Latest, จิตวิญญาณ (Spirituality)

จะอยู่ประเทศไหนในโลกนี้ไม่สำคัญ สำคัญที่เราสนองตอบต่อวินาทีนี้ในใจเราอย่างไร

 สวัสดีค่ะ หนูชื่อ … หรือชื่อเล่นว่า …ขณะนี้กำลังเรียนปี2 ด้านการตลาดที่มหาวิทยาลัย … ที่ … ประเทศNew Zealand ค่ะ ตอนนี้หนูต้องเลือกระหว่างจะอยู่นิวซีแลนด์ต่อไปหรือกลับไทยไปเรียนหมอ เรื่องของเรื่องคือหนูไม่มีสัญชาติหรือPRของนิวซีแลนด์ แต่เพราะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่นี่หนูได้Work Visa 3ปี ต้องทำงานในบริษัทที่ทางNZเค้าapprovesหรือ ต้องให้ได้เงินเดือนตามที่เขากำหนด ถ้าอยู่นิวซีแลนด์หนูต้อง ทำงาน2-3ปีจึงจะได้เปลี่ยนจากWorkเป็นresident visa และ พอresident visa อีก2 ปี ก็ขอpermanent residentได้ พอได้permanent resident แล้วถ้าตอนนั้นยังอยากเป็นหมอเหมือนตอนนี้อยู่ ก็จะสมัครเข้าเรียนหมอทางGraduate pathway ทางเลือกที่2คือกลับไทยทันทีที่เรียนจบและไปเรียนต่อหมอ ที่มหาวิทยาลัยที่ไทย และเรียนเฉพาะทาง ด้านผิวหนังที่ไทย แต่ที่จะเสียคือโอกาสที่จะได้PRที่นี่ อยากถามคุณหมอว่า หนูควรจะเลือกทางไหนจะดีที่สุดต่ออนาคตคะ คือหนูปรึกษาครอบครัวและตัวเอง ก็อยากจะกลับไทยเพราะรู้สึกว่าถ้าได้เรียนหมอที่ไทยคงมีความสุข และเรียนรู้เรื่องกว่า เพราะเป็นภาษาของเรา แต่ที่จะเสียไปเลยคือโอกาสในการได้สัญชาติของคนที่นี่ รบกวรแนะนำแนวทางด้วยนะคะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

………………………………………………….

ตอบครับ

ผมแยกสองเรื่องออกจากกันนะ คือ (1) จะอยู่ที่ไหน หรือเป็นพลเมืองของประเทศไหนดี (2) จะเรียนอะไร มีอาชีพอะไรดี

เอาเรื่องจะอยู่ที่ไหนก่อน ก่อนอื่นขอนอกเรื่อง ผมเองก็เคยมีปัญหานี้ สมัยหนุ่มๆเรียนจบเป็นหมอผ่าตัดหัวใจแล้วได้รับการเสนองานถาวรในต่างประเทศ ก็เกิดอาการจะเอายังงั้นจะเอายังงี้ ชักเข้าชักออกเป็นปี ด้านหนึ่งก็อยากอยู่ทำงานอยู่เมืองนอกต่อเพราะมันสนุกและได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเต็มที่ (สมัยนั้นคนไทยไม่ค่อยมีใครป่วยเป็นโรคหัวใจให้ผ่าตัดทำบายบาสกันเท่าไหร่) อีกด้านหนึ่งก็เป็นห่วงแม่ซึ่งแก่แล้วและรู้สึกผิดที่ตัวเองเอาทุนของรัฐบาลซึ่งมาจากภาษีของคนไทยไปเรียนพอจบแล้วถึงจะหาเงินใช้ทุนคืนเขาแต่มันก็คือการไม่ทำตามสัญญาที่ให้กับเขาไว้อยู่ดี ลังเลไป ลังเลมา แต่ในที่สุดก็กลับมาเมืองไทยด้วยเหตุผลอื่นนอกเหนือธรรมดา คืออยู่เมืองนอกแล้วลูกชายชอบหอบ ไม่ใช่หอบของนะ แต่หอบหืดแบบแพ้อากาศเย็น แล้วปีที่จะกลับก็หอบมากขึ้น  ซึ่งก็เป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิด เพราะมาอยู่เมืองไทยแล้วเขาหายหอบเป็นปลิดทิ้ง

