Latest

Solitude Colony Garden ลองชีวิตแบบนี้ดูบ้างไหม

     เมื่อหลายเดือนก่อนมีแฟนบล็อกนี้ท่านหนึ่งเป็นคนไทยที่ไปอยู่กินที่โคเปนเฮเกนได้เขียนมาเล่าและส่งรูปถ่ายมาให้ดูว่าวันหนึ่งเขาได้ไปเยี่ยมเพื่อนซึ่งทำสวนหมู่ (colony garden) เขาบอกว่าบรรยากาศดีมาก ทำให้คิดถึงเมืองไทย และคิดถึงหมอสันต์ซึ่งเป็นคนชอบเกษตร จึงส่งรูปมาให้ดู ผมดูรูปแล้วก็เห็นดีเห็นงามด้วยว่าบรรยากาศน่ารัก

ป้ายฝีมือหมอสมวงศ์ ผมสะกดคำให้ผิด หิ..หิ

     ก่อนหน้านี้นานมาแล้วมีเพื่อนฝรั่งซึ่งเป็นชาวสตอกโฮมเล่าให้ผมฟังว่าเทศบาลเมืองใหญ่มักจัดที่นอกเมืองให้ประชาชนที่ชอบทำสวนเช่าคนละหนึ่งกระแบะ บ้านละประมาณ 100 ตารางเมตร พอว่างงานก็ขับรถออกจากเมืองไปทำสวนหนึ่งกระแบะนี้ปลูกผักปลูกดอกไม้ตามใจชอบ เทศบาลมีที่จอดรถให้แยกต่างหากจากสวน บ้างตั้งเต้นท์นอน บ้างสร้างเคบินเล็กๆในสวนที่ตนเช่า เป็นการช่วยให้ชาวเมืองซึ่งอยู่ในป่าคอนกรีตได้มีโอกาสใช้เวลาว่างผลิตอาหารสดๆของตนเองและได้ออกกำลังกาย ซึ่งเป็นวิธีพักผ่อนที่ก่อผลดีต่อสุขภาพในราคาไม่แพง บางคนที่ซำเหมาหน่อยก็ปลูกกระต๊อบใช้ชีวิตอยู่ในสวนกระจุกนี้แบบถาวรโดยไม่ไปอยู่อาศัยที่อื่นเลย แต่ละสวนมีชาวเมืองต่อคิวรอเข้าเช่ายาวเหยียดเพราะผู้คนชื่นชอบชีวิตแบบนี้มากเนื่องจากสำหรับคนเมืองชีวิตที่ได้อยู่ติดดินติดหญ้าบ้างมันเติมเต็มความสุขตามธรรมชาติที่ขาดหายไป แต่เมืองไทยเราคงไม่มีโอกาสที่จะมีสวนแบบนี้เพราะ กทม.ก็ดีหรือเทศบาลตามเมืองใหญ่ๆก็ดีคงมีเรื่องที่มีลำดับความสำคัญเร่งด่วนกว่าเช่นรถติด อากาศเป็นพิษ ขยะพลาสติกล้นเมือง รอการแก้ไขเต็มมือ

