Latest

อย่าสอนสังฆราชให้ว่ายน้ำ

เรียน คุณหมอที่เคารพรักอย่างสูง

ดิฉัน … อายุ 48 ปี มีอาชีพประมงเลี้ยงกุ้งค่ะ อยู่ที่จังหวัดสมุทรสงคราม ดิฉันเป็นคนสนใจศึกษาดูแลสุขภาพแนวธรรมชาติบำบัดมาหลายปีแล้วค่ะ แต่ก็รู้เรื่องแบบงูงูปลาปลาจนได้มีโอกาสรู้จักบทความของท่านแล้ว และติดตามอ่านมาได้ระยะหนึ่ง ก็ได้มีความรู้ที่ถูกต้องเป็นประโยชน์นำมาใช้กับชีวิตจริงได้
ยิ่งมีความศรัทธาแนวนี้อย่างแรงกล้าเลยค่ะ ด้วยความที่ คนในครอบครัวมีสมาชิกที่มีโรคร้ายแรงตั้งแต่ คุณพ่อพี่ชายและคุณป้าที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ได้เห็นการรักษาและต่อสู้กับโรคร้ายมาแรมปีๆ แต่ก็พ่ายแพ้ อีกทั้งมีลูกพี่ลูกน้องที่ต้องล้างไตตั้งแต่อายุน้อยๆตั้งสองคน เนื่องด้วยรับประทานยามากเกินไป จึงทำให้ดิฉันพยายามอยู่ห่างกายจากยาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตอนนี้ดิฉันดูแลคุณแม่ ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน ไขมันสูงอยู่ค่ะ สุขภาพกายและใจยิ่งเลวร้ายขึ้นเมื่อมีโรคความจำเสื่อมบวกเข้ามาด้วย คุณแม่ ปีนี้อายุ73 ปีค่ะ พี่ชายซึ่งเป็นลูกคนโตเพิ่งเสียไปปลายปีที่แล้วด้วย มะเร็งลำไส้ ผ่าตัดพร้อมทำคีโม  ดูเหมือนจะหายแล้วผ่านไปหนึ่งปี ก็กลับมาตรวจพบแพร่กระจายไปที่ตับ รักษาด้วยเคมีบำบัดอย่างเดียว ระยะเวลาทั้งหมดที่ต่อสู้ตั้งแต่ครั้งแรกกับครั้งหลังรวมสามปีพอดีค่ะ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ดิฉันมีแต่ความกังวลห่วงใยตลอดเวลา บางครั้งก็เครียดจนนอนไม่หลับ ต้องพึ่งยานอนหลับ ทั้งหมดนี้ทำให้ดิฉันตีความเห็นว่าเป็นเหตุทำให้อาการสมองเสื่อมของคุณแม่กำเริบเร็วมากเกินกว่าอาการหลงลืมตามวัย จึงพาไปตรวจกับหมอทางด้านสมอง สแกนแล้วคุณหมอสรุปว่ามีอาการเริ่มฝ่อของสมอง ครั้งแรกจึงจ่ายยา Donepenzil ขนาด 5 มก ทานวันละหนึ่งเม็ดหลังอาหารเย็น เริ่มประมาณกันยายน 2559 ซึ่งตอนนั้นคุณแม่ทานยาประจำเฉพาะเบาหวาน กับ ไขมัน Statin อยู่ ต่อมาไปพบหมอครั้งที่สอง ตามนัด (นัดทุกสามเดือน)เดือนธันวาคม 2559 ซึ่งเป็นช่วงพี่ชายป่วยหนักมากแล้ว คุณหมอถามอาการแล้ว ก็เพิ่มยา Zoloft 150 mg ทานครั้งละ ครึ่งเม็ดมาให้อีกตัว โดยบอกว่าเป็นยา happy แก้ซึมเศร้า  ดิฉันเห็นอาการคุณแม่ทานยาพวกนี้ ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย มีแต่ทรุดกับทรุด จนพี่ชายเสีย  ในปลายเดือนธันวาคม 255

