มะเร็ง

CR-2..หมอสันต์ใจแคบกับวิธีรักษามะเร็งเกินไปหรือเปล่า

     วันนี้จะพูดถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีทำแค้มป์รีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็ง (Cancer Retreat)

     เมื่อผมทำแค้มป์รีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็ง (Cancer Retreat – CR1) เมื่อปีที่แล้ว เมื่อผมเริ่มต้นด้วยการอารัมภบทกับสมาชิกแค้มป์ว่า “แค้มป์นี้ไม่ใช่แค้มป์ที่จะรักษามะเร็งให้หาย แต่เป็นแค้มป์ที่จะช่วยให้ทุกท่านเปลี่ยนทัศนคติต่อโรคมะเร็งและอยู่กับมันได้โดยไม่ทุกข์” พอจบชั่วโมงนั้นสมาชิกท่านหนึ่งก็มาเปรยกับผมว่า

     “คุณหมอสันต์ใจแคบกับวิธีรักษามะเร็งเกินไปหรือเปล่า”

     ความหมายของเธอคือผมจำกัดตัวเองอยู่แค่การแพทย์แผนปัจจุบันผ่าตัดฉายแสงเคมีบำบัดแบบคับแคบจนสรุปว่ามะเร็งที่จบการรักษาเหล่านี้แล้วหากไม่หายก็คือไม่หาย ผมจำได้ว่าได้แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆว่าผมจำเป็นต้องอิงหลักฐานวิทยาศาสตร์เพราะผมเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ก็มีความตะหงิดในใจขึ้นมาสองประการ คือ

     (1) ที่ว่าเมื่อผ่าตัดฉายแสงเคมีบำบัดแล้วไม่หายก็คือไม่หาย ผมได้ศึกษาหลักฐานวิจัยครบถ้วนหรือยังก่อนที่จะสรุปอย่างนั้น 

     (2) การทำแค้มป์รีทรีตผู้ป่วยมะเร็งด้วยวิธีให้ดับความหวังว่าจะหายมาโฟกัสที่การยอมรับและอยู่กับมัน วิธีนี้มันทำให้ตัวผมเองสบายใจว่าไม่ได้ไปสร้างความหวังลมๆแล้งๆให้คนไข้  แต่ว่ามันมีวิธีช่วยผู้ป่วยที่ดีกว่านี้ไหม เช่นไม่ดับความหวัง ขณะเดียวกันก็ฝึกที่จะยอมรับและอยู่กับมันได้ด้วย

     การถูกคนไข้ตอกเอาตรงๆว่าผมใจแคบทำให้ความตะหงิดทั้งสองประการนี้ยังอยู่ในใจเรื่อยมาและผมก็ยังไม่มีเวลาเคลียร์มันสักที จนกระทั่งมีเพื่อนที่เป็นหมอมะเร็งส่งงานวิจัยของดร.เคลลี่ เทอร์เนอร์ (Dr. Kelly A. Turner) ซึ่งทำงานเกี่ยวกับผู้ป่วยมะเร็งและหนังสือที่เธอเขียนชื่อ Radical Remission ซึ่งผมขออนุญาตแปลว่า “หายแบบเย้ยฟ้าท้าดิน” มาให้อ่าน ผมอ่านจบแล้วก็รู้สึกว่าผมพอจะมีทางเคลียร์ความตะหงิดในใจของตัวเองได้แล้วละ แต่ก่อนอื่นขอผมเล่าสาระของงานวิจัยและหนังสือของเธอก่อนนะ ในแง่ของการวิจัยมันออกจะเป็นการวิจัยออกบ้านๆสักหน่อย คือย้อนรอยซักประวัติสัมภาษณ์ผู้ป่วยที่หายจากมะเร็งแบบเย้ยฟ้าท้าดินจำนวนพันกว่าคน โดยเธอนิยามการหายแบบเย้ยฟ้าท้าดินว่าเป็นกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้

     1. มะเร็งหายไปเองโดยไม่ได้รักษาตามสูตรไม่ว่าจะเป็นผ่าตัดฉายแสงหรือคีโมเลย
     2. คนไข้รักษาตามสูตรผ่าตัดฉายแสงหรือคีโมอยู่แล้วไม่เห็นผลก็เลิก ไปเสาะหาการแพทย์ทางเลือก แล้วก็หาย
     3. คนไข้ควบการรักษาตามสูตรด้วยแอบใช้การแพทย์ทางเลือกด้วย แล้วก็หายแบบไม่รู้ว่าหายจากอะไร

     งานวิจัยของเธอสรุปออกมาได้ว่ามีปัจจัยอยู่ 75 ปัจจัยที่อาจจะเป็นเหตุให้มะเร็งหาย โดยที่มีอยู่ 9 ปัจจัยที่เกิดขึ้นซ้ำซากในคนไข้ที่หายหลายคนเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อยดังนี้