คนทั่วไปที่มีโอกาสเลือก จะตัดสินใจในการเลือกประเทศอยู่จากโอกาสหาเงินหาทอง ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน สวัสดิการสังคมโดยเฉพาะในแง่การดูแลเมื่อเจ็บป่วย และภูมิอากาศ โดยภาพรวมก็คือมักเลือกโดยให้ความสำคัญแก่ security ของชีวิต แต่เมื่อผมได้ใช้ชีวิตมาจนแก่ปูนนี้แล้วผมมีประสบการณ์ชีวิตมากพอที่จะแนะนำคุณได้เต็มปากเต็มคำว่า security เป็นเรื่องไร้สาระและเป็นลบมากกว่าเป็นบวก การยึดติดกับ security จะทำให้คุณหมดโอกาสใช้ชีวิต เพราะการใช้ชีวิตก็คือการสำรวจเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ แต่คนที่ยึดติดกับ security คือคนที่กลัวความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ในความกลัวคนเราจะเรียนรู้อะไร เมื่อไม่ได้เรียนรู้สำรวจดูความมหัศจรรย์ของสิ่งต่างๆ ก็ไม่มี creativity เพราะชีวิตจะถูกตีกรอบอยู่ในกรงของหน่วยความจำเก่าๆเดิมๆไม่มีอะไรออกนอกกรงนั้นไปได้ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่คุณยึดติด security คุณได้ฆ่า creativity ของคุณไปแล้วเรียบร้อย แล้วคนรุ่นคุณหากปราศจาก creativity คุณจะไม่มีอะไรเหลือในชีวิตเลย เงินทองทรัพย์สมบัตินั้นแท้จริงแล้วมันไม่ใช่ของคุณดอกแต่คุณหลงสมมุติว่ามันเป็นของคุณ ความจำหรือความรู้เก่าๆที่คุณยึดติดไว้นั้นไร้ความหมายเพราะมันจะถูกแทนที่โดย AI หรือปัญญาประดิษฐ์หมด ยิ่งคุณบ้า security มากเพียงใด คุณก็ยิ่งจะไม่มีความสุขในชีวิต เพราะชีวิตคือความเปลี่ยนแปลง ความเปลี่ยนแปลงคือความจริง แต่คุณไปตรึงตัวเองไว้กับคอนเซ็พท์หลอกๆของ security ดังนั้นผมแนะนำคุณว่าหากคุณอยากมีชีวิตที่มีความสุข ให้เลิกคิดถึง security เสีย

ในแง่ของการจะมีความสุขในชีวิตการจะอยู่ประเทศไหนไม่สำคัญ สำคัญที่คุณลื่นไหลเป็นอันหนึ่งอันเดียวไปกับความเปลี่ยนแปลงใดๆในชีวิตที่จะโผล่เข้ามาในวินาทีนี้ ทีละวินาที ทีละวินาทีหรือไม่ คุณสนองตอบต่อวินาทีนี้ในใจของคุณไปในทางที่จะทำให้คุณเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ หากคุณยอมรับความเปลี่ยนแปลง หรืออยู่ในโหมดของ acceptance คุณก็จะมีความสุข หากคุณไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงเพราะมันคุกคาม security ของคุณ คุณก็จะมีความทุกข์ ดังนั้นแทนที่จะคิดเรื่องอยู่ที่ประเทศไหนดี ให้คุณขวานขวายฝึกฝนตัวเองให้มองเห็นใจตัวเองทุกวินาที ให้มีสติที่จะสนองตอบต่อสิ่งที่เข้ามาที่เดี๋ยวนี้อย่างมี acceptance ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญกว่า ส่วนจะอยู่ประเทศไหนดีนั้น ประเทศไหนก็ได้

คราวนี้มาถึงประเด็นจะมีอาชีพอะไร อาชีพอะไรก็ตามที่เป็นอาชีพสุจริตล้วนดีเหมือนกันหมด ในรายละเอียดแต่ละอาชีพก็มีข้อดีข้อเสียของมันเอง ให้คุณเลือกอาชีพที่คุณชอบหรืออยากทำกิจกรรมที่เขาทำกันในอาชีพนั้น และให้คุณพร้อมที่จะเปลี่ยนอาชีพหรือพร้อมที่จะอยู่อย่างไม่มีอาชีพหากเหตุการณ์แวดล้อมมันบังคับให้เป็นเช่นน้้น ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะต่อไป AI จะเข้าแทนแทบทุกอาชีพรวมทั้งอาชีพแพทย์ด้วย

ในกรณีที่อยากจะเข้าเรียนแพทย์หลังจบป.ตรีแล้ว การเข้าเรียนในเมืองไทยจะง่ายกว่าการเข้าเรียนที่นิวซีแลนด์มาก เพราะไทยขยายที่นั่งนักเรียนแพทย์ออกไปมากแบบขยายสุดๆชนิดที่ไม่กลัวเลยว่าแพทย์จบมาแล้วจะมาทำอะไรกิน โปรแกรมสองภาษาก็ขยายแยะ ขณะที่นิวซีแลนด์นั้นนอกจากจะไม่ขยายจำนวนโรงเรียนแพทย์แล้วยังลดจำนวนของที่นั่งในโรงเรียนแพทย์ลงตามอัตราส่วนแพทย์ต่อประชากรอีกต่างหาก ดังนั้นหากอยากเรียนแพทย์จริงๆ กลับมาเรียนเมืองไทยจะได้เข้าเรียนง่ายกว่า

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์