Latest

หมอสันต์แนะนำวิธีดีท๊อกซ์ (Detox) อ่านให้ดีนะ

(ภาพวันนี้: เสจ รัสเซีย สมุนไพรฝรั่ง)

คุณหมอสันต์ครับ

คุณแม่อายุ 74 ปีต้องไปดีท๊อกซ์ที่ … ทุกเดือน เขาจะฉีดวิตามินซี.และสารจับโลหะหนัก EDTA เป็นต้นเพื่อล้างแคลเซียมจากหลอดเลือด ไปครั้งหนึ่งก็เสียเงิน 18000 บาท ทำมาแล้ว 16 ครั้ง ผมต้องขับรถไปส่งไปรับทุกครั้งและหมอให้ทำต่อไปไม่มีกำหนด ผมบอกคุณแม่ว่าอย่าไปเที่ยวฉีดอะไรอย่างนั้นเลย มันมีความเสี่ยงเปล่าๆ ท่านตอบว่าไม่มีความเสี่ยง เพราะแพทย์เป็นคนฉีดให้ ผมรบกวนถามหมอสันต์ว่าการดำดีท๊อกซ์ด้วยการฉีดเข้าเส้นแบบนี้มีผลดีผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้างครับ การที่แพทย์ฉีดให้คนไข้แสดงว่าเป็นสิ่งที่ถูกหลักวิชาแพทย์ใช่ไหมครับ

ขอบพระคุณครับ

…………………………………………………………….

ตอบครับ

โห..จดหมายเรื่องดีท๊อกซ์นี่หายไปนานหลายปีเลยนะเนี่ย ยุคบูมสุดประมาณ 10 ปีที่แล้ว เป็นดีท๊อกซ์แบบสวนทวาร ช่วงนั้นมีจดหมายถามทุกวัน คราวนี้มาฟอร์มเด็ดกว่าเดิม คือฉีดเข้าเส้นเลย หิ หิ

ผมจะตอบคุณประเด็นเดียวนะ เรื่องการดีท๊อกซ์ ส่วนประเด็นแพทย์หากินทางฉีดดีท๊อกซ์ผมโนคอมเมนต์ เพราะมองจากมุมคนทำมาหากิน พังเพยมีว่า

“แมลงวัน ย่อมไม่ตอมแมลงวันด้วยกัน”

มองจากมุมของการฝึกฝนตัวเองให้เกิดความสงบเย็น ครูของผมซึ่งเป็นโยคีแขกสอนว่า

“อย่าไปเที่ยวพิพากษาคนอื่นว่าเขาดีไม่ดีอย่างไร เพราะเมื่อเราพิพากษาคนอื่น เราเอาอหังการ์ของเราเป็นไม้บรรทัดเปรียบเทียบ อหังการ์ของเราจะใหญ่ขึ้น สวนทางกับวิถีชีวิตของเราที่จงใจจะทำให้อหังการ์นี้เล็กลงๆจนหมดไป”

ดังนั้นไม่พูดดีก่า แต่ถึงจะหุบปากกลั้นใจไม่พูด ก็ยังอดไม่ได้ที่จะขอลงจดหมายของสมเด็จพระราชบิดาที่มีไปถึงสมาชิกสมาคมศิษย์เก่าแพทย์จุฬา เมื่อปีพ.ศ. 2471 ว่า

     “….ในขณะที่ท่านประกอบกิจแพทย์ อย่านึกว่าท่านตัวคนเดียว จงนึกว่าท่านเป็นสมาชิกของ “สงฆ์” คณะหนึ่ง คือคณะแพทย์ ท่านทำดีหรือร้าย ได้ความเชื่อถือหรือความดูถูก เพื่อนแพทย์อื่นๆจะพลอยยินดีเจ็บร้อนอับอายด้วย…”