1. เปลี่ยนอาหารที่เคยกิน ไปกินอาหารที่ไม่เคยกิน ซึ่งส่วนใหญ่เน้นเพิ่มการกินผักผลไม้ เลิกเนื้อสัตว์ น้ำตาล นมวัว แป้งขัดขาว

2. หันมารับผิดชอบดูแลตัวเองจริงจังโดยไม่หวังพึ่งใครอีกต่อไปแล้ว

3. เชื่อและทำตามปัญญาญาณ (intuition) ของตัวเองโดยไม่ฟังคำทัดทานทักท้วงใดๆทั้งสิ้น

4. ใช้พืชสมุนไพรในการรักษา

5. ปลดปล่อยอารมณ์ขุ่นมัวที่ค้างคาอยู่ในใจ

6. สร้างความคิดบวกและอารมณ์บวก

7. เปิดรับความเกื้อกูลทางสังคมจากคนอื่น

8. หันกลับไปหารากเหง้าทางจิตวิญญาณของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นศาสนาหรือความเชื่อก็ตาม

9. บอกตัวเองได้อย่างหนักแน่นว่าทำไมจะต้องมีชีวิตอยู่ ทำไมจะต้องไม่ตาย

     แม้งานวิจัยของดร.เคลลี่จะเป็นแค่การสัมภาษณ์ผู้ป่วยแล้วบันทึกซึ่งเป็นหลักฐานวิจัยระดับต้องฟังหูไว้หู แต่ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งเก้าประการข้างต้นนั้นมันมีอะไรที่มีสาระจริงจังซ่อนอยู่พอควร บางอย่างก็มีหลักฐานวิทยาศาสตร์เห็นๆเช่นยาเคมีบำบัดประมาณครึ่งหนึ่งก็สกัดมาจากพืชสมุนไพร แล้วพืชสมุนไพรที่วงการแพทย์ยังไม่รู้จักอีกเยอะแยะละจะไม่มีที่ให้ผลรักษามะเร็งบ้างเลยหรือ ปัจจัยอื่นๆนั้นก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าล้วนมีผลเกื้อกูลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายซึ่งเป็นระบบที่เชื่อถือได้มากที่สุดที่จะทำให้มะเร็งหาย

     เมื่อใกล้กำหนดที่จะเปิดรีทรีตผู้ป่วยมะเร็งครั้งต่อไป (CR2) คือ 27-30 มิย.62 นี้ ผมพยายามคิดว่าทำอย่างไรจึงจะเอางานวิจัยของดร.เคลลี่มาสร้างประโยชน์กับคนไข้ให้ได้นอกเหนือจากที่ผมได้ทำอยู่แล้วใน CR1 ความจริงในทีมงานของผมก็มีทรัพยากรที่จะทำอะไรให้มากขึ้นได้อยู่ คือในเวลเนสวีแคร์เองมีทีมงานแพทย์แผนไทยที่เรียนจบปริญญาถือใบประกอบโรคศิลป์มาตรฐานอยู่ถึง 6 คน มีทั้งแพทย์แผนไทยคลาสสิกและแพทย์แผนไทยประยุกต์ คลินิกการแพทย์ทางเลือกที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องก็มีแล้ว แถมยังมีที่ปรึกษาเป็นหมออายุรเวดะจากอินเดียที่สามารถให้คำแนะนำเชิงลึกในส่วนของอายุรเวดะแก่แพทย์แผนไทยได้ด้วย องค์ความรู้เรื่องพืชสมุนไพรก็ได้สร้างไว้แยะพอควร ทั้งสวนสมุนไพรที่เชื่อมต่อกับอุทยานผักพื้นบ้านเฉลิมพระเกียรติของรัฐบาล ที่ อ.บึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี ก็ปลูกและเลี้ยงดูมาได้พักใหญ่แล้ว จนผอ.อุทยานฯพูดเป็นเชิงติดตลกแต่จริงจังกับผมว่า “เผื่อน้ำท่วมภาคกลางจนสวนนี้จมมิดน้ำ ผมจะไปเอาพันธ์พืชที่เวลเนสวีแคร์กลับมาปลูกใหม่นะ”

     ผมดูความพร้อมแล้วจึงได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนการทำรีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งครั้งที่ 2 นี้ให้แตกต่างจากครั้งที่ 1 เล็กน้อย กล่าวคือ 80% จะเหมือนเดิมในส่วนของ

(1) การเปลี่ยนทัศนคติต่อโรค

(2) การโฟกัสที่การจัดการความเครียดกังวล วางความคิด มาอยู่กับความรู้ตัว

(3) การเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตเสียใหม่

(4) โภชนาการแบบพืชเป็นหลักที่หลากหลายและไขมันต่ำ

(5) การสร้างความบันดาลใจจากกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน

