Latest

ปรับปรุงแค้มป์รีทรีตทางจิตวิญญาณ ครั้งที่ 13 (Spiritual Retreat – SR13)

     แค้มป์ปลีกวิเวกทางจิตวิญญาณ Spiritual retreat (SR) ทำไปแล้ว 12 ครั้ง คราวนี้มีเหตุให้ต้องปรับปรุงเนื้อหาสาระอีกครั้ง

1. Spiritual Retreat คืออะไร

    Spiritual หมายถึงองค์ประกอบของชีวิตที่ข้ามพ้นส่วนที่เป็นร่างกายและความคิด นั่นก็คือองค์ประกอบส่วนที่เรียกว่าเป็นความตื่น (awakening) หรือความรู้ตัว (awareness)

     Retreat คือการปลีกวิเวกหลีกเร้น ไปอยู่ในสถานที่สงบเงียบเป็นธรรมชาติ เพื่อให้ได้มีเวลาที่สันโดษและเป็นส่วนตัว

     Spiritual retreat ก็คือการปลีกวิเวกหลีกเร้นเพื่อหันเหความสนใจจากโลกภายนอก หาการหลุดพ้นไปจากความคิด เพื่อกลับเข้าไปแสวงหาความสุขสงบเย็นที่ภายในตัว โดยเรียนรู้ผ่านการอยู่ในสถานที่สงบเงียบเป็นเวลานานหลายวันบ้าง หลายสัปดาห์บ้าง หลายเดือนบ้าง อาจจะอยู่คนเดียว หรืออยู่กับกลุ่มที่ต่างมุ่งแสวงหา “ความหลุดพ้น” เหมือนกัน

    แค้มป์นี้ไม่เกี่ยวกับศาสนาใด ไม่มีพิธีกรรม ไม่ต้องปฏิบัติบูชา ไม่ต้องนุ่งห่มแบบใดแบบหนึ่งเป็นการเฉพาะ ไม่ต้องนอนตื่นเช้ามากๆ (เริ่มเรียน 6.30 น.)ไม่ต้องอดอาหาร ในแค้มป์จะพูดหรือทำสิ่งเดียวเท่านั้น คือเรื่องที่จะหลุดพ้นไปจากความยึดติดในความเป็นบุคคลไปสู่ความตื่น โดยโฟกัสที่..ที่นี่ เดี๋ยวนี้

2. ปัญหาที่นำไปสู่การปรับปรุง SR13

     ไม่ว่าจะจัดเวลาให้มากกี่วัน แต่ก็ดูเหมือนว่าเวลาไม่เคยพอ การใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันให้มีประสิทธิภาพที่สุดจึงสำคัญ ใน SR 9-12 ได้จัดเวลาให้สมาชิกทุกคนหมุนเวียนเข้าพบผมเป็นรายคนๆเพื่อจูนเทคนิคปฏิบัติคนละ 15 นาที เพียงแค่นี้ก็หมดเวลาไปเกือบทั้งวันเพราะชั่วโมงหนึ่งเจอกันได้สี่คน ถ้ามียี่สิบคนก็ต้องมีห้าชั่วโมง แถมยังมีปัญหาว่าเรื่องที่เป็นปัญหาการปฏิบัติของคนหนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่คนอื่นอีกหลายคนควรจะได้เรียนรู้ด้วย จึงต้องเสียเวลาเอาเรื่องของบางคนมาถ่ายทอดเป็นบทเรียนในห้องเรียนรวมซ้ำสำหรับทุกๆคนอีกรอบหนึ่ง เป็นการใช้เวลาแบบไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่

3. สาระสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงใน SR 13

    เป้าหมายยังคงอยู่ที่การวางความคิดไปสู่ความรู้ตัวโดยเน้นเทคนิคการปฏิบัติที่ไม่อิงศาสนาใดเหมือนเดิม แต่เรื่องใหญ่ที่สุดที่จะเปลี่ยนแปลงในรอบนี้คือจะทดแทนการฝึกรายคนด้วยการทำ sat sang (การสนทนาถามตอบรวมกัน) ครั้งใหญ่ที่เน้นปัญหาเทคนิคการปฏิบัติเชิงลึกที่เกิดกับสมาชิกแต่ละคนแล้วเรียนจากปัญหาของกันและกันแทน

    โดยวิธีใหม่นี้จะได้เวลาเพิ่มขึ้นมาเพื่อให้สามารถสร้างหน่วยการเรียนใหม่ๆเช่นการฝึกจดจ่อที่กระบวนการทำโดยไม่พะวงผลลัพท์ (focus on process, zero result) ผ่านการวาดรูป และการเรียนรู้เรื่องปัญญาญาณ (intuition) ผ่านกิจกรรมงานปั้น ได้อย่างเจาะลึกยิ่งขึ้นและให้เวลาได้นานขึ้น