ปัญหาขณะนี้มีอยู่ว่า ล่าสุดที่ไปพบคุณหมอที่ดูแลด้านสมอง ได้ทำการทดสอบทางสมองด้วยการวาดนาฬิกาอะไรพวกนี้ คุณแม่ทำได้น้อย คุณหมอจึงได้เพิ่มขนาดยา Donepezil จาก ขนาด5 mg เป็น 10 mg วันละ1 เม็ดหลังอาหารเย็น พร้อมกับนี้ ดิฉันได้ปรึกษาคุณหมอที่จ่ายยาให้ว่า ดิฉันได้ดูใน NHK documentary เกี่ยวกับผู้ป่วยสมองเสื่อมว่า ถ้าทานยาDonepezil คู่กับ ยา cilostazol วันละหนึ่งเม็ด จะช่วยชะลอความจำเสื่อมได้ดีกว่าแบบไม่ใช้cilostazol ร่วม คุณหมอไม่ยอมอธิบายหรือสนใจในรายละเอียดที่ดิฉันดูจากสารคดีและอยากเรียนถามเลย แต่มีอาการแบบไม่พอใจว่าดิฉันจะเชื่อสารคดีหรือจะเชื่อหมอ ดิฉันจึงจำต้องล้มเลิกความคิดที่จะปรึกษาและเขียนมารบกวนปรึกษาคุณหมอสันต์แทนว่าดิฉันควรหาซื้อยาcilostazol มาให้คุณแม่ดิฉันทานคู่กับDonepenzilเองมั๊ยคะถ้าควร ควรเริ่มจากขนาดต่ำสุด50 mg หรือเท่าไหร่ดีคะ และยาDonepenzilขนาด 5 mg กับ 10 mg มีผลข้างเคียงกับผู้ป่วยต่างกันมากมั๊ยคะ กล่าวคือคุณแม่มักมีอาการปวดกระเพาะ หรืออยากอาเจียน พอไปตรวจและอุลต้าซาวน์ดกระเพาะก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ไม่ทราบว่าเกิดจากความเครียดซึมเศร้า  อะไรหรือตัวยา เพราะพอเปลี่ยนขนาดมา10mg รู้สึกจะอยากอาเจียนมากขึ้น และไม่ค่อยมีแรง
จึงกราบเรียนรบกวนคุณหมอช่วยชี้ทางสว่างด้วยค่ะ
ด้วยความเคารพอย่างสูงและขอกราบขอบพระคุณค่ะ

……………………………………….

ตอบครับ

     พังเพยโบราณมีว่า

     “สอนหนังสือสังฆราช” และ

     “สอนจรเข้ให้ว่ายน้ำ”

    แต่สิ่งที่คุณทำไปนั้นมันเข้าคำพังเพยที่หมอสันต์คิดขึ้นเองว่า

    “สอนสังฆราชให้ว่ายน้ำ”

     สรุปว่าทั้งสามวิธีนั้นมันล้วนทำให้ “องค์” ของคนที่ถูกสอนต้องเสียหาย เขาก็ย่อมจะต้องออกอาการเพื่อปกป้ององค์ของเขาเป็นธรรมดา ผมจึงแนะนำคุณว่าหากเสนอข้อมูลอะไรไปแล้วคุณหมอเขาบึนปากใส่ ก็ให้คุณเข้าใจ ยอมรับ และวางอุเบกขาเสีย

    เอาเถอะ มาตอบคำถามของคุณดีกว่า

    1. ถามว่าการรักษาผู้ป่วยสมองเสื่อมด้วยการให้กินยา Donepezil ควบกับยา Cilostazol จะทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นมากกว่ากินยา Donepezil ตัวเดียวหรือไม่ ตอบว่าการควบยาจะทำให้อาการดีขึ้นมากกว่ากันหากเป็นผู้ป่วยสมองเสื่อมระดับเล็กน้อย แต่ไม่มีผลหากเป็นผู้ป่วยสมองเสื่อมระดับปานกลางหรือระดับมาก ทั้งนี้ผมตอบตามหลักฐานวิจัยที่ทำที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหลักฐานระดับต่่ำ ทีี่ว่าต่ำหมายความว่าเป็นหลักฐานระดับศึกษาย้อนหลัง ไม่ใช่การสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบนั่นประการหนึ่ง ทั้งจำนวนคนไข้ที่ศึกษาก็น้อย นั่นอีกประการหนึ่ง จึงถือว่าเป็นหลักฐานระดับต่ำที่น้ำหนักยังไม่มากพอ

