 1993.
2. Sakhaee, K. et al., “Limited Risk of Kidney Stone Formation During Long-Term Calcium Citrate Supplementation in Nonstone Forming Subjects,” Journal of Urology, 152:324-327, 1994.
3. Burtis, William J. et al., “Dietary Hypercalciuria inn Patients with Calcium Oxalate Kidney Stones,” American Journal of Clinical Nutrition, 60:424-429, 1994.
4. Massey, L.K., and S.J. Whiting, “Dietary Salt, Urinary Calcium, and Kidney Stone Risk,” Nutrition Reviews, 53:131-139, 1995.
5. Massey, Linda K., et al., “Effect of Dietary Oxalate and Calcium on Urinary Oxalate and Risk of Formation of Calcium Oxalate Kidney Stones, ” Journal of the American Dietetic Association, 93:901-906, 1993.
6. Shuster, J. et al., “Soft Drink Consumption and Urinary Stone Recurrence: A Randomized Prevention Trial,” Journal of Clinical Epidemiology, 45-911-916, 1992.
7. Jaeger, P. et al., “Low Bone Mass in Idiopathic Renal Stone Formers: Magnitude and Significance,” Journal of Bone and Mineral Research, 9:1525, 1994.
8. “Optimal Calcium Intake,” NIH Consensus Development Panel on Optimal Calcium Intake, Journal of the American Medical Association, 272:1942-1948, 1994.
9. Curhan, G.C., et al., “Comparison of Dietary Calcium with Supplemental Calcium and Other Nutrients as Factors Affecting the Risk for Kidney Stones in Women,” Annals of Internal Medicine, 126:497-504, 1997.
10.  Moyer VA; on behalf of the U.S. Preventive Services Task Force*.Vitamin D and Calcium Supplementation to Prevent Fractures in Adults: U.S. Preventive Services Task Force Recommendation Statement. Ann Intern Med. 2013;[Epub ahead of print].