Latest

จะหยุดยาคลอพิโดเกรล (พลาวิกซ์) เพราะมือชา

เรียนคุณหมอสันต์
อายุ 65 ปีแล้วค่ะ มีอาการที่รบกวนมากคือชาแบบเหน็บๆซ่าๆที่ปลายนิ้วมือสี่นิ้วข้างซ้าย ยังหยิบจับอะไรได้อยู่ ไปหาหมอประสาทวิทยาหมอบอกว่าเป็น neuropathy ก็ให้ยาวิตามินบีรวมและยากล่อมประสาทมากิน แต่ก็ไม่ดีขึ้น อย่างอื่นไม่ได้ป่วยเป็นอะไร แต่ว่ากินยา Plavix อยู่วันละเม็ด กินมานานหลายปีแล้ว เพราะตอนโน้นมีอาการคล้ายๆเจ็บหน้าอกหมอเลยให้กินยานี้แล้วก็ไม่ยอมให้หยุดยาทั้งๆที่หัวใจก็ไม่มีอะไรแล้ว ก็กินเรื่อยมา อยากถามคุณหมอสันต์ว่ายา Plavix นี้ทำให้เกิดอาการชาและเหน็บได้ไหม หากหยุดยาแล้วอาการจะหายไปไหม

………………………………………….

ตอบครับ

     1. ถามว่ายาคลอพิโดเกรล (พลาวิกซ์) ทำให้เกิดอาการเหน็บชาได้ไหม ตอบว่าในวิชาแพทย์นี้อะไรก็เกิดจากอะไรได้ทั้งนั้นแหละครับ หิ หิ ไม่ได้กวนโอ๊ยนะ มันเป็นอย่างนั้นจีจี ไล่เลียงไปเถอะ จะได้ข้อสรุปไม่หนีที่ผมว่านี้หรอก แต่คำถามของคุณคงตั้งใจจะถามว่าในบรรดาผู้ใช้คลอพิโดเกรลทั้งหลายมีคนเกิดอาการเหน็บชามากน้อยแค่ไหน ผมตอบตามสถิติของ FDA ก็แล้วกันนะ ว่าเมื่อนับถึงปีกลายมีผู้รายงานความผิดปกติที่เกิดจากการใช้ยาคลอพิโดเกรลเข้ามา 106,870 คน เป็นอาการเหน็บๆชาๆซ่าๆข้างเดียวแบบคุณนี้เสีย 116 คน คือก็มีอยู่แต่ไม่มาก ที่ไม่มากนี่อาจจะไม่มากจริงๆหรือมีมากแต่เขารายงานมาน้อยก็ได้ เพราะอาการเหน็บๆชาๆซ่าๆสำหรับบางคนเขาไม่ถือเป็นอาการซีเรียส บางคนถือว่าดีเสียอีกเพราะการมีอาการเจ็บๆคันๆมันๆจิ๊ดๆมันทำให้ชีวิตอยู่กับความรู้ตัวทั่วพร้อมได้และหายเซ็งดี

     อีกประการหนึ่ง รายงานนี้เป็นเพียงการพบร่วมกันระหว่างการกินยากับอาการแปลกๆที่เกิดขึ้นนะ ยังไม่ได้เป็นหลักฐานแบบพิสูจน์ได้อย่างแจ้งชัดว่ายาเป็นต้นเหตุให้เกิดอาการดังกล่าวดอก

     2. ถามว่าหากหยุดยาแล้วอาการมือชาจะหายไปไหม ตอบว่าไม่มีใครรู้หรอกครับ เพราะไม่เคยมีการบันทึกสถิติการตามดูอาการหลังหยุดยาไว้ ทางเดียวที่จะรู้ได้ก็คือคุณจะต้องลองหยุดยาเอง

