หนูกับแฟนเพิ่งแต่งงานกัน เราไปฮันนิมูนที่ … มีความสุขมาก หนูมีความร่าเริงในความรักและการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแฟน พอกลับจากฮันนิมูน เข้าเรือนหอ ซึ่งเป็นบ้านของแฟน (เขาเป็นลูกชายคนเดียว ครอบครัวเขาเป็นจี๊น จีน) หนูเริ่มรู้สึกว่าชีวิตมีแต่ความอึดอัดขัดข้อง ไม่ใช่เฉพาะหนูนะคะ หนูสังเกตว่าแฟนหนูเวลาอยู่ในบ้านเขาเหมือนหุ่นยนต์ไม่เหมือนคนที่ไปฮันนิมูนกับหนู หนูคิดมาก จนบางวูบหนูคิดลบกับพ่อแม่ของแฟน สุขภาพหนูก็เริ่มแย่ หนูท้องผูกขับถ่ายไม่ออก นอนตื่นกลางดึกแล้วหลับต่อไม่ได้ หนูอยากจะย้ายออกไปอยู่กันเองข้างนอก
อ่านต่อกราบเรียนคุณหมอสันต์หนูแต่งงานมาสองปีแล้วแต่คุมอยู่ ตอนนี้หยุดคุมเพราะพร้อมจะมีลูกแล้ว พอประจำเดือนขาดก็ไปหาหมอสูตินรีเวชที่รพ. … หมอบอกว่าตั้งครรภ์และก็เริ่มฝากครรภ์ แต่ตอนตรวจเลือดหนูไม่เห็นหมอสั่งตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ หนูถามหมอบอกว่าไม่จำเป็นต้องตรวจ คุณพ่อคุณแม่หนูแนะนำให้เขียนมาถามคุณหมอสันต์ค่ะหนูึขอรบกวนนะคะ และจะรอ ………………………………………. ตอบครับ ผมหยิบจม.ของคุณขึ้นมาตอบเป็นฉบับแรกหลังจากกลับจากท่องเที่ยว ทั้งที่จดหมายของคุณเพิ่งเข้ามา เพราะเห็นว่าคุณจำเป็นต้องรีบเอาคำตอบไปใช้ เรื่องการจะตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์
อ่านต่อเที่ยวนี้เรามากันห้าคน นัดหมายมานับยอดกันให้พร้อมหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ ต้องตรวจสอบกันหลายรอบหน่อยเพราะหากไม่นับหมอพอซึ่งถูกเรียกตัวให้มาทำหน้านักบินนำร่องเสียคนหนึ่งแล้ว คนอื่นก็ล้วนเป็นสว.ขี้หลงขี้ลืมกันทั้งนั้น “ทุกคนแยกพาสปอร์ตเตรียมพร้อมแล้วนะ เช็คว่ามีเศษเงินแคนาดาพร้อมจับจ่ายใช้สอยทันทีด้วย อย่าทำตัวเป็นหลวงแบงค์ร้อย เพราะฝรั่งเขาไม่รับแบงค์ร้อยกันหรอก” มีสมาชิกสงสัยถามว่า “หลวงแบงค์ร้อยคืออะไรหรือ” ผมตอบว่า “ผมเคยอ่านเจอในหนังสือชาวกรุง
อ่านต่อสวัสดีครับ คุณหมอก่อนอื่นผมขอให้คุณหมอช่วยตอบจดหมายนี้ เพราะคำเเนะนำหลายๆเรื่องที่เคยติดตามจากเฟสบุ๊ค ที่ท่านได้ตอบจดหมายจากทางบ้าน ผมชอบมากเเละได้เเนวคิด ดีๆหลายเรื่อง ผมจึงอดทนรอได้ถ้ากว่าจะได้รับจดหมายตอบกลับต้องใช้เวลานาน ผมเป็นนักศึกษาเเพทย์ปีสุดท้าย ไม่ได้สังกัดโรงเรียนเเพทย์นะครับ อยู่ทางภาค … เรื่องที่ผมจะขอปรึกษา มันเริ่มต้นจากที่ผมมาวนศัลยกรรม เเรกๆงานก็จะราบรื่นดีครับ เเต่ว่าวันนึงที่ผมต้องไปรับเคสที่ห้องฉุกเฉิน ซึ่งปัญหาของคนไข้คือมีเลือดออกในสมอง ผมต้องโทรรายงานอาจารย์ที่เกี่ยวข้องด้านนี้ เเน่นอนครับ ผมกลัวอาจารย์แผนกนี้มาก
