Latest

การระบาดของโรคบึ๊บ

     “โรคบึ๊บ” ก็คือ “โรคอ้วน” นั่นแหละ ผมตั้งชื่อใหม่ให้ฟังดูไพเราะขึ้นอีกหน่อย เพราะคนอ้วนมักเป็นคนขี้น้อยใจพูดอะไรตรงๆไม่ได้ เอะอะอะไรก็จะขึ้นเสียงว่าคุณไม่เข้าใจคนอ้วน

     วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ฉบับล่าสุดได้ตีพิมพ์ผลวิจัยการค้นหาวิธีแทรกแซงความอ้วนในเด็กที่คุ้มค่าเงินที่สุด (Childhood Obesity Intervention Cost-Effectiveness Study – CHOICES) ซึ่งมีผลสรุปว่าถ้าไปตั้งต้นดูที่เด็กอายุ 2 ขวบแล้วตามไปจนโต พบหากเด็กอ้วนแล้วในวัยนี้  3 ใน 4 เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่อ้วนที่วัย 35 ปี แต่ถ้าอ้วนมากในวัยนี้ ที่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่อ้วนนั้นจะมีมากถึง 4 ใน 5 เลยทีเดียว นั่นหมายความว่าหากเอาตัวเลขนี้มาคาดการณ์จากน้ำหนักจริงของเด็กอายุ 2 ขวบวันนี้ พบว่า 60% ของเด็กอเมริกันวัย 2 ขวบทุกคนวันนี้จะกลายเป็นผู้ใหญ่อ้วนเมื่ออายุ 35 ปี ตัวผมเองไม่แปลกใจกับตัวเลขนี้หรอก เพราะทุกวันนี้ผู้ใหญ่ในอเมริกาบางกลุ่มประชากร บางกลุ่มอายุ ก็มีอัตราเป็นโรคอ้วนสูงถึง 60% ไปเรียบร้อยแล้ว
 
ที่ผมแปลกใจนิดหน่อยก็คือหากมองดูสถิติสำมะโนสุขภาพประชากรสหรัฐจะเห็นว่าเมื่อปี 1970 เด็กอายุระหว่าง 6-19 ปีีที่จัดว่าเป็นเด็กอ้วนมีเพียง 20% เท่านั้นเอง แล้วมันกระโดดขึ้นมาอยู่ในระดับสองในสามของเด็กทั้งหมดได้อย่างไรในเวลาไม่ถึง 50 ปี

องค์การอนามัยโลกจัดโรคอ้วนเป็นโรคระบาด (หมายความว่าโรคที่มีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นรวดเร็ว) มานานหลายปีแล้ว

คำพูดของคนอ้วนที่ว่า

     “คุณไม่เข้าใจคนอ้วน”

เป็นอะไรที่สะท้อนความจริงว่าความอ้วนเป็นอะไรที่เมื่อเป็นแล้วถอยกลับได้ยากพอควร ดังนั้นกุญแจสำคัญจึงอยู่ที่ทำอย่างไรจึงจะป้องกันคนที่รูปร่างปกติอยู่ไม่ให้อ้วน แล้วจะต้องไปป้องกันตั้งแต่อายุเท่าไหร่ละ เพราะงานวิจัย CHOICES นี้บอกว่าถ้าไปตั้งต้นเอาตั้งแต่อายุสองขวบก็สายไปเสียแล้ว เพราะที่อายุสองขวบ เด็กสองในสามเป็นโรคอ้วนไปเรียบร้อยแล้ว การป้องกันใดๆจึงจะมีผลต่อเด็กเพียงหนึ่งในสามที่ยังไม่อ้วนเท่านั้นเอง

     ที่พูดมายาวเหยียดนี่ผมเองก็ยังไม่มีวิธีการหรอกนะ มีคนถามผมเรื่อยว่าเมื่อไหร่ผมจะทำแค้มป์เด็กอ้วน ผมก็ได้แค่จะ จะ จะ เรื่อยมา ที่ผมได้แต่จะนั้นเป็นเพราะผมยังไม่มีผลวิจัยการแก้ปัญหาเด็กอ้วนที่ได้ผลจริงจังอยู่ในมือจึงไม่มั่นใจว่าทำแค้มป์เด็กอ้วนแล้วเด็กจะผอมได้จริงเพราะเด็กมาอยู่กับผมอย่างมากไม่เกินหนึ่งเดือน แต่แล้วเขาก็ต้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่และโรงเรียนซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เขาอ้วน ถ้าแค้มป์ของผมไม่มีกลวิธีที่จะทำให้เขาจัดการโรคอ้วนด้วยตัวเขาเอง คือไม่สามารถเพิ่มศักยภาพให้เขาสามารถฝืนแรงต้านของบ้าน โรงเรียน สังคม ด้วยตัวเองได้ เขาก็ต้องกลับมาอ้วนอีกอย่างไม่ต้องสงสัย

     ไม่ใช่ผมคนเดียวนะที่ไม่รู้วิธีทำให้เด็กที่อ้วนกลับเป็นปกติอย่างถาวร วงการแพทย์ทั่วโลกก็ยังไม่รู้ คำแนะนำที่วงการแพทย์ให้ในปัจจุบันนี้เป็นคำแนะนำกว้างๆที่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เช่น พ่อแม่ต้องเตรียมอาหารคุณภาพสูงแคลอรี่ต่ำให้ลูกกิน โรงเรียนต้องจัดอาหารในแนวเดียวกัน ต้องจำกัดและลดเวลาที่อยู่กับหน้าจอลง ไม่ว่าจะเป็นจอทีวีจอคอมหรือจอโทรศัพท์ และต้องเพิ่มเวลาออกกำลังกายและมีกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวไม่นั่งๆนอนๆนิ่งๆมากขึ้น การจะทำทั้งหมดนี้ได้ พ่อแม่และครูต้องทำให้เด็กเห็นเป็นตััวอย่างก่อน เท่ากับว่าการจะทำให้เด็กหายจากโรคอ้วน ต้องเปลี่ยนแปลงพ่อแม่และครูด้วย โห..

     แต่ผมก็ยังไม่เลิกความตั้งใจที่จะทำแค้มป์เด็กอ้วนนะ แค่รอการโผล่ขึ้นมาของผู้มีฝีมือทำในสิ่งที่หมอสันต์ทำเองไม่ได้ อย่างน้อยหมอสันต์ก็หลอกเด็กไม่เป็นหนึ่งอย่างละ เป็นต้น จึงขอถือโอกาสนี้ประกาศหาผู้ที่จะมาร่วม “ทดลอง” ทำแค้มป์เด็กอ้วนผ่านทางบล็อกนี้ ใครมีไอเดีย หรือมีความสามารถจะทำในส่วนใดผมก็ถือโอกาสนี้ชวนมาทำด้วยกัน เริ่มต้นด้วยการเขียนมาหาผมได้ทุกเมื่อ ช่วงนี้เป็นช่วงเสาะหา know-how ถ้ายังหาไม่เจอก็ยังไม่ทำ ต้องรอต่อไปจนหาเจอ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม

1. Zachary J. Ward, M.P.H., Michael W. Long, Sc.D., Stephen C. Resch, Ph.D., Catherine M. Giles, M.P.H., Angie L. Cradock, Sc.D., and Steven L. Gortmaker, Ph.D. Simulation of Growth Trajectories of Childhood Obesity into Adulthood. N Engl J Med 2017; 377:2145-2153November 30, 2017DOI: 10.1056/NEJMoa1703860