     By the way เปลี่ยนเรื่องนะ เมื่อเดือนก่อนผมไปปีนเขาที่ภูกระดึงซึ่งมีเส้นทางขึ้นเขาสูงชันยาวประมาณ 8 กม. ที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติที่ได้รับการสงวนไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่ง ระหว่างทางเดินขึ้นเขาผมคาดหวังว่าจะได้เห็นป่าแบบไม้ผลัดใบ (deciduous) เช่นไม้เต็ง รัง เหียง พลวง ประดู่แดง ยางนา แต่ว่าที่ผมเห็นกลับมีแต่ต้นไผ่เสียมาก เพื่อนที่ไปด้วยกันซึ่งเป็นนักย่ำอุทยานบอกว่าเขาไปอุทยานแห่งชาติในเมืองไทยมาแล้วเกือบทุกแห่ง เขาบอกว่า 80% ของต้นไม้ในอุทยานแห่งชาติเป็นป่าไผ่และป่ากระถินยักษ์ ผมเข้าใจว่าทำไมอุทยานแห่งชาติจึงมีแต่ไผ่กับกระถินยักษ์ เพราะอุทยานแห่งชาติเกือบทุกแห่งประกาศเขตเมื่อป่าไม้จริงถูกทำลายไปมากแล้ว เมื่อมาเป็นอุทยานก็ต้องมีการปล่อยให้ป่าฟื้นตัวตามธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าต้องดีกว่าปล่อยให้มีการหักร้างถางพงทำกินกันซ้ำซากจนภูเขาโล้นเกลี้ยงสุดลูกหูลูกตาอย่างที่เมืองน่าน แต่ป่าไม้ของไทยนี้ในการฟื้นตัวหลังการแผ้วถางทำไร่ไม่มีพืชใดจะแพร่พันธ์ได้เร็วพรวดพราดเท่าไผ่และกระถินยักษ์ ต้นกล้าไม้เบญจพรรณซึ่งเป็นเจ้าถิ่นเดิมนั้นเดี้ยงหมด อย่างดีก็สูงได้แค่สองสามเมตรแล้วแจ้อยู่แค่นั้น เพราะกระถินยักษ์สูงเอาๆและปกคลุมแบบหมดทางสู้

สวนหมู่แบบ Colony Garden ข้างหลังคือ Solitude Hut

     ก่อนจะไปภูกระดึงผมเคยไปเที่ยวอุทยานผาแต้ม ขณะขึ้นทางวิบากไปผาชะนะได ได้เห็นทีมงานป่าไม้เขาตั้งใจปลูกไม้เบญพรรณทดแทนแบบจริงจังตามหลักวนศาสตร์ คือมีเคลียริ่ง มีวีดดิ้ง ลงกล้าไม้เบ็ญจพรรณขนาดต้นเท่าตะเกียบคีบก๋วยเตี๋ยวเป็นแถวยาวเหยียด ตอนที่ผมไปนั้นฝนหมดไปได้เดือนกว่าแล้ว เรียกว่าหน้าแล้งมาเร็ว ผมแอบนับดูอัตราตายจากการขาดน้ำของกล้าไม้ที่ลงไป ปรากฎว่าตายเกือบ 100% ฮือ..ฮือ ตอนนั้นผมเกิดความคิดแว้บขึ้นมาในใจว่าผมอยากจะทดลองปลูกฟื้นสภาพป่าไม้ผลัดใบโดยใช้ยางนาทดแทนกระถินยักษ์ด้วยตนเองดูบ้าง เพราะยางนาเป็นไม้ในป่าผลัดใบที่ไม่ผลัดใบ (evergreen) และทำให้มีเห็ดนานาพันธุ์ชุกชุม จึงเป็นไม้สร้างป่าแบบ deciduous ที่น่าจะเวอร์คสุด การปลูกทดแทนตามวิธีที่ผมคิดคือไม่ต้องทำเคลียริ่ง อาศํยต้นกล้าขนาดใหญ่ที่ทนแล้งได้เองแล้ว และอาศัยแรงงานคนเข้าทุบเข้าถอง เพื่อคอย “ฮาน” กิ่งกระถินยักษ์ให้ยางนาได้รับแสงแดดเต็มๆในหน้าฝน ส่วนในหน้าแล้งก็อาศัยกระถินยักษ์นั่นแหละช่วยพรางแดดให้ยางนา  โดยวิธีนี้ยางนาซึ่งมีธรรมชาติเป็นไม้สูงใหญ่ระดับ 50 เมตรก็จะค่อยๆสูงพ้นกระถินยักษ์กลับขึ้นมาเป็นเจ้าถิ่นได้ใหม่ นี่คือทฤษฏีของหมอสันต์ ซึ่งโผล่ขึ้นมาในหัวแว้บเดียวแล้วก็ผ่านไป