     อีกอย่างหนึ่ง เพื่อให้ง่ายขึ้นกับคนที่ไม่เอาศาสนาซึ่งดูจะมาเข้ารีทรีตมากขึ้นเรื่อยๆ ผมได้ปรับหลักคิดพื้นฐานของการฝึกเพื่อหลุดพ้นจากความคิดของตัวเองนี้เสียใหม่ โดยให้มองว่าสิ่งที่ชีวิตเราได้มา ซึ่งก็คือร่างกายซึ่งมีความคิดจิตใจอยู่ด้วยนี้ เป็นเหมือนเครื่องยนต์ที่ซับซ้อนมากๆชิ้นหนึ่ง เมื่อเราได้เครื่องยนต์ที่ซับซ้อนมา สมมุติว่าได้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่มาเครื่องหนึ่ง สิ่งแรกที่เราจะทำคือการอ่านคู่มือการใช้งาน (user’s manual) ว่าในการจะใช้งานเครื่องยนต์ใหม่ที่ได้มานี้เราจะต้องใช้เครื่องมืออะไรเข้าไปกดไปจิ้มไปหมุนตรงไหนบ้าง SR ก็คือการสัมนากันถึงรายละเอียดของคู่มือการใช้งาน ซึ่งไฮไลท์การใช้เครื่องมือห้าชิ้น คือ

1. Attention attraction การย้ายความสนใจ หรือการมีสติ
2. Body scan การรับรู้อาการของร่างกาย
3. Relaxation การผ่อนคลายร่างกาย
4. Meditative focus การทำสมาธิ
5. Alertness การกระตุ้นตัวเองให้ตื่นมารับรู้ปัจจุบันอยู่เสมอ

โดยตลอดสี่วันที่อยู่ด้วยกัน จะวนเวียนอยู่กับการใช้เครื่องมือทั้งห้าชิ้นนี้

4. Spiritual Retreat เหมาะสำหรับใครบ้าง

     1. ผู้ที่มีความเครียดซึ่งแก้เองไม่ตก และผู้ที่ป่วยเป็นโรคที่มีความเครียดเป็นสาเหตุร่วม

     2. ผู้ที่ต้องการแสวงหาความสงบทางใจ ด้วยการฝ่าข้ามหรือหลุดพ้นไปจากกรงความคิดของตัวเอง

     3. ผู้ที่ต้องการค้นหาความหมายของชีวิต

5. ตารางกิจกรรม Spiritual Retreat

(สี่วันสามคืน)

สถานที่: เวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์

วันแรก

11.00 – 12.00 น. Getting to know you ทำความรู้จัก เรียนรู้จากประสบการณ์ของกันและกัน

12.00 – 14.00 น. Lunch break พักกลางวัน ในความเงียบสงบ

14.00 – 15.30 น. Consciousness – Awareness รู้จักความรู้ตัว
                           Workshop1. Attention and how to attract it. การดึงความสนใจ 
                           Workshop2. Thinking a thought vs Aware of a thought “คิด” กับ “สังเกตความคิด”
                           Workshop3. Between two thoughts ที่ปลายความคิดที่ 1 ก่อนความคิดที่ 2 จะมา
                           Workshop4. Emptiness in which thought arises. “ความว่าง” ที่ความคิดผุดขึ้นในนั้น
                           Workshop5. Aum vibration to silence เปล่งเสียงโอมสู่การสั่นสะเทือนเล็กๆที่เงียบ
                           Workshop6. Bell vibration to silence ตามเสียงระฆังสู่การสั่นสะเทือนเล็กๆที่เงียบ
                           Workshop7. Sounds to silence เสียงในสิ่งแวดล้อมสู่การสั่นสะเทือนเล็กๆที่เงียบ
                           Workshop8. Muscle relaxation วางความคิดด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

15.30 – 16.00 น. Coffee Break พักผ่อนในความเงียบสงบ

16.00 – 17.00 น. Workshop10. Muscle relaxation through Yoga
                                               วางความคิดด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบโยคะ

17.00 – 18.00 น. Prana (Chi) รับรู้พลังชีวิตด้วยการรู้ความรู้สึกบนผิวกาย
                           Workshop 11. Where are my hands มือของฉันอยู่ไหน
                           Workshop 12. Body scan ลาดตระเวณรับรู้ผิวกาย
18.00 – 19.00 น. Dinner อาหารเย็น