เอาเถอะ เอาเถอะ มาตอบคำถามของคุณดีกว่า

1.. ถามว่าฉีดวิตามินซี.เข้าเส้นขนาดสูงๆที่เขานิยมทำกันทั่วไปเพื่อให้ผิวผุดผาดบ้าง เพื่อทะลวงแคลเซียมออกจากหลอดเลือดบ้าง เพื่อรักษามะเร็งบ้าง มีผลดีอย่างไร ตอบว่ายังไม่เคยมีการวิจัยเปรียบเทียบในคน (phase III clinical trial) ในเรื่องนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมจึงไม่มีหลักฐานใดๆที่จะมาตอบคุณว่ามันดีไหม ส่วนคนที่เขาอ้างว่าดีนั้นเขาอ้างจากงานวิจัยระดับต่ำที่ไม่มีการแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบ ซึ่งวงการแพทย์ไม่ได้ใช้เป็นมาตรฐานในการนำมาตัดสินใจใดๆครับ

2.. ถามว่าการดีท๊อกซ์ด้วยการฉีด EDTA ทุกเดือนเพื่อล้างแคลเซียมจากหลอดเลือดนั้นดีจริงไหม ตอบว่าได้เคยมีงานวิจัยระดับสุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบตีพิมพ์ไว้ในวารสาร JAMA ซึ่งสรุปผลได้ชัดแล้วว่า EDTA ไม่สามารถล้างหลอดเลือดเพื่อลดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ครับ

3.. ถามว่าการฉีด EDTA เพื่อเอาโลหะหนักออกจากร่างกายเป็นเรื่องจริงไหม ตอบว่าหากเป็นการรักษาพิษของโลหะหนักที่มีอาการผิดปกติจากพิษนั้นให้เห็น (symptomatic) และได้เจาะเลือดพิสูจน์แล้วมีโลหะหนักชนิดนั้นอยู่ในเลือดสูงผิดปกติ การฉีดสารเข้าไปจับออกมา (chelation) ก็ถือว่าเป็นการรักษาปกติ ส่วนใหญ่ทำกันครั้งเดียวก็จบ ไม่ใช่ทำกันทุกเดือนตลอดชีพ อย่างหลังนี้เป็นการหลอกเอาเงินมากกว่า

4.. ถามว่าการฉีดวิตามินซี.และ EDTA มีผลเสียไหม ตอบว่าสารทุกชนิดที่ฉีดเข้าทางหลอดเลือด มีโอกาสแพ้แบบรุนแรงถึงตายทันที (anaphylaxis) ได้ทุกตัวรวมทั้งวิตามินซี.ด้วย บางครั้งเข็มแรกไม่แพ้ แต่เข็มถัดไปอาจแพ้ ดังนั้นผมแนะนำว่าอย่าเที่ยวไปฉีดอะไรเข้าหลอดเลือดเปะปะโดยไม่จำเป็น มันเป็นการรนหาที่

นอกเหนือจากการแพ้ มองจากมุมพิษที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของสารแต่ละตัวนั้น วิตามินซี.ยังไม่มีรายงานว่ามีพิษอะไร แต่ EDTA นั้นเป็นสารพิษโดยตัวของมันเองอยู่แล้วด้วย มีรายงานว่ามันทำให้ปวดแสบร้อนตรงที่ฉีด น้ำตาลในเลือดต่ำ ความดันตกพรวดพราด ไตวาย อวัยวะเสียหาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชัก และตายได้

ผมตอบคำถามคุณจบแล้วนะ คราวนี้ผมพูดกับท่านผู้อ่านทุกๆท่าน การล้างพิษหรือ Detox มันเป็นวลีเด็ดสำหรับการขายของ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ร่างกายเขาทำของเขาเองอยู่แล้ว โดยอาศัยอวัยวะขับพิษทั้ง 6 คือ (1) ตับ (2) ไต (3) ปอด (4) ลำไส้ใหญ่ (5) ต่อมเหงื่อที่ผิวหนัง (6) น้ำเหลือง ถ้าท่านอยากจะล้างพิษ ผมแนะนำให้ท่านช่วยให้อวัยวะทั้งหกนี้ทำงานได้ดีขึ้นดังนี้