กล้าไม้ในโครงการปลูกป่าของหมอสันต์

     พอกลับจากภูกระดึงก็มีเจ้าของบ้านหลังหนึ่งในมวกเหล็กวาลเลย์ซึ่งผมไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลยอยู่ๆก็มาหาผม แล้วพาผมไปดูบ้านของเขาซึ่งมองไม่เห็นตัวบ้านเพราะอยู่ในพงหญ้าสูงท่วมหัวมุดเข้าไปไม่ไหว ต้องยืนบนรั้วเพื่อมองข้ามพงหญ้าคอมมูนิสต์เข้าไป เขาเสนอขายบ้านหลังนั้นให้ผม เขาบอกว่าเขาใช้บ้านหลังนั้นครั้งสุดท้ายเมื่อน้ำท่วมกรุงเทพ (พ.ศ. 2554) หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้มาใช้บ้านเลย ผมไม่ได้สนใจบ้าน แต่สนใจป่าไม้ผลัดใบหมดสภาพซึ่งถูกกระถินยักษ์ยึดครองที่ข้างหลังบ้านมากกว่า บ้านนี้หลังบ้านติดป่า อ้า..ฮะ ทฤษฎีหมอสันต์ที่จะฟื้นสภาพป่าไม้ผลัดใบด้วยวิธีแผลงๆท่าทางจะกลายเป็นจริงขึ้นมาเสียแล้ว ผมตกลงซื้อบ้านของเขาทันทีเพื่อใช้เป็นฐานปลูกป่าตามทฤษฎีแผลงนี้ กะจะหาต้นกล้ายางนามาตุนไว้ พอฝนใหม่มาก็จะเริ่มเอายางนาเข้าไปทดแทนกระถินยักษ์ที่หลังบ้านทีละนิดๆแบบแอบทำอยู่คนเดียว ถ้าผมไม่ตายเสียก่อนในสิบปีนี้คงจะได้เห็นป่ายางนาฟื้นคืนชีพหลังบ้านนี้ให้ชาวบ้านมาเก็บเห็ดกินได้แน่นอน ในการนี้ต้องหาที่เตรียมเพาะกล้าไม้ ตามโฉนดที่ผมซื้อมาระบุว่ามีที่ว่างหน้าบ้านอยู่ราวสองไร่ จึงไถพงหญ้าคอมมูนิสต์เปิดลานหน้าบ้านออก อ้า ฮ้า.. เป็นลานกว้างวิวหุบเขาสวยเสียด้วย เอากล้าไม้มาเลี้ยงตรงนี้ละกัน ผมเอาขี้วัวมาปรับสภาพดิน ติดสปริงเกลอร์พ่นน้ำ โรยเมล็ดปอเทืองเอาฤกษ์เอาชัย แล้วเริ่มเพาะกล้าไม้ป่า แล้วก็ยังเหลือที่ว่างโล่งโจ้งอีกตั้งเยอะแยะ กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเอาที่ที่เหลือนี้ไปทำประโยชน์อย่างไรดี

     พอดีต้องวางมือชั่วคราวเพื่อหันมาทำแค้มป์ Spiritual Retreat (SR9) แค้มป์รอบนี้มีสมาชิกที่มีแคแรคเตอร์พิเศษอยู่หลายท่าน มีท่านหนึ่งชื่อหมออีม เธอเป็นยอดหญิงนักกีฬาคนไทยคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ได้สำเร็จ เช้าวันหนึ่งหลังจากจบกิจกรรมเดินฝึกความรู้ตัวในป่าแล้วมานั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน ผมแซวเธอว่า

ห้องนอนใน Solitude Hut

     “ตอนนี้ชีวิตคุณเริ่มมีปัญหาแล้วสิ เพราะในโลกนี้ไม่มีภูเขาที่สูงกว่านี้ให้คุณปีนแล้ว”

      คุยกันไปคุยกันมาจึงได้ทราบว่าเธอกับผมมีอะไรเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือชอบทำสวนปลูกต้นไม้โดยไม่ชอบยุ่งกับคน ผมจึงปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า

     “เฮ้ย..ผมนึกออกแล้ว เรามาทำสวนแบบ colony garden แบบทางยุโรปเหนือกันไหม ผมมีที่และมีระบบรดน้ำให้เสร็จแล้ว เอาที่ตรงนี้มาทำเป็นสวนหมู่ให้คนที่ไม่เคยทำสวนได้มาหัดทำสวนโดยตัดเป็นแปลงเล็กๆแปลงละสัก 100 ตรม. ให้เช่าราคาถูกๆปีละสัก 500 บาท เอาไหม  คุณก็ทำสวนแปลงหนึ่ง ผมก็ทำสวนแปลงหนึ่ง คนอื่นก็ทำสวนคนละแปลงๆ ทำกันงุดๆๆอยู่ใกล้ๆกันโดยอาจจะไม่ต้องพูดอะไรกันเลยก็ยังได้ตกลงไหม” เธอตอบโดยแทบไม่ต้องยั้งคิดว่า