19.00 –               Private time เวลาพักผ่อนส่วนตัว

วันที่สอง

06.30 – 07.00 น. Workshop13. Relaxation+Body scan ควบเทคนิคผ่อนคลายร่างกายและรับรู้ผิวกาย
07.00 – 07.30 น. Workshop14. Tai Chi อยู่กับพลังชีวิตขณะเคลื่อนไหว

7.030 – 09.00 น. Breakfast รับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ

09.00 – 9.30 น. Workshop15. Am I aware? ฉันรู้ตัวอยู่หรือเปล่า
09.30 – 10.00 น. Workshop16. Meditative Focus การสร้างสมาธิ
10.00 – 10.30 น. Workshop 17. Alertness ความตื่นอยู่เสมอ และ 5 ขั้นตอนเพื่ออยู่กับปัจจุบัน

10.30 – 11.00 น. Coffee Break พักในความเงียบสงบ

11.00 – 12.00 น. Workshop18. Anapanasati อานาปานสติ วิธีปล่อยจิตไปโดยไม่ควบคุม

12.00 – 14.00 น. Lunch Break พักกลางวัน

14.00 – 14.45 น. Workshop19. Acceptance And Surrender ฝึกวิธียอมรับยอมแพ้
14.45 – 15.30 น. Workshop20. Balanced movement ทรงตัวขณะเคลื่อนไหว

15.30 – 16.00 น. Coffee Break ในความเงียบสงบ ไตร่ตรองสิ่งที่ได้เรียนรู้

16.30 – 17.00 น. Workshop21. Sunset meditation นั่งสมาธิกับแสงอาทิตย์ตกดิน

18.00 – 19.00 น. Dinner รับประทานอาหารเย็น

วันที่สาม

07.00 – 08.00 น. Workshop22. Forest Walk  เดินธุดงค์ในป่า

08.00 – 09.30 น. Breakfast รับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ

09.30 – 10.30 น. Workshop23. Painting to focus on process เขียนภาพลายเส้นและสีน้ำ

10.30 – 11.00 น. Coffee Break พักในความเงียบสงบ

11.00 – 12.00 น. Workshop24. Painting assignment ทำการบ้านเขียนภาพสีน้ำ

12.00 – 14.00 น. Lunch Break พักกลางวัน

14.00 – 15.30 น. Workshop25. Intuition through clay work ปัญญาญาณในงานปั้นดิน

15.30 – 16.00 น. Coffee Break ในความเงียบสงบ ไตร่ตรองสิ่งที่ได้เรียนรู้

16.00 – 18.00 น. Sat Sang สนทนาถามตอบแก้ไขปัญหาการปฏิบัติ

วันที่สี่ (วันสุดท้าย) 

06.30 – 08.00 น. Workshop26. Sun salutation and sunrise meditation on the mountain สุริยนมัสการและนั่งสมาธิรับอรุณที่บนเขา

08.30 – 09.30 น. รับประทานอาหารเช้าและทำกิจส่วนตัว

09.30 – 10.00 น. Briefing: Self Inquiry หลุดพ้นผ่านการตั้งคำถามตัวเอง
10.00 – 10.30 น. Workshop27. Walking meditation วางความคิดด้วยการเดิน

10.30 – 11.00 น. Coffee Break ในความเงียบสงบ

11.00 – 12.00 น. Satsang: Summary of techniques สรุปเทคนิคการวางความคิดที่เรียนแล้วทั้งหมด แชร์ประสบการณ์และแลกเปลี่ยน

12.00 – 13.00 น. ปิดแค้มป์ รับประทานอาหารกลางวันแล้วอำลา

………………………………………..

6. ค่าใช้จ่ายในการมาเข้าแค้มป์ Spiritual Retreat

     คนละ 9,000 บาท ราคานี้รวมอาหารวันละสามมื้อ อาหารว่างวันละสองเบรค ค่าที่พักห้องพักเตียงคู่ห้องละ 2 คน สี่วัน สามคืน ทั้งหมดนี้ไม่รวมค่าเดินทาง ทุกคนต้องเดินทางไปและกลับด้วยค่าใช้จ่ายของตนเอง

7. จำนวนที่รับเข้าแค้มป์

     รับไม่เกิน 25 คน

8. วิธีลงทะเบียนเข้าแค้มป์

ลงทะเบียนบนเว็บและจ่ายเงินทางออนไลน์ โดยท่านสามารถลงทะเบียนได้โดยโทรศัพท์ติดต่อคุณเฟิร์น ที่หมายเลข 0636394003 หรือไลน์ @wellnesswecare หรืออีเมล host@wellnesswecare.com