    แต่ไหนๆคุณก็เขียนมาแล้วผมจะเล่าให้ฟังนะ ในงานวิจัยนี้เขาไปศึกษาย้อนหลังผู้ป่วยสมองเสื่อมที่กินยา donepezil อยู่ แล้วก็ดูว่าหนึ่งปีที่เพิ่งผ่านไปนี้มีใครบ้างที่สมองเสื่อมช้าสมองเสื่อมเร็วโดยใช้คะแนนทดสอบความจำ (MMSE) เป็นตััวตัดสิน พบว่าเฉพาะกลุ่มที่เป็นสมองเสื่อมระดับเล็กน้อย คนที่กินยา donepezil ควบกับยา cilostazol ซึ่งมี 34 คนมีการเสื่อมของความจำ -0.5 คะแนน ขณะที่คนที่กิน donepezil อย่างเดียวซึ่งมีจำนวน 36 คน มีการเสื่อมของความจำ -2.2 คะแนน ส่วนกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคระดับปานกลางและมากนั้น การควบหรือไม่ควบยาไม่มีผล 
 
     2. ถามว่าควรจะไปขวานขวายหาซื้อยา cilostazol มากินไหม ตอบว่าหลักฐานจากงานวิจัยระดับต่ำเพียงชิ้นเดียวยังไม่ใช่หลักฐานวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่นถึงขั้นต้องเปลี่ยนวิธีการรักษาดอกครับ ผมแนะนำว่าคุณอยู่เฉยๆดีที่สุด

     3. ถามว่าการเพิ่มขนาดยา donepezil ขึ้นอีกเท่าตัวมีผลเสียอะไรไหม ตอบว่าก็ทำให้คลื่นไส้อาเจียนท้องเสีย เบื่ออาหาร ปวดกล้ามเนื้อ หมดเรี่ยวหมดแรง นอนไม่หลับ มากขึ้น อย่างที่คุณแม่ของคุณเป็นนั่นแหละครับ

     4. อันนี้คุณไม่ได้ถาม แต่ผมแถมให้ คือแม้แต่ยา donepezil ซึ่งเป็นยามาตรฐานในการลดอาการของโรคสมองเสื่อมนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะได้ผลดีระดับดีแต๊ดีว่านะครับ ยานี้เป็นยาในกลุ่มสารต้านเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรส (choline esterase inhibitors – ChEIs) ซึ่งออกฤทธิ์ต้านการจับทำลายสารเคมีเชื่อมปลายประสาทชื่ออาเซติลโคลีน เมื่อมีสารเคมีเชื่อมปลายประสาทคงอยู่มากขึ้น การเชื่อมต่อสัญญาณประสาทก็ดีขึ้น แต่น่าเสียดายที่กลไกการเกิดโรคอัลไซเมอร์คือการเสื่อมสลายของตัวเซลประสาทเอง ดังนั้นยานี้จึงเป็นยาที่เกาไม่ถูกที่คัน จึงช่วยได้แค่บรรเทาอาการชั่วคราว แต่การเสื่อมของเซลประสาทก็ยังเดินหน้าไป ยานี้จึงไม่ได้ช่วยรักษาโรค แค่ช่วยให้เซลที่ดีอยู่ทำงานเต็มที่ได้ แต่ป้องกันความเสียหายของเซลจากโรคหรือฟื้นฟูสภาพของเซลประสาทที่เสียหายแล้วไม่ได้ งานวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่ได้ยาเหล่านี้มีการเสื่อมของความจำและความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันช้ากว่าผู้ที่ได้รับยาหลอกเล็กน้อย คือทำให้คะแนนสมองเสื่อมต่างกับกรณีกินยาหลอกแค่ 1.3 คะแนนจากคะแนนเต็ม 30 คะแนน ไม่ได้ต่างกันมาก ดังนั้นถ้าคุณแม่คลื่นไส้อาเจียนมากก็อาจจะไม่ต้องเพิ่มขนาดยาก็ได้ เพราะประโยชน์จากยามีแค่จิ๊บๆ

