โรคหัวใจ

ผลข้างเคียงของ statin มันมีอะไรมากกว่าที่คุณหมอเห็นบนผิวน้ำ

เรียนอาจารย์สันต์ครับ
ผม นพ. .. ครับ เป็นอายุรแพทย์จบ … รุ่น … อยู่ที่รพ. … ผมมีความเคารพนับถืออาจารย์มากและใช้บทความของอาจารย์แนะนำคนไข้บ่อยๆ ผมอ่านบทความของอาจารย์ซึ่งพูดถึงผลข้างเคียงของยา statin ในแง่ของการปวดกล้ามเนื้อในเจอร์นาลที่อาจารย์อ้างถึงนั้นมีอุบัติการเกิดสูงถึง 28% แต่ผมไม่เห็นอาจารย์อ้างถึงงานวิจัย Heart Protection Study (Lancet. 2002 Jul 6;360(9326):7-22) ซึ่งเป็นงานวิจัยใหญ่ ใช้คนถึง 20,536 คนและพบว่ามีภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับอาการปวดกล้ามเนื้อ (myopathy) เพียง 0.01% ทำไมอาจารย์ไม่พูดถึงเปเปอร์นี้เลยครับ
เคารพนับถือ

…………………………………………………………………

ตอบครับ

     เดิมผมตั้งใจจะไม่ตอบจดหมายของคุณหมอเพราะไม่อยากมีปัญหากับอุตสาหกรรมยาซึ่งบางคนก็เป็นเพื่อนซี้ของผม แต่มาคิดอีกทีตัวเองก็แก่ปูนนี้แล้วหากอะไรควรพูดแล้วไม่กล้าพูดแล้วจะมีหน้าอะไรไปแนะนำอะไรแก่แพทย์รุ่นหลัง ถ้าผมขี้กลัวก็เท่ากับปล่อยให้พวกน้องๆเชื่ออะไรหัวปักโดยไม่มีโอกาสได้รู้ความจริงอีกด้านหนึ่งอย่างที่ตัวผมเองเคยเป็นมาในอดีตสมัยที่ประสบการณ์ในวิชาชีพนี้ยังไม่มากพอ คิดได้อย่างนี้จึงหยิบจดหมายขึ้นมาตอบ

     ก่อนที่จะอ่านคำตอบของผมคุณหมอต้องทำใจก่อนนะว่าทุกวงการมันมีคนหากินสาระพัดแบบ มีตั้งแต่พวก “อีแอบ” ไปจนถึงพวกโจรผู้ร้ายจี้ปล้นสะดมโต้งๆ วงการของเราก็ไม่เว้น เพราะอุตสาหกรรมการแพทย์มันเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือโลกที่เราอยู่อาศัย มันมีทั้งด้านดีและด้านแย่ คุณหมอทำใจยอมรับตรงนี้ก่อน

     งานวิจัยที่คุณหมออ้างถึง (MRC/BHF Heart Protection Study) มันมีอะไรที่ใต้น้ำมากกว่าที่คุณหมอเห็นบนผิวน้ำ เรื่องจริงมันเป็นอย่างนี้ งานวิจัยนี้เขาทำเป็น 6 ขั้น

     ขั้นที่ 1. รับสมัครคนมา 63,603 คน

     ขั้นที่ 2. สัมภาษณ์คัดเหลือ 32,145 คน

     ขั้นที่ 3. แล้วเอา 32,145 คนนี้มาทำวิจัยแบบ run in หรือ pretest โดยให้ทุกคนกินยา simvastatin ขนาดวันละ 40 มก.นาน 4-6 สัปดาห์

     ขั้นที่ 4. แล้วคัดเอาคนที่มีปัญหาเกิดผลข้างเคียงของยาทิ้งออกไปก่อน มีผู้ที่ถูกคัดทิ้งไป 11,609 คน หรือ 36.1% พวกที่ถูกคัดทิ้งนี้คือพวกที่มีผลข้างเคียงของยาเกือบทั้งนั้นแหละ เหลือคนที่ไม่มีผลข้างเคียงของยา 20,536 คน

     ขั้นที่ 5. เอาคนที่เหลือ 20,536 คนที่พิสูจน์แล้วว่ากินยา 40 มก.นาน 4-6 สัปดาห์แล้วไม่มีปัญหา มาสุ่มตัวอย่างแบ่งเป็นสองกลุ่มเพื่อทำวิจัยตามที่ตีพิมพ์ไว้

     ขั้นที่ 6. แล้วรายงานว่าคน 20,536 คน มีปัญหาผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อเพียง 0.01%

    คุณหมออ่านวิธีวิจัยทั้งหกขั้นแล้วคุณหมอคิดว่าผู้ป่วยที่มีปัญหาต่อกล้ามเนื้อเมื่อกินยา symvastatin ในงานวิจัยนี้จริงๆแล้วมีกี่เปอร์เซ็นต์ละครับ

     ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี่ผมไม่ได้ไปล้วงความลับที่ไหนมาเปิดโปง มันตีพิมพ์ไว้ในนิพนธ์ต้นฉบับของงานวิจัยทั้งหมดนั่นแหละ บางตอนอาจจะทำเป็นตัวเล็กหน่อย แต่ถ้าตั้งใจอ่านก็จะเห็น

     แล้วทำไมเขาถึงทำวิจัยแบบนี้ ผม..no comment

     แล้วคนที่ทำวิจัยมีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรหรือเปล่า ผม..no comment แต่ถ้าคุณหมออ่านคำประกาศแนบท้ายงานวิจัยให้ละเอียดก็จะพอเห็น ผมเองเคยทำงานให้ AHA อยู่สองปี รู้จักพวกที่หากินทำวิจัยทางหัวใจอยู่บ้าง แต่ไล่ชื่อในเปเปอร์นี้ไม่มีคนที่ผมรู้จักสักคนจึงบอกเบื้องหลังไม่ได้

     ผมระวังมากในการตอบจดหมายนี้ที่จะไม่ให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณหมอ “เซ็ง” กับวิชาแพทย์แผนปัจจุบันนะ ผมแก่จนปูนนี้แล้วบอกคุณหมอได้เต็มปากว่าเรื่องแบบนี้มีในทุกวงการ ผมหลบไปทำเกษตรแบบชาวบ้านก็ยังไม่วายเจอเรื่องแบบนี้ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ผมมั่นใจว่าคนไข้ยังจะได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมการแพทย์อยู่ ตราบใดที่ตัวแพทย์ยังปักหลักที่จะช่วยคนไข้ตามปณิธานที่ตั้งไว้เมื่อครั้งย้งเป็นหนุ่มสาวก่อนเข้ามาสู่อาชีพนี้ ปักหลักยืนหยัดไม่ยอมตัวเป็น “ยี่ปั๊ว” ของบริษัทยาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ถ้าแพทย์ทุกคนมีข้อสงสัยในข้อมูลวิทยาศาสตร์แล้วตั้งคำถามและเสาะหาคำตอบอย่างที่คุณหมอทำอยู่นี้ อุตสาหกรรมการแพทย์ก็จะทำร้ายคนไข้ได้ไม่มากหรอกครับ แต่ในอนาคตถ้าหากเมื่อไหร่ที่แพทย์วางตัวเป็น “แนวร่วม” กับบริษัทยา แบบว่าถ้อยทีถ้อยทำมาค้าขายด้วยกัน นั่นก็คือโลกยุคมิคสัญญี

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์