     หากคุณคิดจะลองหยุดยาจริง การจะหยุดยาต้านเกล็ดเลือดนี้ต้องค่อยๆทำนะ เพราะร่างกายนี้มีธรรมชาติว่าจะสร้างกลไกชักเย่อกับยาอยู่เสมอ กลไกปกติของร่างกายจะพยายามทำให้การก่อลิ่มเลือดและการสลายลิ่มเลือดเกิดขึ้นแบบได้ดุลกันพอดี แต่พอกินยาต้านเกล็ดเลือดซึ่งทำให้การก่อลิ่มเลือดทำได้ยากขึ้น กลไกของร่างกายก็จะชักเย่อต่อสู้โดยการโหมทำให้การก่อลิ่มเลือดเกิดเร็วขึ้นและมากขึ้นเป็นการชดเชย ชักเย่อกันอยู่อย่างนี้ หากยาชนะขาดก็เลือดออกไม่หยุด หากร่างกายชนะขาดก็เกิดลิ่มเลือด หากไม่มีฝ่ายไหนชนะร่างกายก็อยู่ในดุล ก็ยังอยู่ดีสบาย หากเราหยุดยาปุ๊บปั๊บทันทีทันใดก็จะเหมือนดึงเชือกชักคะเย่อกันอยู่แล้วฝ่ายหนึ่งปล่อยเชือกพลั้วะ อีกฝ่ายตั้งหลักไม่ทันยังเผลอชักเย่อเพลินอยู่ก็เลยหงายหลังก้นจ้ำเบ้า การจะหยุดยานี้จึงต้องค่อยๆหยุด หมายความว่าค่อยๆลดขนาดลงทีละครึ่งหนึ่งทุกสองสัปดาห์ แล้วค่อยหยุดไปเด็ดขาดสิ้นเชิงในเวลาประมาณ 1-3 เดือน

     3. ข้อนี้คุณไม่ได้ถาม แต่ผมแถมให้เพราะไหนๆก็พูดถึงอาการของร่างกายแล้ว ประเด็นของผมคือเมื่อคุณมีอาการทางร่างกาย คุณรีบไปหาหมอ นั่นคุณทำถูกแล้ว เมื่อหมอบอกว่าไม่มีอะไร เอายาวิตามินและยากล่อมประสาทไปกิน นั่นเป็นการวินิจฉัยแยกโรคที่ซีเรียสออกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหมอเขาทำส่วนของเขาถูกต้องแล้ว แต่คุณยังจมอยู่กับความกังวลหงุดหงิดรำคาญใจพยายามลุ้นว่าเมื่อไหร่อาการนี้จะหายไปเสียที ตรงนี้คุณทำไม่ถูกต้อง ที่ถูกคือคุณควรจะใช้โอกาสที่มีอาการทางร่างกายซึ่งหมอยืนยันแล้วว่าไม่มีนัยสำคัญนี้เรียนรู้วิธีมีชีวิตอยู่อย่างยอมรับทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นแล้วและดำรงอยู่แล้วในปัจจุบัน ยอมรับทุกอย่างตามที่มันเป็น อาการของร่างเป็นเป้าที่ดีมากที่จะใช้เรียนรู้นี้ เมื่อมันเกิดขึ้น คุณรับรู้ว่ามันเกิดขึ้น เมื่อมันหายไป คุณรับรู้ว่ามันหายไป มันเกิดขึ้นได้ มันหายไปได้ คุณแค่รับรู้และยอมรับ ไม่ไปคิดต่อยอดโน่นนี่นั่น เมื่อทำอย่างนี้กับอาการของร่ากายสำเร็จ คุณก็ขยายไปทำกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นและผ่านเข้ามาในชีวิต รวมทั้งการเกิดขึ้น ผ่านมา และผ่านไปของร่างกายนี้ด้วย เมื่อใดที่คุณรับรู้และยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ในชีวิตได้อย่างไม่มีข้อขัดแย้งขัดขืนใดๆ เมื่อนั้นคุณก็บรรลุโมกขธรรม..สาธุ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม

1.  eHealthMe Personalized Health Information. Plavix and Tingling and numbness – from FDA reports. Accessed on February 27, 2018 at https://www.ehealthme.com/ds/plavix/tingling-and-numbness/