อ่านต่อแค้มป์ติดตามหลังจบคอร์สพลิกผันโรคด้วยตัวเอง Reverse Disease By Yourself Revisit (RDR) แค้มป์พลิกผันโรคด้วยตัวเอง (RDBY) ทำไปแล้ว 9 ครั้ง หลายแค้มป์ที่จบคอร์สหนึ่งปีไปแล้วแต่สมาชิกก็ยังอยากจะกลับมาฟื้นฟูความรู้ ทักษะ และกระตุ้นตัวเองเป็นพักๆ ครั้นจะรวมกลุ่มเฉพาะชั้นเรียนของตัวเองก็รวมได้ไม่มากพอ
อ่านต่อวันนี้ของดตอบคำถามหนึ่งวัน เพื่อแจ้งข่าวว่าหมอสันต์จะหยุดเขียนบล็อกไปหนึ่งเดือน คือเดือนตุลาคมทั้งเดือน เพื่อจะไปเที่ยว หนึ่งเดือนนี้จะปิดโทรศัพท์ ปิดหน้าจอ งดรับข่าวสารทุกชนิด จะอยู่แต่กับสิ่งที่เห็นที่ได้ยินสดๆซิงๆที่ตรงหน้า ณ เดี๋ยวนั้นเท่านั้น โดยไม่เอาอดีตอนาคตของตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง การปิดหรือไม่ปิดหน้าจอความจริงไม่มีผลต่างกันนัก เพราะบริเวณที่จะไปส่วนใหญ่เป็นป่าเขาไม่มีเน็ทอยู่แล้ว ครั้งนี้จะเป็นการขับรถไปหาที่เดินป่าเช่นเคย มีพลขับสองคนคือตัวหมอสันต์เองกับหมอพอผู้บุตร มีคณะที่ปรึกษาการขับขี่เป็นทีมสุภาพสตรีวัยเลขหกขึ้นอีกสามคนรวมทั้งสิ้นทั้งคณะเป็นห้าคน แผนการขับรถก็จะตั้งต้นแถวน้ำตกไนแอการาฝั่งแคนาดา แล้วขับลงไปทางตอนเหนือของสหรัฐเพื่อเดินป่าชมใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงต้นฤดูใบไม้ร่วง
อ่านต่อไม่กี่วันนี้เอง อิมพีเรียลคอลเลจ มหาลัยลอนดอนได้ตีพิมพ์ผลการรวบรวมสถิติอัตราการตายจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ของทุกประเทศทั่วโลก และเพิ่งเป็นครั้งแรกที่กลุ่มประเทศที่เจริญแล้วในโลกซีกตะวันตก ได้สูญเสียความเป็นแชมป์ในเรื่องอัตราตายด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังให้กับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่อยู่รอบๆเส้นศูนย์สูตรไปเสียแล้ว ประเทศไทยของเราก็มีสถิติการตายด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังสูงกว่าประเทศฝรั่งแช้มป์เก่าในโลกซีกตะวันตกด้วยเช่นกัน เช่นโรคหลอดเลือดหัวใจของพวกเราตาย 90 ต่อแสน แต่ของฝรั่งตาย 61 ต่อแสนเท่านั้น โรคอัมพาตของพวกเราตาย 49 ต่อแสน แต่ของพวกฝรั่งตาย
อ่านต่อ