เตาผิงก็มีนะ หากบ้าบรรยากาศพอที่จะทนร้อนเอา


     “ตกลงค่ะ”

      แถ่น..แทน..แท้น…. และแล้วโครงการ Solitude Colony Garden นี้ก็เกิดขึ้นจากโต๊ะกินข้าวต้มตอนเช้านี่เอง การเปิดโครงการใช้เวลาไม่ถึงเจ็ดวัน หมอสมวงศ์ซึ่งมีสีมีภู่กันอยู่แล้วใช้เวลาสองสามชั่วโมงเขียนป้ายสวนมีนกฮูกเป็นสัญญลักษณ์ให้ ผมเอาป้ายขึ้นปักริมรั้ว ห่างจากต้นงิ้วซึ่งกำลังจะออกดอกสีแดงฉานมาหน่อย ตอกตะปูยึดป้ายกับเสาโป๊ก โป๊ก โอเค…We are in business! เราได้เข้ามาสู่วงการแล้ว แต่พอถ่ายรูปป้ายออกมาดู อุ๊บ..ผมสะกดคำว่า Solitude ให้หมอสมวงศ์ผิดเสียแล้ว หิ..หิ ไม่เป็นไร เขียนผิดๆถูกๆจะได้ดูเป็นบ้านนอกๆ ได้บรรยากาศของจริงไปอีกแบบ

     จึงขอถือโอกาสเปิดป้ายนี้โฆษณาเชิญชวนแฟนบล็อกหมอสันต์ทุกท่านที่ไม่มีที่ดินของตัวเองแต่อยากทดลองหัดทำสวนแบบต้นทุนต่ำเล่นๆให้มาทำสวนกันในรูปแบบของการเช่าพื้นที่ในสวนหมู่แห่งนี้ ผมคิดค่าเช่าปีละแค่ 500 บาทต่อแปลง ปีละนะ ไม่ใช่เดือนละ แถมผู้เช่ายังไม่ต้องจ่ายเงินตอนนี้ด้วย มาลองทำสวนดูก่อนว่าจะไปรอดไหม ไปรอดครบปีแล้วค่อยจ่ายเงิน จะได้ไม่เสียเวลามาคืนเงินกันทีหลัง โดยในราคานี้ผมสปริงเกิ้ลน้ำให้ฟรีเช้าเย็นทุกวันตราบเท่าที่ยังมีน้ำให้สูบ ในราคานี้จะมีให้แต่ น้ำ ดิน อากาศ และที่จอดรถ อย่างอื่นไม่มีให้ จอบเสียมผู้เช่าหามาเองแต่เอามาฝากเก็บได้ เมล็ดพันธ์เอามาเอง ขุดดินถอนหญ้าเอาเอง ผลผลิตในสวนของท่านทุกบาททุกสตางค์ไม่ว่าจะได้ผลบวกหรือหรือว่าติดลบล้วนเป็นของท่านทั้งสิ้นไม่ต้องแบ่งอะไรให้เจ้าที่ดินอีกเพราะผมไม่อยากมีรายได้ติดลบ  สัญญาเช่าเป็นสัญญาปากเปล่าไม่มีการเขียนอะไรเป็นตัวหนังสือ สัญญามีอายุคราวละหนึ่งปี ครบปีแล้วต่อสัญญาอัตโนมัติเรื่อยไปตราบเท่าที่หมอสันต์ยังปลูกป่าอยู่ที่นี่ แต่ถ้าหมอสันต์เดี้ยงไปเสียก่อนหรือมีเหตุให้หมอสันต์ต้องเลิกกิจการเมื่อใดก็เป็นอันจบสัญญาโดยอัตโนมัติเมื่อนั้น