     นอกจากยุทธศาสตร์ทั้ง 5 ข้างต้นซึ่งจะทำต่อไปเหมือนเดิมโดยผมในฐานะแพทย์แผนปัจจุบันเป็นผู้ดูแลแล้ว ใน CR2 นี้ ขณะที่ผู้ป่วยอยู่ในแค้มป์ จะมีการเพิ่มการรักษามะเร็งด้วยพืชสมุนไพรตามหลักวิชาแพทย์แผนไทย โดยแพทย์แผนไทยที่มีใบประกอบโรคศิลป์ควบคู่กันไปด้วย นอกจากแพทย์แผนไทยซึ่งรับผิดชอบต่อการรักษาด้วยสมุนไพรนี้โดยตรงแล้ว ยังจะมีแพทย์อายุรเวดะจากอินเดียคอยให้คำปรึกษาแก่แพทย์แผนไทยในส่วนที่เกี่ยวกับความรู้อายุรเวดะของอินเดียด้วย

     ดังนั้นหน้าตาของรีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งครั้งใหม่ (CR2) จะเป็นดังนี้

     ตารางกิจกรรมรีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็ง

     สถานที่: เวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ (Wellness We care Center) มวกเหล็ก-เขาใหญ่

     วันเวลา: ครั้งที่ 2 วันที่  27-30 มิย.62

     วันแรก

8.00-14.00
Registration- Meet with doctor
-ลงทะเบียนเข้าแค้มป์ เช็คอินเข้าห้องพัก
-ซักประวัติตรวจร่างกายกับแพทย์แผนปัจจุบัน
-ซักประวัติตรวจร่างกายกับแพทย์แผนไทย
-จัดทำเวชระเบียนส่วนบุคคล
-พักรับประทานอาหารว่างและอาหารกลางวันในขณะผลัดกันเข้าพบแพทย์

14.00 – 16.00
Getting to know each other ทำความรู้จักกันและเรียนรู้เรื่องโรคของกันและกัน

16.00 – 16.30
Tea break พักรับประทานน้ำชา

16.30 – 17.30
Briefing. Concept of cancer retreat
– ยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูตนเองจากโรคมะเร็ง (นพ.สันต์)
– ภาพรวมแผนการรักษามะเร็งของแพทย์แผนไทย (โดยแพทย์แผนไทย)
– ภาพรวมแนวทางรักษามะเร็งแบบอายุรเวดะของอินเดีย (Dr.Joshi)
18.00 – 20.30
– กินยาสมุนไพรของแพทย์แผนไทย
Dinner and peer support group activity อาหารเย็นและกิจกรรมผ่อนคลายกับกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน

     วันที่สอง

06.30 – 08.00 น.
Morning Ritual กิจวัตรยามเช้า สมาธิ โยคะ ไทชิ ฝึกกล้ามเนื้อ
-Trace Element drink ดื่มเครื่องดื่มเทรซอีลีเมนท์
– กินยาสมุนไพรของแพทย์แผนไทย

08.00 – 9.30 น.
รับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ พักผ่อนส่วนตัว

9.30 – 10.30 น.
Immunity system ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกับมะเร็ง

10.30 – 11.00  น.
Coffee Break พักดื่มกาแฟ

11.00 – 12.00 น.
Workshop. Awareness การวางความคิดกลับไปอยู่กับความตื่น

12.00 – 14.00 น.
Lunch Break พักรับประทานอาหารกลางวัน และพักผ่อนส่วนตัว

14.00 – 15.00 น.
Cancer Nutrition โภชนาการผู้ป่วยมะเร็ง

15.00 – 15.30 น.
Workshop. Body scan and Tai Chi ฝึกตามดูเวทนา และฝึกไทชิขั้นละเอียด

15.30 – 16.00 น.
Coffee Break พักรับประทานน้ำชา

16.00 – 18.00 น.
Workshop. Microgreen and sprout การปลูกและใช้ต้นอ่อนและเมล็ดงอก

18.00 – 20.30
– กินยาสมุนไพรของแพทย์แผนไทย
Dinner & Group activities รับประทานอาหารเย็นและผ่อนคลายกับกลุ่ม

     วันที่สาม

06.30 – 08.00 น.
Morning Ritual กิจวัตรยามเช้า สมาธิ โยคะ ไทชิ ฝึกกล้ามเนื้อ
-Trace Element drink ดื่มเครื่องดื่มเทรซอีลีเมนท์
– กินยาสมุนไพรของแพทย์แผนไทย

08.00 – 9.30 น.
รับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ พักผ่อนส่วนตัว

9.30 – 10.30 น.
Nervous system and stress ระบบประสาทและความเครียด
Total Life Change เปลี่ยนชีวิตอย่างสิ้นเชิง (นพ.สันต์)
10.30 – 11.00  น.
Coffee Break พักดื่มกาแฟ