     ยาอีกตัวหนึ่งซึ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้ในโรคอัลไซเมอร์ระดับรุนแรงคือยา menantine (ชื่อการค้า Namenda และ Namenda XR) ซึ่งออกฤทธิที่ปลายประสาทเช่นกัน แต่เป็นการเสริมการส่งสัญญาณประสาทผ่านสารเคมีอีกตัวหนึ่งชื่อกลูตาเมท งานวิจัยพบว่ายานี้ช่วยบรรเทาอาการในคนเป็นโรคมากแล้วได้ดีกว่ายาหลอกเล็กน้อยเช่นกัน

     5. เมื่อเป็นโรคสมองเสื่อม ไม่ควรโฟกัสที่ยา สิ่งที่พึงทำคือค้นหาสาเหตุที่เป็นหญ้าปากคอกซึ่งแก้ได้ง่ายๆเช่น สมองเสื่อมจากยาที่กิน จากการขาดวิตามินบี.12 ขาดโฟเลท ขาดวิตามินดี ขาดฮอร์โมนไทรอยด์ หรือเป็นโรคซึมเศร้า ถ้ามีสาเหตุเหล่านี้ ให้ไปแก้ก่อนแล้วสมองเสื่อมก็จะดีขึ้น

     หลังจากนั้นให้ไปโฟกัสที่การจัดการปัจจัยเสี่ยง ซึ่งก็คือปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดนั่นเอง ได้แก่ความดัน ไขมัน การออกกำลังกาย งานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายที่ลดการเสื่อมของสมองได้ดีคืือออกกำลังกายแบบแอโรบิกให้ถึงระดับหนักพอควร (หอบแฮ่กๆร้องเพลงไม่ได้) ควบกับการเล่นกล้าม ดังนั้นจึงต้องจับคนสูงอายุทุกคนเล่นกล้ามถ้าทำได้ นอกจากการออกกำลังกายแล้ว การเปลี่ยนอาหารไปกินอาหารที่มีพืชเป็นหลักแบบไขมันต่ำก็ลดการเสื่อมของสมองได้ จึงควรเปลี่ยนอาหารด้วย ถ้าเคี้ยวไม่ไหวก็ใช้เครื่องปั่นความเร็วสูงปั่นให้เป็นของเหลวโดยไม่ทิ้งกากให้ดื่ม การฝึกสมาธิวิปัสนาก็มีหลักฐานจากภาพเอ็มอาร์ไอ.ว่าทำให้เนื้อสมองใหญ่ขึ้น และมีหลักฐานจากภาพทีดีไอ.ว่าทำให้การเชื่อมต่อในสมองมีมากขึ้นซึ่งเป็นทิศทางที่ตรงข้ามกับการเป็นโรคนี้ซึ่งจะมีเนื้อสมองเล็กลงและการเชื่อมต่อน้อยลง

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม

1. Masafumi Ihara, Madoka Nishino, Akihiko Taguchi, Yumi Yamamoto, Yorito Hattori, Satoshi Saito, Yukako Takahashi, Masahiro Tsuji, Yukiko Kasahara, Yu Takata, and Masahiro Okada,. Cilostazol Add-On Therapy in Patients with Mild Dementia Receiving Donepezil: A Retrospective Study. PLoS One. 2014; 9(2): e89516. doi:  10.1371/journal.pone.0089516

………………………………………………..
จดหมายจากท่านผู้อ่าน 1
อ่านบทความของหมอ เรื่อง สอนสังฆราชให้ว่ายน้ำแล้ว อยากเพิ่มเติมอะไรสักหน่อย
ผมอายุ 64แล้ว ได้เข้าฝึกสมาธิและเดินจงกรมมาสักพักหนึ่งแล้วสังเกตว่า การเดินจงกรมจะช่วยให้ประสาทการทรงตัวดีขึ้น และเหมือนมีความจำดีขึ้นด้วย จากเดิมจำบทสวดมนต์ไม่ค่อยได้ เป็นจำได้ทั้งหมดในไม่กี่สัปดาห์

…………………………………………