(1) ท่านช่วยตับของท่านได้ ด้วยการกินอาหารที่ตับต้องใช้ในการขจัดพิษ ที่เรียกว่าสารต้านอนุมูลอิสระนั่นแหละ ได้แก่อาหารพืชที่หลากสี (เน้นสีม่วงแดง) หลากรส (เน้นรสขม) ตามฤดูกาล (เน้นเห็ด) และเน้นขมิ้นชันในภาพรวมว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่น นอกจากนี้ควรขยันออกแดดเพื่อให้ไมโตคอนเดรียในเซลร่างกายของท่านทุกเซลช่วยกันสร้างสารต้านอนุมูลอิสระชื่อเมลาโทนินขึ้นมาช่วยการทำงานของตับ

(2) ท่านช่วยไตของท่านได้ ด้วยการระวังไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ กินเกลือให้น้อย กินยาให้น้อยที่สุด ไม่กินยาที่ทำให้เป็นโรคไตเรื้อรังโดยตรงเช่นยาลดการหลั่งกรด(เช่น omeprazole) ยาแก้ปวดแก้อักเสบข้อ และอย่าฉีดสีเพื่อวินิจฉัยโรคบ่อยโดยไม่จำเป็นเพราะสีเหล่านั้นเป็นพิษต่อไตมาก..ก

(3) ท่านช่วยปอดของท่านได้ด้วยการฝึกหายใจให้ลึก ฝึกกลั้นหายใจนิดหนึ่งขณะลมเต็มปอด ฝึกหายใจออกให้ยาวกว่าการหายใจเข้าเพื่อเอาลมค้างออกมาให้มากที่สุด ใช้วิธีนับ 4-4-8 อย่างที่ผมเคยสอนในบล็อกก่อนๆก็ได้ (เข้า 1 2 3 4, กลั้นไว้ 1 2 3 4 ออก 1 2 3 4 5 6 7 8 ) และขยันพาตัวเองไปอยู่ในบรรยากาศธรรมชาติอากาศดีๆ

(4) ท่านช่วยลำไส้ใหญ่ของท่านได้ด้วยการเอาใจใส่เลี้ยงดูชุมชนจุลินทรีย์ (microbiome) ในลำไส้ของท่านให้เจริญเติบโตหลากหลาย เพราะพวกเขาเป็นผู้ขับพิษที่แท้จริงของท่าน วิธีเลี้ยงก็คือกินของที่พวกเขาใช้เป็นอาหาร (prebiotic) เช่นกากต่างๆและถั่วต่างๆ และขยันกินอาหารที่มีจุลินทรีย์ (probiotic) เช่นอาหารหมักๆดองๆ ชาหมัก เป็นต้น

(5) ท่านช่วยต่อมเหงื่อบนผิวหนังของท่านได้ด้วยการขยันออกกำลังกายให้เหงื่อออกมากๆขณะเดียวกันก็ดื่มน้ำตามไม่ให้ขาด ถ้ามีซาวน่าก็ขยันอบซาวน่าให้เหงื่อไหลโทรมกายก็ช่วยได้

(6) ท่านช่วยระบบน้ำเหลืองของท่านได้ด้วยการขยันขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว อย่างน้อยให้ขยันเดินทั้งวัน วิ่งเหยาะๆบ้างเมื่อมีโอกาส เพราะการขยับแขนขาเป็นปัจจัยเดียวที่จะขับเคลื่อนการไหลเวียนของน้ำเหลืองเอาของเสียไปทิ้งได้

ทำทั้งหกอย่างนี่แหละ เป็นการดีท๊อกซ์ที่ได้ผลดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด ไม่ต้องไปเสียเงินฉีดอะไรที่เสี่ยงๆเข้าตัวเองทุกเดือนเลย

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม

1. Knudston ML, Wyse DG, Galbraith PD, et al. Chelation therapy for ischemic heart disease, a randomized controlled trial. JAMA. 2002;287(4):481-486. 

2. Guedes JVM, Aquino JA, Castro TLB, Augusto de Morais F, Baldoni AO, Belo VS, et al. (2020) Omeprazole use and risk of chronic kidney disease evolution. PLoS ONE 15(3): e0229344. https://doi.org/10.1371/journal.pone.0229344