มองจากระเบียงหน้าบ้านไปยังที่จะทำสวน

ปลายปีนี้มอเตอร์เวย์ก็จะเสร็จแล้ว ถึงตอนนั้นขับจากกรุงเทพมานี่ก็แค่ชั่วโมงเดียว จะขับมาทำสวนแล้วขับกลับก็ยังได้ จะตั้งเต้นท์ในที่เช่าของตนก็ได้ จะหาที่นอนค้างแถวนี้ก็ไม่ยาก บ้านในสวนหลังนี้ผมก็เปิดให้เช่าแบบเป็นคืนๆไป ผมตั้งชื่อบ้านหลังนี้ว่า Solitude Hut เป็นบ้านมีห้องนอนติดแอร์สองห้อง มีห้องน้ำอยู่ในห้องนอนห้องใครห้องมัน มีน้ำอุ่นอาบซึ่งจำเป็นมากสำหรับมวกเหล็ก มีครัวเล็กพอทำอาหารได้ หรือจะเดินไปซื้อกินเองที่ครัวปราณาที่ห่างออกไปแค่ 300 ม. ซึ่งเปิดขายทุกวันก็ได้ ค่าเช่าบ้านนี้ตกคืนละ 2,000 บาทต่อทั้งหลัง ขออำไพที่คิดถูกกว่านี้ไม่ลงเพราะแถบมวกเหล็ก-เขาใหญ่นี้แรงงานแพงชะมัด ค่าแม่บ้านทำความสะอาดตกวันละ 500 บาทเข้าไปแร้ว..ว ยังไม่นับค่าส่งผ้าปูที่นอนปลอกหมอนปลอกผ้านวมไปซักอีกสามร้อยบาทต่อครั้ง เว้นเสียแต่หากท่านจะอยู่นานหลายวันโดยไม่ต้องซักผ้าซักผ่อนละก็โอเค.ค่อยมาเจรจากัน..หิ หิ ใครที่อยากประหยัดก็มากันสองครอบครัวแบ่งกันจ่ายครอบครัวละพันแล้วแบ่งกันอยู่ครอบครัวละห้องก็ได้เพราะแต่ละห้องใหญ่พอควร สำหรับคนที่ชอบเดินออกกำลังกายหรือชอบปฏิบัติธรรมเดินจงกลมในที่สงบเงียบ หลังบ้านนี้มีทางเดินเท้าในป่าซึ่งแผ้วทางไว้ดีไม่ต้องกลัวงูเงี้ยวหรือต่อแตนให้เดินได้ยาวประมาณ 1 กม.

      ในโอกาสเริ่มต้นนี้ขอทดลองเปิดให้แฟนๆบล็อกเช่าสัก 20 แปลงก่อน ถ้ากิจการดีค่อยขยับขยายภายหลัง คุณสมบัติผู้เช่ามีข้อเดียวคือต้องขยันมาทำสวน ถ้าไม่มาเลยนานเกินหกเดือนติดต่อกันถือว่าวีซ่าขาดโดยปริยาย คนชอบสร้างสรรค์นวัตกรรมการทำสวนแบบประหยัดน้ำถือเป็นคุณสมบัติพิเศษที่ผมขอชักชวนมาทำสวนนี้ด้วยกันอย่างแรง เพราะวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อโลกร้อนขึ้นกว่านี้ สวนประหยัดน้ำคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แฟนบล็อกท่านใดสนใจจะมาร่วมทำสวนกรุณาเขียนอีเมลมาหาผมที่ chaiyodsilp@gmail.com ส่วนท่านที่จะจองบ้าน Solitude Hut เพื่อพักผ่อนนอนเล่นกรุณาติดต่อที่หมอสมวงศ์ โทรศัพท์ 086 8882521 หรืออีเมลถึงเธอที่ somwong10@gmail.com

ปล. หลังจากเปิดไปยังไม่ทันข้ามวันก็มีชาวสวนสมัครมาเต็มแล้ว จึงของดรับสมัครเพิ่มเติมไว้ก่อน และขออนุญาตไม่ทำ waiting list เพราะผมขี้ลืม วันหน้าหากมีที่ว่างอีกค่อยแจ้งข่าวนะครับ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์