11.00 – 13.00 น.
Workshop. PBWF cooking การทำอาหารพืชเป็นหลักไขมันต่ำและอาหารกลืนง่าย

13.00 – 14.00 น.
Lunch Break พักรับประทานอาหารกลางวัน และพักผ่อนส่วนตัว

14.00 – 15.00 น.
Balance exercise ฝึกซ้อมการทรงตัว เตรียมความพร้อมก่อนไปเดินป่า

15.00 – 16.00 น.
Coping with pain การรับมือกับอาการปวด

16.00 – 16.15 น.
Coffee Break พักรับประทานน้ำชา

16.15 – 18.00 น.
Workshop. Herb garden tour ทัวร์สวนสมุนไพร (ฟาร์ม)

18.00 – 20.30
– กินยาสมุนไพรของแพทย์แผนไทย
Dinner & Group activities
รับประทานอาหารเย็นและร้องเพลงผ่อนคลายกับกลุ่ม

     วันที่สี่

06.30 – 08.00 น.
Morning Ritual กิจวัตรยามเช้า สมาธิ โยคะ ไทชิ ฝึกกล้ามเนื้อ
-Trace Element drink ดื่มเครื่องดื่มเทรซอีลีเมนท์
– กินยาสมุนไพรของแพทย์แผนไทย
– Bush walk กิจกรรมเดินป่า

08.00 – 9.30 น.
รับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ พักผ่อนส่วนตัว

9.30 – 10.30 น.
Living with cancer เรียนรู้เทคนิคดีๆจากประสบการณ์ของผู้เปลี่ยนชีวิตตัวเองได้เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็ง

10.30 – 11.00  น.
Coffee Break พักดื่มกาแฟ

11.00 – 12.00 น.
Peer to peer sharing แชร์ประสบการณ์เทคนิคการวางคิด (ความคาดหวังและความกลัว) ในกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน

12.00 – 14.00 น.
Lunch Break พักรับประทานอาหารกลางวัน และพักผ่อนส่วนตัว

14.00 – 1600 น.
Personal consultation นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ตอบคำถามและให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพส่วนตัวเป็นรายคน รวมทั้งปรึกษาผลแล็บ เอกซเรย์และผลการตรวจพิเศษต่างๆ โดยผู้ร่วมแค้มป์ท่านอื่นสามารถนั่งฟังและร่วมแชร์ความรู้และประสบการณ์กันในห้องได้

16,00         
ปิดแค้มป์
           
ค่าลงทะเบียน

     ท่านละ 9,000 บาท รวมอาหารทุกมื้อ ที่พัก อุปกรณ์การเรียน แต่ไม่รวมค่าเดินทางยังเวลเนสวีแคร์ (ผู้เรียนต้องเดินทางไปเอง) ที่พักนอนคู่สองคนต่อห้อง

วิธีลงทะเบียนเข้าเรียน

   ลงทะเบียนผ่านเว็บไซท์ได้ที่

https://www.wellnesswecare.com/th/program/good-health-by-yourself-th/13 ถ้าไม่สำเร็จให้โทรศัพท์หาคุณเอ๋ย (เชิญขวัญ) ที่เบอร์ 0636394003

การเตรียมตัวไปเข้าคอร์ส

     แนะนำให้เตรียมเครื่องแต่งกายที่ออกกำลังกายสะดวก ควรมีรองเท้าผ้าใบที่เดินบนพื้นหินขรุขระได้ และควรมีหมวกกันแดด และครีมกันแดด

การเดินทางไปเข้าคอร์ส

     สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถตู้กทม.-มวกเหล็ก หรือรถไฟ (ลงสถานีมวกเหล็ก) ในกรณีเดินทางด้วยรถตู้หรือรถไฟ ต้องหารถรับจ้างจากตลาดมวกเหล็กเข้ามาส่ง ค่ารถมอเตอร์ไซค์ส่งจากตลาดราว 120 บาท ที่เวลเนสวีแคร์ ซึ่งตั้งอยู่ในมวกเหล็กวาลเลย์ อยู่ห่างจากตลาดมวกเหล็กราว 4 กม. อาจให้รถตู้จากกทม.แวะเข้ามาส่งก็ได้โดยต้องเพิ่มเงินให้เ้ขาประมาณ 120 บาท ในกรณีที่จะให้เวลเนสวีแคร์ช่วยระสานงานหารถรับจ้างเหมาไปจากกทม. ต้องติดต่อล่วงหน้า ค่าจ้างแทกซี่ 1,500 บาทเฉพาะขาไปจากกทม.ขาเดียว หรือ 3,000 บาทสำหรับการไปส่งแล้วไปรับกลับกทม. เวลเนสวีแคร์ไม่มีบริการขนส่ง ต้องจัดหาเอง

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์